นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1100

ซูเหวินชิงเห็นเช่นนั้นก็รีบกล่าวปลอบโยนออกไป “จิ่วชิง เรื่องนี้จะโทษเจ้าก็ไม่ได้ พวกเราจำเป็นต้องจับตาดูทั้งสี่ประเทศและแปดเมือง ความประมาทเลินเล่อเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”

เรื่องนี้จะโทษหลานจิ่วชิงก็ไม่ได้ ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้พวกเขาทุ่มเทไปกับการต่อสู้กับลัทธิปีศาจ และแผนการของพันธมิตรนักฆ่า เฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของประเทศต่าง ๆ อย่างไม่ผ่อนคลาย ซึ่งแค่นี้ก็แทบไม่มีเวลาได้ทำอะไร

“เหวินชิง เจ้าไม่ต้องปลอบใจข้า ข้าเข้าใจดี” ความประมาทเลินเล่อเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ความประมาทเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้เขาละทิ้งความพยายามทั้งหมด......

จะปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นกับเมืองเหลียนเฉิงไม่ได้เป็นอันขาด!

จะเกิดเรื่องขึ้นกับเมืองเหลียนเฉิงหรือไม่ มันจะตกไปอยู่ในมือของซีหลิงเทียนเหล่ยหรือเปล่า มันไม่ใช่สิ่งที่ใช้เวลาเพียงสองวันแล้วจะสามารถตัดสินได้ แต่ไม่ใช่สิ่งที่ซูเหวินชิงและหลานจิ่วชิงหลีกเลี่ยงได้ตามที่พวกเขาต้องการ

ไม่ว่าหลานจิ่วชิงและซูเหวินชิงจะคิดเช่นไร เรื่องที่เมืองเหลียนเฉิงถูกล้อมไปด้วยทหารจองซีหลิงก็ยังคงเป็นความจริง เวลานี้ซีหลิงเทียนเหล่ยกำลังรอ รอเหตุผลที่จะยกทัพเข้าไป รอเวลาที่จะยกทัพเข้าไปในเมือง

เมืองเหลียนเฉิงจะรับมือกับซีหลิงเทียนเหล่ยอย่างไร เรื่องนี้หลานจิ่วชิงพอจะให้คำตอบและเสนอความคิดเห็นได้ แต่เจ้าเมืองเหลียนเฉิงก็ต้องเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเอง ซีหลิงเทียนเหล่ยไม่มีทางให้เวลาเมืองเหลียนเฉิงมากถึงขนาดนั้น แม้ว่าหลานจิ่วชิงต้องการควบคุมจากระยะไกลก็ไม่อาจทำได้

หลานจิ่วชิงเล่าเรื่องราวบางอย่างให้แก่ซูเหวินชิงฟัง จากนั้นก็รีบกลับจวนอ๋องเก้าก่อนฟ้าสาง หลังจากอาบน้ำ เขาไม่มีเวลาทานอาหารเช้า รีบเดินทางไปยังราชสำนักทันที

ฝู่หลินกลับมาจากซานตงเป็นที่เรียบร้อย ครั้งนี้เขาไม่สูญเสียกำลังทหารแม้แต่นายเดียว ทำภารกิจที่จักรพรรดิมอบหมายได้อย่างสมบูรณ์ จักรพรรดิมีความสุขเป็นอย่างมาก ตั้งใจเลือกวันนี้ให้ฝู่หลินนำของที่ยึดมาได้มาถวายต่อหน้าเหล่าขุนนางทั้งหมด

แม้จะกล่าวว่าเป็นเพียงศึกเล็ก ๆ แต่หลายปีที่ผ่านมาก็ไม่เคยเกิดสงครามในดินแดนของตงหลิงมาก่อน ชัยชนะเล็กน้อยก็เพียงพอต่อความตื่นเต้นของทุกคน ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจว่าเหตุใดจักรพรรดิจะต้องทำทุกอย่างให้มันเอิกเกริกถึงเพียงนี้

ในตอนที่เสด็จอาเก้าก้าวเข้ามาในราชสำนัก พิธีการก็ได้เริ่มตันไปแล้ว

“เหตุใดจึงเพิ่งมา?” ซู่ชินอ๋องที่ยากจะปรากฏตัว เห็นจักรพรรดิมองลงมาที่เสด็จอาเก้าจากบัลลังก์มังกร เขาก็รีบดึงเสด็จอาเก้ามาด้านข้าง และดุออกมาเล็กน้อย

“ข้าตื่นสาย” เสด็จอาเก้าไม่รู้สึกว่าตนเองมาสายเลยแม้แต่น้อย ทำความเคารพซู่ชินอ๋องอย่างเชื่องช้า ท่าทางดังกล่าวทำให้ซู่ชินอ๋องทนไม่ไหว เขากัดฟันแน่น ได้ยินคำตอบของเสด็จอาเก้า นึกถึงข่าวที่ได้รับมาเมื่อวาน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ร่างกายของชายหนุ่มนี่มันช่างยอดเยี่ยม แต่อย่าหักโหมมากเกินไปจะดีกว่า”

อ่า......เส้นเลือดสีดำปรากฏขึ้นมาเต็มหน้าผากของเสด็จอาเก้า คนฉลาดไม่จำเป็นต้องอธิบาย

ปล่อยให้ทุกคนเข้าใจผิดก็ถือเป็นเรื่องดี

ไม่นาน ฝู่หลินในชุดเครื่องแบบทหารก็เดินเข้ามาในราชสำนักอย่างห้าวหาญ มีเพียงแค่วันนี้เท่านั้นที่ฝู่หลินสามารถสวมชุดนี้ได้ ถือดาบศักดิ์สิทธิ์เข้ามา กล่องตามอยู่ด้านหลังของเขาเต็มไปด้วยทองคำและอัญมณี เหล่าทหารที่ตามเขาเข้ามาต่างเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง

พวกเขาคือผู้ชนะ กลับมาพร้อมกับความรุ่งโรจน์ และมีสิทธิ์ที่จะได้รับความเย่อหยิ่งนี้

พิธีอุทิศนั้นเรียบง่ายและยิ่งใหญ่มาก นอกจากทองคำ และเครื่องประดับแล้ว ยังมีเชลยศึกอีกมากมาย จักรพรรดิทรงปลาบปลื้มและประทานรางวัลแก่ทหารทุกคน ณ ที่นั้น

ทหารทุกคนที่เข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ได้รับรางวัล และในทหารเหล่านั้น ฝู่หลินเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุด ก่อนหน้านี้แม้ฝู่หลินจะเป็นคนสนิทของจักรพรรดิ แต่เขาไม่มีอำนาจในราชสำนักเลยแม้แต่น้อย ครั้งนี้จักรพรรดิเอ่ยปากด้วยพระองค์เอง สั่งให้ฝู่หลินรับตำแหน่งแม่ทัพขั้นสาม

จากคนธรรมดากลายเป็นขุนนางระดับสาม หลายคนต่อสู้มาทั้งชีวิตก็ไม่อาจเอื้อมถึง แต่ฝู่หลินใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งปีก็สามารถปีนป่ายไปถึงตำแหน่งนั้น เห็นได้ว่าเขาสุดยอดเพียงใด

เสด็จอาเก้ายืนอยู่ด้านข้าง จ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเยือกเย็น เห็นกล่องที่เต็มไปด้วยทองคำกว่าสามสิบกล่อง รอยยิ้มแห่งความเย้ยหยันปรากฏออกมา คนอื่นมองไม่เห็น แต่ซู่ชินอ๋องที่อยู่ข้าง ๆ มองเห็นและเข้าใจเป็นอย่างดี

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรือ?” ซู่ชินอ๋องเอ่ยปากถามออกมา

เสด็จอาเก้ามองมาที่ซู่ชินอ๋อง กล่าวอย่างเฉยเมย “ซู่อ๋องก็รู้อยู่แก่ใจ เหตุใดจึงถามออกมาอีก”

คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่ไม่มีทางที่ซู่ชินอ๋องจะไม่รู้ ทองคำมากมายในท้องพระโรงเหล่านี้แน่นอนว่ามันไม่ได้เป็นสิ่งที่ได้จากการทำสงครามกับเมืองไถจง มันน่าจะเป็นสิ่งของจากตระกูลลู่แห่งซานตงที่ถูกฝู่หลินยึดมาเป็นค่าปฏิกรรมสงคราม

ต้องบอกเลยว่าความกล้าของฝู่หลินช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน

“ฮ่าฮ่า ข้าก็แค่สงสัยเท่านั้น” ซู่ชินอ๋องลูบเคราของเขา ก้าวออกไปด้านหน้า ชำเลืองมองฝู่หลินที่อยู่ท่ามกลางขุนนาง จากนั้นกล่าวออกมาว่า “นี่มันคือยุคสมัยของคนรุ่นใหม่ ข้าแก่เกินไปแล้ว”

ตี๋ตงหมิงมีซู่ชินอ๋องคอยคุ้มกัน และก่อนหน้านี้เขาสามารถไขคดีเหตุการณ์นองเลือดในเมืองจักรพรรดิและคดีของท่านอ๋องสาม แต่สุดท้ายก็ยังคงอยู่ในตำแหน่งแม่ทัพระดับสาม จักรพรรดิเพียงแค่มอบเงินทองเพียงเล็กน้อยเป็นรางวัลแก่เขา การที่ซู่ชินอ๋องรู้สึกเช่นนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ