นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1104

สรุปบท บทที่ 1104 ขัดแย้ง,สามีภรรยาคือองค์กรแห่งผลประโยชน์: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สรุปเนื้อหา บทที่ 1104 ขัดแย้ง,สามีภรรยาคือองค์กรแห่งผลประโยชน์ – นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

บท บทที่ 1104 ขัดแย้ง,สามีภรรยาคือองค์กรแห่งผลประโยชน์ ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย อาช้าย อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เหมือนกับที่เสด็จอาเก้ากล่าวไว้ไม่มีผิด จักรพรรดิดีใจได้ไม่นาน เรื่องงานแต่ระหว่างฉู่ฉางฮว๋ากับโจวอ๋องเพิ่งจะถูกกำหนดขึ้น เขาก็ได้ยินข่าวเรื่องที่เมืองเหลียนเฉิงถูกกองทัพแห่งซีหลิงปิดล้อมไว้

จักรพรรดิโกรธมา ออกพระราชกฤษฎีกาตำหนิซีหลิงว่าโหดร้ายและไร้ศีลธรรม ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน และยุยงให้เกิดการต่อสู้เพื่อความปรารถนาที่เห็นแก่ตัว เหล่าขุนนางน้อยใหญ่ต่างชื่นชมในความชาญฉลาดของจักรพรรดิ มีเพียงเสด็จอาเก้าเท่านั้นที่ไม่แสดงท่าทีแต่อย่างใด ราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง

ในความเป็นจริง ในฐานะประชาชนและขุนนางแห่งตงหลิง จริงอยู่ว่าไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องของเมืองเหลียนเฉิงมาเป็นเรื่องของตนเอง ซึ่งคนผู้นั้นก็ต้องมีความซื่อใจคดอยู่ระดับหนึ่ง

ข่าวเรื่องที่เมืองเหลียนเฉิงถูกกองทัพซีหลิงล้อมได้แพร่กระจายไปทั่วตงหลิง จดหมายขอความช่วยเหลือของเมืองเหลียนเฉิงก็ถูกส่งไปยังตงหลิงและหนานหลิง ร้องขอให้ทั้งสองประเทศยกกองทัพมาให้ความช่วยเหลือ

สถานการณ์ทางด้านของหนานหลิงเป็นเช่นไร เรื่องนี้เสด็จอาเก้าเองก็ไม่รู้ แต่น่าจะครื้นเครงน่าดู เพราะเหตุนี้ตงหลิงจึงไม่นำทัพออกไปงั้นหรือ? ประเด็นว่าฝ่ายไหนจะเป็นผู้นำทัพออกไปยังคงเป็นที่ถกเถียงอย่างไม่รู้จบ

“เมืองเหลียนเฉิงมั่งคั่ง แต่เขาไม่มีใจที่ภักดีต่อตงหลิงของพวกเราแม้แต่น้อย เวลานี้เกิดเรื่องขึ้นกับพวกเขา กลับมาขอความช่วยเหลือจากตงหลิงของพวกเรา ไร้ยางอายสิ้นดี จากความเห็นของข้า พวกเราควรให้ความช่วยเหลือซีหลิง ลงโทษเมืองเหลียนเฉิงอย่างรุนแรงสักครั้ง เพื่อทำให้เมืองเหลียนเฉิงหวาดกลัว” เจ้ากรมคลังที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่เห็นว่าการสงครามที่เคยเกิดขึ้นกับเมืองเหลียนเฉิงครั้งก่อนนำมาซึ่งทรัพย์สมบัติมากมาย ดังนั้นจึงคิดจะทำสงครามกับเมืองเหลียนเฉิงอีกครั้งเพื่อเป็นการหาเงินเข้าท้องพระคลัง

แม้ว่าตงหลิงจะร่ำรวย แต่ในท้องพระคลังก็มีสมบัติอยู่น้อยมาก โดยเฉพาะหลังจากที่เจ้ากรมคลังคนก่อนจากไป เจ้ากรมคลังคนใหม่ขึ้นมารับตำแหน่งได้ไม่ค่อยดีนัก ดูแลจัดการไม่ดี เห็นได้ชัดว่าเงินในท้องพระคลังใกล้จะหมดลงเต็มทีแล้ว

หากไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ที่ได้จากสงครามที่เกิดขึ้นกับเมืองเหลียนเฉิงในครั้งนั้น เกรงว่าวันนี้เหล่าทหารคนอดตายไปนานแล้ว

“ที่ใต้เท้าเชี่ยวพูดมาก็ถูก เมืองเหลียนเฉิงมีชัยภูมิติดกับทะเล มีท่าเรือเข้าออก มีอาหารอุดมสมบูรณ์ สงครามครั้งนี้หากพวกเราร่วมมือกับซีหลิง จะทำให้เมืองเหลียนเฉิงยอมจำนนเป็นแน่” ชายชราหนวดขาวลูบเคราของเขาด้วยใบหน้าที่ภาคภูมิใจ

แม่ทัพหน้าดำไม่ชินกับความคิดของขุนนางเหล่านี้ จึงกล่าวออกมาด้วยความโกรธ “ร่วมมือกับซีหลิง? ใต้เท้าจ้าว นี่ถือว่าเป็นแผนที่ดี แต่ก็ต้องมาดูกันว่าอีกฝ่ายจะยอมร่วมมือหรือไม่ เวลานี้กองทัพของซีหลิงได้บุกไปถึงเมืองเหลียนเฉิงแล้ว ท่านคิดว่าซีหลิงจะแบ่งเนื้อชิ้นนี้ให้กับพวกเราอย่างนั้นหรือ?”

ไม่ใช่ว่าซีหลิงไม่สามารถจัดการกับเมืองเหลียนเฉิงได้ รู้กันอยู่ว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไร เหตุใดเขาถึงจะยอมเสียเปรียบตงหลิง เรื่องผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นในเมืองไถจงมันไม่มีทางเกิดขึ้นซ้ำสอง

“ข้าเห็นด้วยกับคำพูดของแม่ทัพซือ ซีหลิงมีแผนการอันยิ่งใหญ่ สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่สุรากลั่นหิมะของเมืองเหลียนเฉิง แต่สิ่งที่พวกเขาต้องการคือเมืองเหลียนเฉิง ต้องการครอบครองเมืองเหลียนเฉิงให้อยู่ในแผนที่แห่งซีหลิงของพวกเขา ต่อให้พวกเรายกกองทัพไปช่วยซีหลิง หลังจากเรื่องทุกอย่างจบลง ซีหลิงก็ไม่มีทางแบ่งเมืองเหลียนเฉิงให้กับพวกเรา อีกอย่างหากเรายกกองทัพไปโจมตีเมืองเหลียนเฉิง มันจะทำให้อีกแปดเมืองที่เหลือไม่พอใจเป็นแน่” เห็นได้ชัดว่าเหล่าแม่ทัพไม่เห็นด้วยกับการยกทัพไปตีเมืองเหลียนเฉิง

ทำลายเมืองเหลียนเฉิงจะทำให้ทั่วทั้งใต้หล้าสั่นคลอน ตงหลิงไม่กลัวสงคราม แต่อำนาจในการควบคุมควรจะเป็นของตงหลิง ไม่ใช่ถูกชักนำโดยซีหลิง

ตงหลิงไม่มีการเตรียมพร้อมแต่อย่างใด หากบุกเข้าไปโจมตีสุ่มสี่สุ่มห้า เช่นนั้นจะส่งผลเสียกับตงหลิง

“เมืองเหลียนเฉิงเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ ซีหลิงจะเห็นเมืองเหลียนเฉิงอยู่ในสายตาได้อย่างไร ซีหลิงก็เคยกล่าวเอาไว้ สิ่งที่พวกเขาต้องการคือสุรากลั่นหิมะ ขอแค่เมืองเหลียนเฉิงยอมมอบสุรากลั่นหิมะให้กับพวกเขา เท่านี้ก็สามารถหลีกเลี่ยงหายนะครั้งนี้ไปได้ หากเจ้าเมืองเหลียนเฉิงต้องการสู้ ก็ให้ทหารของเมืองเหลียนเฉิงออกไปสู้ เหตุใดต้องปล่อยให้เหล่าทหารกล้าแห่งตงหลิงต้องสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์” ขุนนางเคราขาวผู้หนึ่งกล่าวออกมาด้วยใบหน้าแห่งความเมตตาและชอบธรรม ซึ่งทำให้เหล่าแม่ทัพแทบจะอาเจียนออกมา

“สุรากลั่นหิมะ? เหตุใดใต้เท้าหลี่ถึงได้หลอกตัวเองเช่นนี้ ท่านรู้หรือไม่ว่า การที่ซีหลิงยกทัพออกไปสามหมื่นนาย แต่ละวันพวกเขาต้องสูญเสียทรัพยากรมากเพียงใด? ซีหลิงจะยอมแลกทรัพยากรมากมาย ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องเพียงเพราะสุรากลั่นหิมะแค่ร้อยสองร้อยไหอย่างนั้นหรือ? อีกอย่างหากซีหลิงต้องการสุรากลั่นหิมะจริง พวกเขาน่าจะส่งทูตไปเยือนเมืองเหลียนเฉิงก่อน ไม่ใช่ยกทัพไปล้อมเมืองเหลียนเฉิงไว้เช่นนี้”

“จักรพรรดิทรงทราบอยู่แก่ใจว่าซีหลิงมีความทะเยอทะยานมากเพียงใด โหดร้ายและไร้ความปรานี ตงหลิงไม่มีทางสนับสนุนซีหลิง ครั้งนี้พวกเราจะยกทัพไปเพื่อช่วยเมืองเหลียนเฉิง แม้ว่าเมืองเหลียนเฉิงจะเป็นเพียงสถานที่เล็ก ๆ แต่ผู้คนในเมืองเหลียนเฉิงนั้นล้วนแต่เป็นผู้ที่ชาญฉลาด มีความรู้กว้างขวาง หากเมืองเหลียนเฉิงตกไปอยู่ในมือของซีหลิง ในระยะเวลาไม่นาน ซีหลิงจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างเหลือเชื่อ”

เหล่าแม่ทัพพากันคุกเข่า อ้อนวอนจักรพรรดิให้ส่งทหารออกไปเพื่อช่วยเหลือเมืองเหลียนเฉิง ไม่อาจปล่อยให้เมืองเหลียนเฉิงตกไปอยู่ในมือของซีหลิงได้ และสิ่งนี้ก็ตรงกับความคิดของจักรพรรดิ จักรพรรดิจึงอนุญาตในทันที แต่......

จะส่งใครออกไป?

จักรพรรดิต้องการเสนอชื่อของฝู่หลิน แต่ฝู่หลินเพิ่งจะกลับเข้าเมืองมาได้ไม่นาน ประกอบกับตำแหน่งที่สูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อของเขา ไม่ว่าจะเป็นขุนนางหรือแม่ทัพก็ไม่มีทางเห็นด้วยเป็นแน่

“โจวอ๋อง? เมืองฉู่จะยอมปล่อยไปง่าย ๆ เช่นนี้เลยหรือ? ข้าคิดว่าเมืองฉู่น่าจะรอให้จักรพรรดิเอ่ยปาก จากนั้นค่อยทำข้อตกลงกับจักรพรรดิ” เฟิ่งชิงเฉินนำผ้าเช็ดหน้าวางไว้ในอ่างทองแดง จากนั้นก็ยกมันขึ้นมา

ด้านนอก สาวใช้ผู้หนึ่งเดินเข้ามาเพื่อยกอ่างใส่น้ำใบดังกล่าวไปเททิ้ง

“ไม่ช้าก็เร็วกองทัพก็จะถูกส่งออกไป หากเป็นผู้ริเริ่มจะเป็นฝ่ายได้ประโยชน์มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นโจวอ๋องหรือฉู่ฉางฮว๋า ทั้งคู่ล้วนเป็นคนที่ชอบแสวงหาผลประโยชน์ ไม่ว่าข้อตกลงกับจักรพรรดิจะยอดเยี่ยมเพียงใด แต่มันก็ไม่อาจเทียบกับความดีความชอบทางทหารของโจวอ๋องได้ และมันก็ถือเป็นการเพิ่มข้อต่อรองให้แก่โจวอ๋อง” การที่ผูกมัดเมืองฉู่ไว้กับโจวอ๋อง จักรพรรดิไม่จำเป็นต้องเอ่ยปาก เมืองฉู่จะนำทัพมาเพื่อช่วยตงหลิงด้วยตัวของพวกเขาเอง

เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าด้วยความเข้าใจ “พูดเช่นนี้มันก็ถูก ฉู่ฉางฮว๋าและโจวอ๋องถูกมัดรวมกันไปแล้ว ไม่ว่าฉู่ฉางฮว๋าจะยินดีหรือไม่ก็ตาม นางจะต้องช่วยให้โจวอ๋องได้ครอบครองบัลลังก์ มีแค่โจวอ๋องได้ครองบัลลังก์เท่านั้น นางถึงจะได้ผลประโยชน์ที่มากกว่า”

“ใช่ สามีภรรยาคือองค์กรแห่งผลประโยชน์ การเป็นเจ้าเมืองฉู่ นั้นน่าเกรงขาม แต่หากสามารถไปถึงตำแหน่งพระราชมารดาแห่งตงหลิง ให้กำเนิดจักรพรรดิองค์ต่อไปแห่งตงหลิง ฉู่ฉางฮว๋าและเจ้าเมืองฉู่จะไม่มีทางละทิ้งความพยายามเป็นแน่ พวกเขาจะผลักดันโจวอ๋องให้ไปถึงตำแหน่งนั้นอย่างเต็มที่” หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เสด็จอาเก้าก็คงไม่มีทางมอบฉู่ฉางฮว๋าให้แก่โจวอ๋อง

การที่เกิดความวุ่นวายขึ้นในตงหลิง จะทำให้จักรพรรดิละทิ้งความสนใจจากเขาไปได้ชั่วขณะ

“ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะเป็นการต่อสู้ที่เปล่าประโยชน์ของทุกฝ่าย” ลั่วอ๋องผู้น่าสงสาร เกรงว่าเขาอาจจะโมโหจนตายในวันพรุ่งนี้ เมื่อนึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น เฟิ่งชิงเฉินก็อดที่จะยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้

“ใช่ มันคือการต่อสู้ที่เปล่าประโยชน์ ไม่ว่าอย่างไรโจวอ๋องและเมืองฉู่ก็ไม่มีทางปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไปเป็นแน่” เสด็จอาเก้ามั่นใจ ด้วยความฉลาดของโจวอ๋องและเจ้าเมืองฉู่ ทั้งสองคนจะเริ่มพูดคุยกันในอีกไม่ช้า

หากไม่มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น ช้าที่สุดก็คือวันมะรืน โจวอ๋องจะสามารถยกทัพออกจากเมืองได้ ตราบใดที่ซีหลิงยังคงรุกรานเช่นนี้ต่อไป ซีหลิงเทียนเหล่ยจะต้องพ่ายแพ้เป็นแน่! 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ