นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1096

เสด็จอาเก้าเป็นคนที่พูดจริงทำจริง หากวันรุ่งขึ้นเฟิ่งชิงเฉินยังสามารถลุกขึ้นมาจากเตียงได้อย่างสบาย ๆ เขาก็คงไม่มีวันปล่อยเฟิ่งชิงเฉินไปอย่างแน่นอน

เป็นเวลานาน เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างนั้นเกือบทั้งคืน หากเสด็จอาเก้าไม่ต้องเข้าไปในราชสำนักในช่วงเช้า เขาก็คงไม่มีทางปล่อยเฟิ่งชิงเฉินไปเป็นแน่ ผู้ชายมี มีกังฟู แน่นอนว่าต้องแข็งแกร่งกว่าผู้ชายทั่วไป

ก่อนที่เสด็จอาเก้าจะจากไป เขาได้ประทับรอยจูบของเขาลงบนหว่างคิ้วของเฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินตะคอกและผลักเสด็จอาเก้าออกมาอย่างหมดความอดทน พลิกตัวพร้อมกับนอนกอดผ้าห่มในอ้อมแขน เห็นได้ชัดว่านางไม่อยากสนใจเสด็จอาเก้า

เสด็จอาเก้าเองก็ไม่ได้สนใจ เดินออกไปด้านนอกด้วยใบหน้าแห่งความพอใจ เมื่อออกมากด้านนอก ใบหน้าอันเยือกเย็นของเขาก็กลับมาแทนที่ ความเร็วในการเปลี่ยนอารมณ์ของเขาช่างน่าตกใจ

หน้าประตู เสด็จอาเก้าหยุดอยู่ชั่วขณะ สายลับปรากฏตัวออกมาอย่างรวดเร็ว คุกเข่าลงข้างหนึ่งและกล่าวว่า “นายท่าน”

“ห้ามให้ใครรบกวนแม่นางทั้งนั้น”

“ขอรับ”

หลังจากมอบหมายหน้าที่ เสด็จอาเก้าก็เดินทางออกไปจากจวนเฟิ่งทางประตูหลัก ซึ่งเกือบทำให้พ่อบ้านตกใจจนตาย

ปกติแล้วเสด็จอาเก้าจะมาค้างคืนอยู่ที่จวนเฟิ่ง เมื่อฟ้าสางถึงจะกลับจวน และเดินทางจากจวนของตนเองไปยังราชสำนัก แต่วันนี้เสด็จอาเก้ากลับไม่สนใจ เขาเดินทางออกจากประตูหลังของจวนเฟิ่งโดยตรง

มันไม่เพียงทำให้คนในจวนเฟิ่งตกใจเท่านั้น แต่มันยังทำให้เพื่อนบ้านของเฟิ่งชิงเฉินตกใจ แต่ละคนรีบโผล่หัวออกมา

“เสด็จอาเก้าจริง ๆ งั้นหรือ?”

“เสด็จอาเก้ามาค้างแรมอยู่ที่จวนเฟิ่ง?”

“ข้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม เสด็จอาเก้าออกมาจากจวนเฟิ่ง! นี่เข้ากำลังจะไปราชสำนักอย่างนั้นหรือ?”

......

ที่ตั้งของจวนเฟิ่งนั้นดีมาก มีคนใหญ่คนโตอยู่ล้อมรอบทั้งทางด้านซ้ายและขวา มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีสิทธิ์ในการเข้าไปยังพระราชสำนักในช่วงเช้า เสด็จอาเก้าเดินทางออกมาจากจวนเฟิ่ง มันก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงคนเหล่านี้ และก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงคำพูดต่าง ๆ ที่จะตามมา

เรื่องพวกนี้เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้เลยแม้แต่น้อย ตอนนี้นางยังคงหลับอยู่ ในตอนเช้า ชุนฮุ่ยและชิวฮว่าเข้ามาปลุกเฟิ่งชิงเฉิน แต่ถูกสายลับไล่ออกไป ตอนเที่ยงเซี่ยหว่านและตงชิงเข้ามาปลุกเฟิ่งชิงเฉินไปทานข้าวเที่ยง แต่พวกนางก็ยังถูกสายลับไล่กลับไปเช่นเคย เมื่อถึงตอนค่ำ......

แคก แคก ในตอนค่ำ ทงจือและทงเหยายกอาหารเย็นมาให้ เฟิ่งชิงเฉินทานอาหารเย็นอยู่ในห้อง

หลังจากทานอาหารค่ำเสร็จ ตอนแรกเฟิ่งชิงเฉินคิดจะออกมาเดินเล่นด้านนอกเพื่อย่อยอาหาร สุดท้ายนางกลับรู้สึกปวดเอว ไม่เหมือนกับตัวเองเอาเสียเลย เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก ทำได้เพียงเอนกายลงบนเตียง และพูดคุยกับทงจือและทงเหยาถึงเรื่องราวที่กำลังเป็นที่พูดถึงในเมืองหลวง

เฟิ่งชิงเฉินสั่งให้ทงจือและทงเหยาเอาใจใส่เรื่องของฉู่ฉางฮว๋าเป็นพิเศษ หากด้านนอกมีข่าวลืออะไรไม่ดีกับซือสิง ต้องรีบลงมือควบคุมในทันที ไม่อาจปล่อยให้ข่าวลือดังกล่าวแพร่งพรายออกไปเป็นวงกว้างได้

“พวกข้าเข้าใจแล้ว” ทงจือและทงเหยารู้ดีกว่าในใจของเฟิ่งชิงเฉินนั่นซุนซือสิงสำคัญถึงเพียงใด นอกจากซุนซือสิงจะใช้แซ่คนละแซ่กับเฟิ่งชิงเฉิน ที่เหลือเฟิ่งชิงเฉินก็ปฏิบัติกับซุนซือสิงเหมือนกับน้องชายคนหนึ่ง

“คุณหนู เมื่อตอนกลางวันคุณชายซือสิงถามถึงท่าน และนายน้อยเจ๋อเจ๋อเองก็เป็นห่วงท่านมาก ท่านจะไปพบพวกเขาหน่อยหรือไม่?” ทงจือนึกถึงความเป็นห่วงของซุนซือสิง จึงเอ่ยปากออกมา

“บูม......” ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินกลายเป็นสีแดง กล่าวด้วยความรำคาญใจ “พวกเจ้าพูดกับคุณชายซือสิงไปว่าอย่างไร?”

ทงจือและทงเหยาเห็นใบหน้าที่เขินอายของเฟิ่งชิงเฉิน พวกนางปิดปากและยิ้ม “คุณหนูวางใจ พวกข้าบอกว่าเมื่อคืนคุณหนูเป็นหวัด”

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว” เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางไม่อยากให้ซุนซือสิงรู้เรื่องพวกนี้จริง ๆ ว่าเหตุใดนางถึงไม่สามารถลุกขึ้นมาจากเตียงได้ มันช่างน่าอายยิ่งนัก

“แต่ดูเหมือนว่านายน้อยเจ๋อเจ๋อจะไม่เชื่อสักเท่าไหร่” หัวใจของทงจือสั่นไหวโดยไม่รู้สาเหตุเมื่อนึกถึงแววตาที่ดูเหมือนจะรู้ทุกอย่างของเจ๋อเจ๋อ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ