นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 106

"พี่ใหญ่ ท่านมองเห็นแล้ว ท่านมองเห็นแล้วจริงๆหรือ?" หวังชีเอ่ยถามอย่างเหลือเชื่อ พร้อมกับมีน้ำตาที่เอ่อล้น

วันนี้ถือเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของตระกูลหวังเลยก็ว่าได้

"อืม พี่ใหญ่มองเห็นแล้วจริงๆ น้องเจ็ดของข้าช่างดูดีเหลือเกิน" หวังจิ่นหลิงก็กำลังน้ำตาซึม คุณชายตระกูลหวังผู้องอาจ มาตอนนี้กลับไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ เขาตบไหล่ของหวังชี เป็นการระบายความตื้นตัน

"ท่านพ่อ ข้ามองเห็นแล้ว ในที่สุดดวงตาของข้าก็สามารถมองเห็นได้แล้ว" หวังจิ่นหลิงดีใจจนรู้สึกเหมือนหัวใจจะหลุดมาข้างนอก

ในที่สุดวันที่เขารอคอยก็มาถึงเสียที

"หลิงเอ๋อร์ เจ้าอย่ามาโกหกพ่อ นี่มันเป็นความจริงหรือนี่? หลิงเอ๋อร์ลูกพ่อ เจ้าต้องลำบากมาหลายปี หมอเถื่อนพวกนั้นกลับกล้าพูดว่าหลิงเอ๋อร์ของพ่อไม่มีโอกาสที่จะมองเห็นได้"

"หากแม่ของเจ้ารู้คงจะดีใจไม่น้อย เพราะเรื่องของเจ้า นางถึงกับนอนไม่ได้มา 3 วันแล้ว เร็วเข้า รีบกลับจวนไปบอกข่าวดีกัน คุณชายใหญ่แห่งตระกูลหวังของข้ากลับมามองเห็นแล้ว" หวังซู่ผู้เป็นหัวหน้าตระกูลหวังกล่าวด้วยความปลื้มปริ่ม

กว่าวันนี้จะมาถึง พวกเขาเฝ้ารอมันมานานแสนนาน ความทุกข์ตรมและความกังวลภายในใจ บัดนี้ได้ปลดเปลื้องไปเสียที

หวังจิ่นหลิงพักสายตาสักพัก เขาไม่กล้าลืมตานานเกินไป เนื่องจากยังปรับสายตาสู้แสงไม่ค่อยได้

"ท่านพ่อ ลูกมองเห็นแล้วจริงๆ ท่านพ่อ......" หวังจิ่นหลิงเก็บความเจ็บปวดไว้ในใจ แล้วหันมาปลอบประโลมหวังซู่

หวังซู่เอื้อมไปจับมือทั้งสองข้างของหวังจิ่นหลิงด้วยอาการสั่นเทา ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เขาก็รีบมองตาลูกชายอย่างละเอียด

ดวงตาหวังจิ่นหลิงไม่มืดมนและไร้แววดังแต่ก่อน แต่กลับมีประกายสุกใส ในดวงตาคู่นั้นมีเงาของเขาสะท้อนอยู่

"วิเศษ ช่างวิเศษจริงๆเลย หลิงเอ๋อร์เจ้าโชคดีจริงๆ ตระกูลหวังของเราช่างโชคดีเหลือเกิน" หวังซู่ยืนขึ้นและตบไหล่หวังจิ่นหลิงด้วยความปลื้มปิติ

ส่วนหวังชีก็ได้แต่ยืนยิ้มทั้งน้ำตา

เฟิ่งชิงเฉินหลบไปยืนอยู่ข้างๆได้นานแล้ว นางต้องการเปิดที่ว่างข้างๆหวังจิ่นหลิง

ในตอนนี้ ชีวิตการเป็นหมอของนางถือว่าคุ้มค่ายิ่งนัก

"เฟิ่งชิงเฉิน นี่เจ้าสามารถรักษาดวงตาให้หวังจิ่นหลิงได้จริงๆ" อวี่เหวินหยวนฮั่วแอบหยิกตัวเองเบาๆ

เขากลัวว่านี่จะเป็นความฝัน ความรู้สึกนี้ช่างเหมือนกับความฝันยิ่งนัก

"คราวนี้เชื่อหรือยัง ท่านสบายใจได้แล้วนะ ข้าไม่ทำให้ท่านเดือดร้อนหรอก" เฟิ่งชิงเฉินมองสามพ่อลูกตระกูลหวังด้วยแววตาเป็นมิตร

เมื่อคนที่เป็นหมอมีความทุกข์ แต่หากได้เห็นรอยยิ้มที่จริงใจของผู้ปวยหรือว่าญาติผู้ป่วย ทุกสิ่งทุกอย่างมันช่างคุ้มค่านัก

อวี่เหวินหยวนฮั่วหน้าแดงเล็กน้อย ดีที่เขาผิวเข้มหน่อยจึงเห็นไม่ค่อยชัด "เอ่อ ก็ที่ผ่านมามันไม่ได้เรื่องเลยนี่ ข้าจะเป็นกังวลก็ไม่แปลก"

"ข้าเข้าใจ แต่มีหนึ่งเรื่องที่ท่านวางใจได้ ข้าเฟิ่งชิงเฉินแม้จะไม่ได้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ แต่หากพูดสิ่งใดออกมาแล้ว ข้าจะต้องทำให้ได้ โดยเฉพาะภารกิจที่มีต่อผู้ป่วย ข้าไม่มีทางยืนกรานไปเรื่อยเปื่อย รักษาได้ก็คือรักษาได้ หากรักษาไม่ได้ก็จะไม่รักษา"

เฟิ่งชิงเฉินยืนกอดอกอยู่ข้างผนัง เท้าขวาของนางก่ายขึ้นไปบนผนัง ไม่มีความเป็นกุลสตรีลูกผู้ดีแม้แต่น้อย นางวางมาดเข้มยิ่งกว่าผู้ชายเสียด้วยซ้ำ

"ผู้หญิงอย่างเจ้าช่างเข้าใจยากจริงๆ" อวี่เหวินหยวนฮั่วส่ายหน้า

เขาไม่เคยพบเคยเห็นผู้หญิงเช่นนี้มาก่อนเลย

ผู้หญิงที่กำลังฝ่าฟันมรสุมชีวิต แต่กลับมีจิตใจที่แข็งแกร่ง ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น สู้งานก็สู้ตามลำพัง

นางเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่ง ไม่สงบเสงี่ยม พร้อมสวนกลับทุกครั้งที่มีโอกาสเหมาะ

แถมยังแยกแยะความแค้นและความเมตตาได้ นางไม่ทนกับความไม่ถูกต้อง เฟิ่งชิงเฉินในตอนนี้ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนลูกสาวของขุนนาง แต่กลับดูเหมือนจอมยุทธสาวผู้มาดมั่น

"ไม่เข้าใจก็ดีแล้วล่ะ ไม่เข้าใจข้าจะได้ไม่ชอบข้าอย่างไรล่ะ" เฟิ่งชิงเฉินพูดออกมาโดยไม่คิดอะไรมาก พร้อมกับชี้ไปที่บาดแผลบนแขนของอวี่เหวินหยวนฮั่ว "อวี่เหวินหยวนฮั่ว ข้าขอบอกท่านหน่อยนะ ข้าเป็นหมอ สิ่งที่ข้าเชี่ยวชาญมากที่สุดก็คือแผลภายนอก ต่อไปนี้ถ้าท่านบาดเจ็บก็ให้มาหาข้า ข้าไม่คิดเงินท่านหรอก"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ