นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1093

เจ้าเมืองฉู่? เข้ามาทำอะไรที่จวนเฟิ่ง?

เฟิ่งชิงเฉินถามเสด็จอาเก้าด้วยสายตา เสด็จอาเก้าหันเบือนหน้านี้ไปทางอื่นอย่างเฉยชา แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น

เพื่อซุนซือสิงแค่คนเดียว ถึงขั้นไล่เขาออกไป นับวันเฟิ่งชิงเฉินยิ่งไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา

คิดถึงเขาในตอนที่เขามีประโยชน์เท่านั้น ฮึ......

ไม่พูดก็ไม่ต้องพูด ข้าก็แค่เชิญเขาเข้ามาก็พอแล้วไม่ใช่หรือไง

เฟิ่งชิงเฉินจ้องเขม็งไปที่เสด็จอาเก้า จากนั้นบอกพ่อบ้านให้ไปเชิญเจ้าเมืองฉู่เข้ามา เสด็จอาเก้ายังคงแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น นั่งอยู่ที่เดิมไม่เคลื่อนไหวแต่อย่างใด

โกรธก็ส่วนโกรธ แต่เสด็จอาเก้าก็ไม่มีทางทิ้งเฟิ่งชิงเฉินไว้เพียงลำพังโดยไม่สนใจ ต้องรู้ก่อนว่าเจ้าเมืองฉู่เองก็เป็นจิ้งจอกเฒ่า เสด็จอาเก้าเกรงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเสียเปรียบเมื่อเผชิญหน้ากับเขา

เจ้าเมืองฉู่ถูกเชิญเข้ามาอย่างรวดเร็ว ส่วนคนที่ตามมาด้านหลังของเขาก็คือฉู่ฉางฮว๋าในชุดสีแดง

“เจ้าเมืองฉู่ คุณหนูใหญ่ฉู่” เฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้นยืน จากนั้นเดินออกไปต้อนรับที่หน้าประตู

“แม่นางเฟิ่งไม่ต้องเกรงใจ” เจ้าเมืองฉู่ตอบกลับมาอย่างเป็นมิตร เดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นเสด็จอาเก้านั่งอยู่ด้านใน ใบหน้าของเขาก็ดูตกใจจนเกินเหตุ แต่ทันใดนั้นก็สงบลง “ไม่รู้ว่าเสด็จอาเก้าก็อยู่ที่นี่ด้วย ข้าเสียมารยาทแล้ว”

ในเวลานี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือ” แต่เสด็จอาเก้ากลับตอบไปว่า “อ่า” โดยที่ไม่แม้แต่จะมองหน้าของเจ้าเมืองฉู่และฉู่ฉางฮว๋า และทำตัวอยู่ห่างจากโลกโดยไม่แยแส

เจ้าเมืองฉู่และมองหน้ากันทันที จากนั้นยิ้มอย่างขมขื่น......

เสด็จอาเก้าให้ความสำคัญกับเฟิ่งชิงเฉินมากกว่าที่พวกเขาจินตนาการ ดูจากท่าทางแล้ว การเดินหมากของพวกเขาในวันนี้คงถูกต้องแล้ว

ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมเสด็จอาเก้าถึงมาอยู่ที่นี่ เจ้าเมืองฉู่พูดคุยและทักทายกับเฟิ่งชิงเฉินสองสามประโยค จากนั้นก็เข้าสู่เรื่องสำคัญ “แม่นางเฟิ่ง ไม่ปิดบังเจ้า ที่ข้ามาหาเจ้าในครั้งนี้ก็เพราะมีเรื่องจะมาปรึกษา ตอนนั้นหมอเทวดาน้อยซุนเคยช่วยชีวิตข้าเอาไว้ในระหว่างเดินทาง หากไม่มีหมอเทวดาน้อยซุนในวันนี้ เกรงว่าข้าคงเอาชีวิตรอดมาถึงวันนี้ไม่ได้ ข้ารู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของหมอเทวดาน้อยซุนยิ่งนัก และหวังว่าสักวันหนึ่งจะต้องมากล่าวขอบคุณหมอเทวดาน้อยซุนแบบซึ่งหน้า”

เหตุผลนี้ฉู่ฉางฮว๋าเองก็เคยใช้มันมาก่อน มันเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล แต่เมื่อพบกระดูกตาชิ้นนี้มันก็อดทำให้เฟิ่งชิงเฉินคิดมากไม่ได้ เมื่อสักครู่เสด็จอาเก้าเพิ่งจะพูดว่าต้องการให้ซุนซือสิง “แต่งงาน” เจ้าเมืองฉู่ก็มาหานางถึงบ้านทันที

เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมา “เจ้าเมืองฉู่ ท่านก็พูดเกินไป ที่ซือสิงช่วยเหลือผู้คนนั่นก็เพราะว่าเขาเป็นหมอ ไม่ได้ต้องการคำยกย่องจากเจ้าเมืองฉู่แต่อย่างใด” ไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือลูกสาว นางล้วนไม่อยากให้พวกเขาได้พบกับซุนซือสิง

“แม่นางเฟิ่งพูดถูก เป็นข้าเองที่รบกวน แต่......ในเมื่อไม่สามารถขอบคุณหมอเทวดาน้อยซุนแบบซึ่งหน้าได้ ข้าก็ไม่ขอบังคับ” ใบหน้าของเจ้าเมืองฉู่ดูผิดหวัง หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนหัวข้อ “แม่นางเฟิ่ง ข้ารู้ว่าเจ้าคืออาจารย์ของหมอเทวดาน้อยซุน พ่อแม่ของเขาจากไปแล้ว ดังนั้นเรื่องของหมอเทวดาน้อยซุน แม่นางเฟิ่งจึงเป็นคนที่สามารถตัดสินใจได้......”

“เดี๋ยวก่อน......” เฟิ่งชิงเฉินได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกว่าเรื่องราวกำลังแย่ลงไปเรื่อย ๆ นางจึงรีบขัดจังหวะ แต่เจ้าเมืองฉู่กลับไม่ฟัง เขาพูดออกมาต่ออีกว่า “แม่นางเฟิ่ง ข้าเองก็ไม่อยากปิดบังเจ้า ข้ามีฉางฮว๋าเป็นลูกสาวคนเดียว ดูแลเลี้ยงดูเหมือนไข่ในหินมาตั้งแต่ยังเด็ก จึงมีนิสัยและอารมณ์ที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน แต่นาง......”

“เจ้าเมืองฉู่......”

“แม่นางเฟิ่ง เจ้าวางใจ แม้ว่าลูกสาวของข้าจะขี้งอแงและเอาแต่ใจอยู่บ้าง แต่นางเป็นคนนิสัยดี ไม่เพียงแต่อ่านออกเขียนได้เท่านั้น นางยัง......”

“เจ้าเมืองฉู่ ข้ารู้แล้วว่าคุณหนูฉู่......”

ราวกับเจ้าเมืองฉู่ไม่ได้ยินในสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินพูดออกมา เขายังคงพูดออกมาว่า “แม่นางเฟิ่ง เจ้าเองก็รู้ว่าข้านั้นอยู่ได้อีกไม่นาน สิ่งเดียวที่ข้ากังวลอยู่ในใจก็คือฉางฮว๋า ฉางฮว๋าดีในทุกเรื่อง แต่สิ่งที่ไม่ดีอย่างเดียวก็คือ นางเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ