นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1091

เรื่องที่ฉู่ฉางฮว๋าต้องแต่งงานนั้นเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เฟิ่งชิงฉินไม่อยากให้นางอยู่ลำพังอีกต่อไป แต่ไม่ว่าจะเป็นเสด็จอาเก้าหรือซุนซือสิง ก็ล้วนแต่ไม่เหมาะสมกับฉู่ฉางฮว๋า

หากสิ่งที่นางได้ยินมานั้นถูกต้อง หนานหลิงจิ่นฝานและซีหลิงเทียนเหล่ยได้เริ่มเคลื่อนไหวแล้วหลังจากที่รู้ว่าเทียนอวี่และจิ่นสิ่งต้องการแต่งงานกับฉู่ฉางฮว๋า

เนื่องจากนี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดี มันไม่สำคัญว่าฉู่ฉางฮว๋าจะเลือกคู่ครองหรือไม่ ตรงกันข้าม ด้วยแรงกดดันที่เข้ามานี้ ต่อให้นางไม่เลือกนางก็ต้องเลือก

“เรื่องราวใหญ่โตถึงเพียงนี้ ถึงเวลานั้นมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฉู่ฉางฮว๋า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าเองก็ต้องไฟให้คุณหนูใหญ่แห่งเมืองฉู่บ้างแล้ว” หวังจิ่นหลิงยังคงอ่อนโยนเหมือนเช่นเคย แต่ตี๋ตงหมิงกลับสั่นไหวไปทั้งร่างกาย เขาพึมพำออกมา “เหตุใดข้าถึงไม่เข้าใจว่าพวกเจ้ากำลังพูดอะไรกันอยู่? นี่พวกเจ้ากำลังบังคับให้ฉู่ฉางฮว๋าแต่งงานกับใครสักคนอยู่ใช่ไหม?”

“เจ้าไม่เข้าใจไม่ใช่หรือไง เหตุใดถึงเข้าใจมันได้” เฟิ่งชิงฉินยิ้มออกมา ตี๋ตงหมิงรู้สึกว่าการคาดเดาของตนเองนั้นถูกต้อง รอยยิ้มปรากฏตรงมุมปากของเขา แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็นึกถึงคำพูดของหวังจิ่นหลิง เขาตกใจขึ้นมาทันที ตะโกนออกมาด้วยความเหลือเชื่อ “จิ่นหลิง เจ้าบอกว่าเจ้าต้องการใส่ไฟ เจ้าคงไม่ได้อยากแต่งงานกับฉู่ฉางฮว๋าใช่ไหม? เจ้าทำเช่นนั้นไม่ได้เป็นอันขาด ผู้หญิงแบบนั้นดูก็รู้แล้วว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของการหว่านเสน่ห์ เจ้าต้องไตร่ตรองให้ดี อย่าไปแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นเป็นอันขาด”

หวังจิ่นหลิงยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไร ดวงตาอันอบอุ่นจับจ้องอย่างมีมนต์ขลัง ทำให้ตี๋ตงหมิงสงบลงโดยไม่รู้ตัว

ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง มีผู้คนมากมายชื่นชมและหลงใหลในตัวของฉู่ฉางฮว๋าราวกับปลาในแม่น้ำ มองผิวเพลินก็คิดว่าทุกคนกำลังอิจฉานาง แต่ในความเป็นจริงแล้วมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่คิดดีกับนาง

สำหรับผู้หญิงที่ทำตัวนอกลู่นอกทางเช่นนี้ แม้ว่าจะเป็นลูกชายของตระกูลที่มีพื้นเพไม่ดีนักก็ไม่กล้าแต่งงานกับผู้หญิงเช่นนี้ หากวันหนึ่งนางเปลี่ยนใจ นอกใจสามีของตน เช่นนั้นจะทำให้เสียหน้าเป็นอย่างมาก คนอย่างตระกูลหวัง ต่อให้ต่อการครอบครองเมืองฉู่มาเพียงใด ก็ไม่มีทางปล่อยให้หวังจิ่นหลิงไปแต่งงานกับนาง ตี๋ตงหมิงคิดมากเกินไปจริง ๆ

หวังจิ่นหลิงจะไปหลงกลคนอย่างฉู่ฉางฮว๋าได้อย่างไร ต่อให้เขาต้องการช่วยเหลือเฟิ่งชิงฉิน แต่เขาก็ไม่มีทางแสดงท่าที่เสียสละว่าตนเองต้องการแต่งงานกับฉู่ฉางฮว๋าออกมาเป็นแน่ หากเป็นเช่นนั้นก็มีจะมีแต่ช่วยทำให้สถานะของฉู่ฉางฮว๋าเพิ่มขึ้นโดยเปล่าประโยชน์

หวังจิ่นหลิงเป็นใคร?

เขาเป็นถึงผู้นำแห่งตระกูลหวัง เขาเป็นคุณชายใหญ่ที่มีชื่อเสียงกึกก้องไปทั่วทั้งใต้หล้า เป็นนักปราชญ์ที่หัวใจใฝ่หาในการเรียนรู้เรื่องการประพันธ์

วิธีการต่าง ๆ ของหวังจิ่นหลิงเป็นมาตรฐานในใจของนักปราชญ์ ในสายตาของคนพวกนี้ ไม่ว่าหวังจิ่นหลิงจะทำอะไรก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง หากหวังจิ่นหลิงกล่าวว่าตนเองชื่นชอบฉู่ฉางฮว๋า เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก คนทั่วทั้งใต้หล้าก็จะเชื่อว่าหวังจิ่นหลิงชื่นชอบฉู่ฉางฮว๋า และไม่มีทางทำไปเพื่อเมืองฉู่เป็นอันขาด

คนที่สามารถทำให้คุณชายใหญ่ขอแต่งงานได้ ด้วยเหตุผลที่กล่าวมา เจ้าคิดว่าจะทำให้ชื่อเสียงของฉู่ฉางฮว๋าเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด

ผู้หญิงคนหนึ่งจะดีแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ชายของนางเป็นใคร หรือก็คือคนที่เข้ามาจีบนาง ตัวอย่างเช่นเฟิ่งชิงฉิน เหตุใดนางถึงทำให้ผู้หญิงมากมายในเมืองจักรพรรดิต้องอิจฉา? มันก็ไม่ใช่เพราะพวกผู้ชายที่เข้ามาจีบเฟิ่งชิงฉินอย่างนั้นหรือ?

ผู้ชายที่เข้ามาจีบเฟิ่งชิงฉินนั้นมีไม่มาก แต่พวกเขาทั้งหมดมีภูมิหลังที่ดี ไม่ต้องพูดถึงเสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิง แค่เซวียนเส้าฉีกับหยุนเซียวก็สุดยอดมากแล้ว และไม่ต้องพูดถึงคำพูดที่คุณชายหยวนซีเคยพูดไว้ต่อหน้าจักรพรรดิ ว่าเขาต้องการแต่งงานกับเฟิ่งชิงฉิน

ผู้ชายที่เข้ามาพัวพันกับเฟิ่งชิงฉินทุกคนล้วนแต่เป็นผู้ชายในฝันของเหล่าผู้หญิงในเมืองจักรพรรดิ ที่พวกนางต้องการแต่งงานด้วย แต่พวกผู้ชายผู้โดดเด่นและเก่งกาจเหล่านี้ล้วนแล้วแต่หลงใหลในตัวของเฟิ่งชิงฉิน นี่มันเหมือนกับความเกรี้ยวโกรธของพระเจ้า เจ้าคิดว่าเฟิ่งชิงฉินสามารถทำให้พวกนางอิจฉาได้หรือไม่?

เมื่อมองมาที่ฉู่ฉางฮว๋า มีผู้ชายมากมายเข้ามาจีบนาง เจ้าลองดูคุณชายสามแห่งเมืองอัน เขาเป็นผู้ไม่มีสิทธิ์ในการสืบทอดมรดก แม้จะเป็นลูกชายคนที่สาม แต่ก็ไม่มีอำนาจอยู่ในครอบครอง

อีกอย่าง เมื่อกลายมาเป็นลูกเขยของเมืองฉู่ แต่ก็เป็นได้เพียงหมากของเมืองฉู่เท่านั้น ต่อให้มีอำนาจมากแค่ไหน ก็ยังต้องพึ่งพาบารมีจากทางฝั่งของฉู่ฉางฮว๋าเท่านั้น ไม่ว่าเขยที่แต่งเข้ามาจะมาจะรักฉู่ฉางฮว๋าหรือไม่ หรือว่าจะมาเพื่ออำนาจของเมืองฉู่ ในสายตาของคนทั่วทั้งใต้หล้า เขาล้วนมาเพื่ออำนาจแห่งเมืองฉู่ถึงได้เข้ามาจีบฉู่ฉางฮว๋า

“เรื่องพวกนี้ท่านพ่อจะไม่เข้าใจได้อย่างไร ทั้งสี่ประเทศล้วนเป็นประเทศที่พวกเราไม่อาจรุกรานได้ พูดไปพูดมามันก็อาจเป็นเพราะความโลภของท่านพ่อ หากท่านพ่อไม่เชื่อคำยุยงของจักรพรรดิแห่งตงหลิง เรื่องทั้งหมดก็คงไม่ดำเนินมาถึงจุดนี้” ฉู่ฉางฮว๋าแอบรู้สึกเสียใจกับตนเอง เขาไปเชื่อคำพูดของจักรพรรดิแห่งตงหลิงได้อย่างไร เชื่อว่าอีกฝ่ายจะบังคับให้เสด็จอาเก้าแต่งงานกับฉางฮว๋า และให้ฉางฮว๋านั่งอยู่บนตำแหน่งผู้นำแห่งเมืองฉู่

เกิดเป็นคนอย่าโลภมาก หากไม่มีความโลภของเขาตอนนี้ เรื่องราวก็คงไม่เลวร้ายและดำเนินมาถึงจุดนี้

“ท่านพ่อ เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องพวกนี้ ท่านพ่อ ท่านรู้สึกหรือไม่ว่าเรื่องนี้มันช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก? อยู่ดี ๆ เหตุใดองค์ชายแห่งหนานหลิงและซีหลิงจะเข้ามามีเกี่ยวข้อง ข้าได้ยินมาว่าองค์ชายจิ่นฝานและองค์รัชทายาทเหล่ยได้ยินเรื่องที่เทียนอวี่และองค์ชายจิ่นสิงมาขอข้าแต่งงาน พวกเขาจึง......”

คนพวกนี้แน่นอนว่าไม่ได้มาขอนางแต่งงานด้วยใจ องค์ชายพวกนี้แค่ไม่อยากให้นางไปแต่งงานกับศัตรูของพวกเขา ดังนั้นจึงส่งคนมาขอนางแต่งงาน สร้างความกดดันให้แก่เมืองฉู่ ทำให้นางไม่สามารถแต่งงานกับใครในหมู่คนเหล่านั้นได้

ด้วยเหตุนนี้จึงไม่ใช่แค่ตงหลิงเท่านั้น แต่ในซีหลิงและหนานหลิง ฉู่ฉางฮว๋าเองก็ถือว่ามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ผู้หญิงคนหนึ่งที่ดึงดูดผู้ชายจากหลายประเทศ เช่นนี้มันไม่เท่ากับว่าเป็นหายนะอันยิ่งใหญ่งั้นหรือ?

“ท่านพ่อจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเมืองฉู่ของพวกเรากำลังเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ไม่อย่างนั้นเหตุใดพวกเราจะต้องมาเยือนตงหลิงด้วยความต้อยต่ำ และถูกทำให้เกิดความรู้สึกเช่นนี้ได้อย่างไร” ใช้องค์ชายของแต่ละประเทศเป็นหมาก บังคับให้ฉู่ฉางฮว๋าแต่งงานโดยไม่สนว่าเต็มใจหรือไม่ นี่มัน......

นี่มันเป็นการสร้างความยากลำบากให้แก่เจ้าเมืองฉู่ เพื่อสร้างความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ศัตรูของพวกเขาช่างน่ากลัวยิ่งนัก และสิ่งที่น่ากลัวว่านั้นก็คือตอนนี้ พวกเขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าศัตรูที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขาเป็นใคร

ใครกันที่มีความสามารถบังคับให้องค์ชายของสามประเทศ รวมถึงสามตระกูลผู้ยิ่งใหญ่อย่างตระกูลชุย ตระกูลหวัง และตระกูลเซี่ยให้ทำเช่นนี้ได้?