นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1094

สรุปบท บทที่ 1094 ขอโทษ,มีลูกกับข้าคนหนึ่ง: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สรุปเนื้อหา บทที่ 1094 ขอโทษ,มีลูกกับข้าคนหนึ่ง – นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

บท บทที่ 1094 ขอโทษ,มีลูกกับข้าคนหนึ่ง ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย อาช้าย อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ไม่ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะปฏิเสธอย่างไร เจ้าเมืองฉู่และฉู่ฉางฮว๋ายังคงยืนยันคำเดิมว่าซุนซือสิงเป็นคนทำให้ชื่อเสียงของฉู่ฉางฮว๋าต้องเสื่อมเสีย ต้องการให้ซุนซือสิงรับผิดชอบโดยการแต่งงานกับฉู่ฉางฮว๋า

เฟิ่งชิงเฉินไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง นางชื่อว่าซุนซือสิงไม่มีทางทำเรื่องที่ทำให้ฉู่ฉางฮว๋าต้องเสื่อมเสีย เจ้าเมืองฉู่โกรธจนอาการแทบกำเริบ เฟิ่งชิงเฉินจึงไม่กล้าพูดอะไรมาก กลัวว่าจะทำให้เจ้าเมืองฉู่โกรธจนตัวตาย ถึงเวลานั้นต่อให้ซุนซือสิงไม่แต่งก็ต้องแต่ง

ทั้งสองฝ่ายต่างไม่สามารถเดินไปบนถนนสายนี้ได้ เสด็จอาเก้าแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าจะไม่เข้ามายุ่ง สุดท้ายเจ้าเมืองฉู่เอ่ยปากออกมา ขอให้เฟิ่งชิงเฉินพาตัวซุนซือสิงออกมาเผชิญหน้ากับเขา

เฟิ่งชิงเฉินจึงสั่งให้คนออกไปตาม หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง คนรับใช้ก็วิ่งเข้ามารายงานว่า “คุณชายซุนออกไปรักษาผู้ป่วยด้านนอก ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน”

หลังเฟิ่งชิงเฉินได้ยินเช่นนั้น นางจึงยิ้มและพูดออกมาว่า “ซือสิงเป็นเด็กที่อุทิศตนให้กับการรักษา เวลานี้ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ข้าว่าไว้ค่อยมาใหม่เป็นอย่างไร?”

วิธีการของฉู่ฉางฮว๋าช่างงดงามยิ่งนัก นางจำเป็นต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเรื่องราวให้ชัดเจน การที่ซือสิงยังไม่กลับมาในเวลานี้ถือเป็นเรื่องดี

“สามวัน แม่นางเฟิ่ง ข้าจะรอเจ้าสามวัน เจ้าเองก็น่าจะรู้ว่าเมืองฉู่ของข้าไม่อาจรังแกได้โดยง่าย หากข้าไม่ได้เห็นหน้าของหมอเทวดาน้อยซุน ฮึ......” เจ้าเมืองฉู่จ้องเขม็งมาที่เฟิ่งชิงเฉิน สะบัดแขนเสื้อและจากไป

“ไม่ไปส่ง” เฟิ่งชิงเฉินนั่งลงบนเก้าอี้ ไม่มีท่าทีว่าจะลุกขึ้นมาแต่อย่างใด เสด็จอาเก้ายิ่งไม่ต้องพูดถึง เขาเห็นเจ้าเมืองฉู่และฉู่ฉางฮว๋าเป็นเหมือนอากาศมาโดยตลอด ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่เคยเห็นคนพวกนั้นอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย

“ท่านพ่อ ท่านคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินจะประนีประนอมหรือไม่?” ขึ้นมาบนรถม้า ฉู่ฉางฮว๋าถามออกมาด้วยความกังวล

พูดตามความจริง วันนี้ฉู่ฉางฮว๋าโกรธแทบตาย นางใช้ชื่อเสียงของนางในการแลกกับซุนซือสิง แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับปฏิเสธ

เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้หรือไงว่าบนแผ่นดินจิ่วโจวอันยิ่งใหญ่มีผู้ชายมากมายที่ต้องการจะแต่งงานกับนาง นางนั้นคู่ควรกับซุนซือสิงอย่างสมบูรณ์

“ไม่ประนีประนอมแล้วจะทำอะไรได้ ขอแค่พวกเรายืนกรานว่าซุนซือสิงทำให้ชื่อเสียงของลูกต้องแปดเปื้อน หากเขาไม่แต่งงาน เจ้าก็ไม่ต้องแต่ง” ใบหน้าป่วย ๆ ของเจ้าเมืองฉู่เต็มไปด้วยการคำนวณ

ฉู่ฉางฮว๋าพยักหน้า “ท่านพ่อ ข้าเข้าใจแล้ว แต่ทำเช่นนี้จะเป็นอันตรายกับซุนซือสิงหรือไม่?”

“ทำไม? เจ้าอดเป็นห่วงเขาไม่ได้? ฉางฮว๋า เจ้าควรจะเข้าใจ ผู้ชายที่คิดจะแต่งงานกับเจ้าล้วนไม่มีเจตนาที่ดี สิ่งที่พวกเขาต้องการคือเมืองฉู่ ไม่ใช่เจ้า” เมื่อเจ้าเมืองฉู่เห็นท่าทางของฉู่ฉางฮว๋า หัวใจของเขาก็เต้นไม่เป็นจังหวะ

ฉางฮว๋าคงไม่ได้ตกหลุมรักเจ้าเด็กบ้าซุนซือสิงนั่นจริง ๆ หรอกใช่ไหม?

จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ ในฐานะผู้กุมอำนาจที่แท้จริงของเมืองฉู่ ฉางฮว๋าไม่สามารถมีความรู้สึกกับสามีของตนได้ หากผู้หญิงมีความรู้สึกขึ้นมาแล้ว เช่นนั้นอำนาจที่ตกอยู่ในมือก็จะตกอยู่ในอันตราย

“ท่านพ่อ ท่านวางใจ ข้ารู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร” ฉู่ฉางฮว๋าสบสายตาของเจ้าเมืองฉู่ รีบเผชิญหน้ากับมัน แววตาของนางสงบลงอย่างรวดเร็ว ไม่มีร่องรอยของความรู้สึกแต่อย่างใด นั่นทำให้เจ้าเมืองฉู่รู้สึกโล่งใจขึ้นมา

เจ้าเมืองฉู่และฉู่ฉางฮว๋าจากไป เฟิ่งชิงเฉินโยนความโกรธทั้งหมดมาให้เสด็จอาเก้า เดินทางด้านข้างของเสด็จอาเก้า เตะน้องของเสด็จอาเก้าอย่างแรง “เมื่อครู่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” เขาเป็นเหมือนรูปปั้นน้ำแข็ง ไม่พูดหรือไม่แสดงออกว่าจะช่วยนางแต่อย่างใด

เสด็จอาเก้าต้องการที่จะเอาคืน แต่ด้วยคนที่ลงมือเป็นเฟิ่งชิงเฉิน เขาจึงสามารถระงับความคิดเอาไว้ได้ ชำเลืองมองเฟิ่งชิงเฉิน แววตาของเขาไม่มีความรู้สึกหรือความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย

เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกหวาดผวาเมื่อเห็นสายตาของเสด็จอาเก้า ความโกรธหายทันที จากนั้นก็ยอมอ่อนข้อให้และพูดอย่างประจบประแจง “คือว่า......ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าก็แค่โมโหมากเกินไปเท่านั้น หากเจ้าเจ็บ เจ้าก็เตะข้าคืนเป็นยังไง?”

พูดจบนางก็ยืนอยู่ตรงหน้าของเสด็จอาเก้าอย่างชอบธรรม เพื่อรอให้เสด็จอาเก้าลงมือ

“เฮ้......” เสด็จอาเก้าอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ยื่นมือออกไปดึงเฟิ่งชิงเฉินไว้ในอ้อมแขน “ข้าไม่ได้ขี้น้อยใจขนาดนั้น”

ก็แค่เตะไม่ใช่หรือไง เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้ใช้แรงมากขนาดนั้น มันจะเจ็บแค่ไหนกันเชียว

เฟิ่งชิงเฉินพยายามดิ้นรน แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่ต้องพึ่งพาเสด็จอาเก้า นางก็หยุดการเคลื่อนไหวแต่โดยดี และยื่นมือออกไปโอบรอบลำคอของเสด็จอาเก้าอย่างร่วมมือ “เสด็จอาเก้า......”

น้ำเสียงที่นุ่มนวลและแวววาวเป็นจุดอ่อนของเสด็จอาเก้ามาโดยตลอด เสด็จอาเก้าได้ยินเช่นนั้นก็ใจอ่อนทันที ถอนหายใจและพูดออกมาว่า “บอกมาเถอะ เจ้าอยากให้ข้าทำอะไร?”

“เจ้าจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ขอแค่ซือสิงไม่ต้องแต่งงานกับฉู่ฉางฮว๋า และทำให้ชื่อเสียงของซือสิงต้องแปดเปื้อนก็พอ” เฟิ่งชิงเฉินพูดอย่างไม่ใส่ใจ แต่ก็ไม่ลืมที่จะเรียกร้องความต้องการของตนเองออกมา

ตอนนั้นเขาคิดว่าเขาไม่มีวันจะได้พบกับคนที่เขาอยากแต่งงานด้วย ดังนั้นอาจารย์จึงบอกให้เขาแต่งงานกับเป่าเอ๋อ เขาเห็นด้วยโดยไม่ลังเล เวลานี้เขาเพิ่งจะเข้าใจว่ามันลำบากแค่ไหนที่มีคนอยู่ในตำแหน่งนั้น

“ข้าเป็นคนใจกว้างและเมตตา ดังนั้นข้าจะยอมรับคำขอโทษจากเจ้า” เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่านี่เป็นคำขอโทษจากใจจริงของเสด็จอาเก้า นางจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาก เสด็จอาเก้าไม่ใช่คนที่มีอารมณ์อ่อนไหวได้ง่าย บนโลกนี้ผู้หญิงที่สามารถทำให้เสด็จอาเก้าหลงรักได้ มีแต่นางไม่คนเดียวเท่านั้น

หูของเสด็จอาเก้าเปลี่ยนเป็นสีแดง และเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หยาบกระด้าง “ข้าขอโทษเจ้าตอนไหน”

“ก็ได้ ก็ได้ ก็ได้ เจ้าไม่ได้ขอโทษ ข้าฟังผิดไปเอง แต่เจ้าจำไว้ว่าต้องช่วยข้าแก้ปัญหาเรื่องของซือสิง” เฟิ่งชิงเฉินเห็นว่าเรื่องทั้งหมดถูกจัดการเป็นอันเรียบร้อย นางก็พลิกตัวและนอนพิงอยู่บนร่างของเสด็จอาเก้า นำศีรษะซุกไปที่หัวไหล่ของเสด็จอาเก้าเหมือนกับแมวน้อยจอมขี้เกียจ

“เจ้านี่มัน วันทั้งวันเองแต่เป็นห่วงซุนซือสิง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จัดการให้เขาไปหมด คนที่ไม่รู้ก็คงคิดว่าเจ้าเป็นแม่ของเขาไปหมดแล้ว” คนที่มีลูกชายก็เป็นแบบนี้

“ก็ซือสิงยังเป็นเด็ก” นางปกป้องซือสิงเหมือนกับปกป้องเด็กคนหนึ่ง

“เด็ก? เด็กที่ไหนโตขนาดนั้น หากเจ้าชอบ เจ้าก็ทำเด็กให้ข้าคนหนึ่ง ถือว่าเป็นลูกของพวกเราสองคน” เมื่อเสด็จอาเก้าพูดจบก็รู้สึกว่าความคิดของเขาไม่เลว เห็นเฟิ่งชิงเฉินหน้าแดงไม่พูดอะไร เขาก็ลูบศีรษะของเฟิ่งชิงเฉินและกล่าวว่า “ว่าไง? มีลูกกับข้าสักคนดีไหม?”

ดี......แน่นอนว่าไม่ดี นางเพิ่งจะอายุสิบหก สิบหกเองนะ

คำปฏิเสธไม่อาจพูดออกไปตามตรงได้ เฟิ่งชิงเฉินกัดริมฝีปากของนาง แสร้งทำเป็นเขินอาย “กลางวันแสก ๆ เจ้าพูดอะไรของเจ้า”

พูดจบนางก็ดิ้นออกมาจากอ้อมแขนของเสด็จอาเก้าและเดินออกไปด้านนอก

ชายผู้คนนี้ไร้ยางอายมากขึ้นเรื่อย ๆ

เสด็จอาเก้าไม่ได้ไล่ตามออกไป สายตาของเขาจับจ้องไปยังเงาหลังของเฟิ่งชิงเฉิน จากนั้นกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “กลางวันแสก ๆ ไม่ได้ เช่นนั้นกลางคืนคงไม่เป็นไร”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ