นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1099

สรุปบท บทที่ 1099 วางหมาก,ใช้ประโยชน์จากช่องว่างขององค์รัชทายาทเหล่ย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สรุปเนื้อหา บทที่ 1099 วางหมาก,ใช้ประโยชน์จากช่องว่างขององค์รัชทายาทเหล่ย – นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

บท บทที่ 1099 วางหมาก,ใช้ประโยชน์จากช่องว่างขององค์รัชทายาทเหล่ย ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย อาช้าย อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ในตอนที่พบมือสังหารในจวนเฟิ่ง เสด็จอาเก้ากำลังยุ่งกับภารกิจที่เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนมอบให้ พยายามทำให้ฉู่ฉางฮว๋าแต่งงานโดยเร็ว เขาไม่สามารถปล่อยให้ฉู่ฉางฮว๋าส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของซุนซือสิงได้

ใช้เวลาหนึ่งวันเต็มเสด็จอาเก้าถึงสามารถจัดการเรื่องราวทั้งหมดได้ เพียงแค่รอให้ถึงวันพรุ่งนี้ รอให้ฉู่ฉางฮว๋าเข้าร่วม หลังจากจัดการเรื่องเหล่านี้เรียบร้อย เขาก็จัดการกับงานที่เขาต้องทำในทุกวัน

เมื่อเสด็จอาเก้าทำงานเสร็จ มันก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว ยังไม่ทันได้พักผ่อนก็ได้ข่าวเรื่องที่มีมือสังหารบุกเข้าไปในจวนเฟิ่งเพื่อหวังจะเอาชีวิตของเฟิ่งชิงเฉิน

ปัง......ปากกาในมือของเสด็จอาเก้าหักเป็นสองท่อน เสด็จอาเก้าโยนปากกาดังกล่าวทิ้งไป จากนั้นถามออกมาว่า “คนจากฝ่ายไหน?”

“พันธมิตรนักฆ่า เป็นข้อมูลที่ได้จากโจ่วอั้น” สายลับทุ่มเทเป็นอย่างมาก และเขาก็ไม่กล้าที่จะโลภ

“อ่า ข้าเข้าใจแล้ว” เสด็จอาเก้าบอกให้สายลับถอยออกไป เตรียมที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเดินทางไปยังจวนเฟิ่ง เพื่อเอาใจและดูแลเฟิ่งชิงเฉิน แต่ยังไม่ทันออกจากประตูก็ถูกขวางเอาไว้เสียก่อน

“ท่านอ๋อง มีเรื่องการทหารเร่งด่วน” ภายใต้แรงกดดันมหาศาล สายลับยื่นจดหมายไปด้านหน้าของเสด็จอาเก้า

“การทหาร? ที่ไหน?” สงครามซานตงเพิ่งจะสงบได้ไม่นาน ยังมีสงครามเกิดขึ้นที่อื่นอีกงั้นหรือ? เรื่องทางลัทธิปีศาจ พวกนั้นไม่เรียกว่าการทหาร

“เมืองเหลียนเฉิง” สายลับกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม

เสด็จอาเก้ารู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องดังกล่าว รีบเปิดจดหมายออกทันที เมื่อเห็นข้อความที่อยู่บนกระดาษ ใบหน้าอันนิ่งสงบของเสด็จอาเก้าเผยให้เห็นความโกรธอันน่าสะพรึงกลัว

“ไร้ประโยชน์!” เสด็จอาเก้าสบถออกมาอย่างรุนแรง

สายลับไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ คุกเข่าลงพื้นอย่างเชื่อฟัง ไม่เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย

คนของเสด็จอาเก้าต่างรู้ดี สถานการณ์ทางด้านของเมืองเหลียนเฉิงนั้นร้ายแรงเป็นอย่างมาก เวลานี้เมืองเหลียนเฉิงกำลังวิกฤต เสด็จอาเก้าจะโกรธก็ไม่ใช่เรื่องแปลก สายลับคุกเข่าลงพื้นโดยปราศจากเสียงเพื่อรอคำสั่งต่อไปของเสด็จอาเก้า

เสด็จอาเก้าสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ด้วยความโกรธ กลับมานั่งหน้าโต๊ะของตนเอง กางกระดาษออกและเขียนลงไป : ถึงผู้อาวุโสหยินหลี่......

หลังจากเขียนจดหมายให้ผู้อาวุโสหยินหลี่เป็นอันเรียบร้อย เสด็จอาเก้าก็นำมันวางไว้ด้านข้าง จากนั้นก็เขียนจดหมายถึงซีหลิงเทียนอวี่อีกหนึ่งฉบับ

เสด็จอาเก้าปิดผนึกซองจดหมายทั้งสองด้วยตนเองและมอบให้สายลับ “ใช้ม้าเร็วในการส่งออกไป ห้ามช้าแม้แต่เสี้ยววินาที”

“ข้าน้อยน้อมรับคำบัญชา” สายลับหายไปราวกับสายลม ไม่กล้ารอช้าแม้แต่เสี้ยววินาที สังเกตได้ถึงความรีบร้อน

เวลานี้เสด็จอาเก้าเองก็ไม่มีเวลาที่จะเดินทางไปยังจวนเฟิ่ง เสด็จอาเก้าเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกับเตรียมอุปกรณ์ สวมหน้ากากสีเงิน เดินทางไปยังห้องลับของจวนซู ซูเหวินชิงตกอยู่ในสภาวะตื่นตระหนก ทันทีที่ได้เห็นหลานจิ่วชิง เขาก็เข้ามาต้อนรับในทันที “จิ่วชิง เกิดเรื่องขึ้นกับเมืองเหลียนเฉิงแล้ว”

“ข้ารู้แล้ว ปู้จิงหยุนจะไปถึงเมืองเหลียนเฉิงเมื่อใด?” หลานจิ่วชิงกล่าวอย่างใจเย็น ปลอบใจซูเหวินชิงด้วยสายตา เพื่อบอกเขาว่าอย่าผลีผลาม

“เร็วสุดน่าจะต้องใช้เวลาอีกสามวันจิงหยุนจึงจะเดินทางไปถึง” ซูเหวินชิงรีบจัดการกับลมหายใจของตัวเอง ทำให้ตนเองอยู่ในท่าทางที่ดูแล้วไม่ลนลาน

“สามวัน? ให้เจ้าเมืองเหลียนเฉิงถ่วงเวลาอีกหน่อย รอให้ปู้จิงหยุนกับทหารม้าทมิฬไปถึงแล้วค่อยลงมือ” ความคิดของหลานจิ่วชิงโลดแล่น คิดหาวิธีที่จะชะลอการต่อสู้

ซูเหวินชิงยิ้มอย่างขมขื่น “ซีหลิงเทียนเหล่ยจะรอได้อย่างนั้นหรือ?”

“รอไม่ได้ก็ต้องรอ ให้เจ้าเมืองเหลียนเฉิงหาหนทาง ลำพังแค่ทหารของเมืองเหลียนเฉิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกองทัพแห่งซีหลิง ไม่จำเป็นต้องเสียสละอย่างห้าวหาญ หากจำเป็นก็สามารถใช้สุรากลั่นหิมะได้ทุกเมื่อ”

“ไม่ได้” ซูเหวินชิงปฏิเสธออกไปทันทีโดยไม่คิด “จิ่วชิง สุรากลั่นหิมะเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์ก่อน จะปล่อยให้มันตกไปอยู่ในมือของราชวงศ์ซีหลิงไม่ได้เป็นอันขาด”

ซูเหวินชิงเห็นว่าหลานจิ่วชิงคิดหาวิธีจัดการได้อย่างรวดเร็ว เขารู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก เพียงแต่......

“ข้ากลัวว่าซีหลิงเทียนเหล่ยจะไม่เปิดโอกาสให้พวกเรา ซีหลิงเทียนเหล่ยเองก็คงรู้ดีว่าการต่อสู้ในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ขึ้นอยู่กับความรวดเร็ว เมื่อเวลาผ่านไปนาน อย่าว่าแต่ในดินแดนซีหลิงเลย แม้แต่ตงหลิงและหนานหลิงเองก็ไม่มีทางมองดูอยู่เฉย ๆ เป็นแน่” ซีหลิงเทียนเหล่ยยกทัพไปยังเมืองเหลียนเฉิง เรื่องนี้ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าแม้แต่น้อย หากตงหลิงและหนานหลิงรู้เรื่องนี้ล่วงหน้า พวกเขาคงไม่มีทางปล่อยให้ซีหลิงเทียนเหล่ยทำเช่นนี้ได้เป็นแน่

“ยกทัพออกมาจำนวนสามแสนนาย แต่ก่อนหน้านั้นกลับไม่มีการเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย ซีหลิงเทียนเหล่ยมีฝีมืออย่างที่คิด” ซูเหวินชิงถอนหายใจ ซีหลิงเทียนเหล่ยแข็งแกร่งกว่าเทียนอวี่มากในเรื่องของการทหาร

เวลานี้ซีหลิงเทียนอวี่ยังไม่อาจควบคุมกองทัพห้าแสนนายที่อยู่ตรงชายแดนของเป่ยหลิงได้

“ไม่ใช่ว่าไม่มีการเคลื่อนไหว เพียงแต่ข้าไม่เคยเห็นการเคลื่อนไหวนั้นอยู่ในสายตา” หลานจิ่วชิงนึกถึงรายงานเกี่ยวกับช่วงนี้ของซีหลิง เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมา

ก่อนหน้านี้เคยมีร่องรอยของการเคลื่อนย้ายกองทัพในซีหลิง แต่เขาถูกทำให้สับสนเพราะคิดว่ามันเป็นการนำทัพออกมาเพื่อขอพรให้แก่จักรพรรดิ จึงไม่ได้นำเรื่องนี้มาใส่ใจ แต่คิดไม่ถึงว่าแค่ละเลยไปชั่วขณะ มันก็เกือบนำภัยพิบัติมาสู่เมืองเหลียนเฉิง

ดูจากตอนนี้ การนำทัพทหารออกมาเพื่อขอพรเป็นเพียงแค่เครื่องกำบังของจักรพรรดิแห่งซีหลิงและซีหลิงเทียนเหล่ย เป็นเครื่องกำบังที่ใช้เพื่อปกปิดปฏิบัติการทางทหารของพวกเขา

เวลานี้กองทัพของซีหลิงได้บุกไปถึงหน้าประตูเมืองเหลียนเฉิงแล้ว ต่อให้ตงหลิงและหนานหลิงออกทัพทันทีมันก็สายไปแล้ว......

สุดท้ายเขาก็เป็นคนพลาดโอกาส และปล่อยให้ซีหลิงเทียนเหล่ยชิงมันไป

หลานจิ่วชิงถอนหายใจ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ