เหมือนกับที่เสด็จอาเก้ากล่าวไว้ไม่มีผิด จักรพรรดิดีใจได้ไม่นาน เรื่องงานแต่ระหว่างฉู่ฉางฮว๋ากับโจวอ๋องเพิ่งจะถูกกำหนดขึ้น เขาก็ได้ยินข่าวเรื่องที่เมืองเหลียนเฉิงถูกกองทัพแห่งซีหลิงปิดล้อมไว้
จักรพรรดิโกรธมา ออกพระราชกฤษฎีกาตำหนิซีหลิงว่าโหดร้ายและไร้ศีลธรรม ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน และยุยงให้เกิดการต่อสู้เพื่อความปรารถนาที่เห็นแก่ตัว เหล่าขุนนางน้อยใหญ่ต่างชื่นชมในความชาญฉลาดของจักรพรรดิ มีเพียงเสด็จอาเก้าเท่านั้นที่ไม่แสดงท่าทีแต่อย่างใด ราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง
ในความเป็นจริง ในฐานะประชาชนและขุนนางแห่งตงหลิง จริงอยู่ว่าไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องของเมืองเหลียนเฉิงมาเป็นเรื่องของตนเอง ซึ่งคนผู้นั้นก็ต้องมีความซื่อใจคดอยู่ระดับหนึ่ง
ข่าวเรื่องที่เมืองเหลียนเฉิงถูกกองทัพซีหลิงล้อมได้แพร่กระจายไปทั่วตงหลิง จดหมายขอความช่วยเหลือของเมืองเหลียนเฉิงก็ถูกส่งไปยังตงหลิงและหนานหลิง ร้องขอให้ทั้งสองประเทศยกกองทัพมาให้ความช่วยเหลือ
สถานการณ์ทางด้านของหนานหลิงเป็นเช่นไร เรื่องนี้เสด็จอาเก้าเองก็ไม่รู้ แต่น่าจะครื้นเครงน่าดู เพราะเหตุนี้ตงหลิงจึงไม่นำทัพออกไปงั้นหรือ? ประเด็นว่าฝ่ายไหนจะเป็นผู้นำทัพออกไปยังคงเป็นที่ถกเถียงอย่างไม่รู้จบ
“เมืองเหลียนเฉิงมั่งคั่ง แต่เขาไม่มีใจที่ภักดีต่อตงหลิงของพวกเราแม้แต่น้อย เวลานี้เกิดเรื่องขึ้นกับพวกเขา กลับมาขอความช่วยเหลือจากตงหลิงของพวกเรา ไร้ยางอายสิ้นดี จากความเห็นของข้า พวกเราควรให้ความช่วยเหลือซีหลิง ลงโทษเมืองเหลียนเฉิงอย่างรุนแรงสักครั้ง เพื่อทำให้เมืองเหลียนเฉิงหวาดกลัว” เจ้ากรมคลังที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่เห็นว่าการสงครามที่เคยเกิดขึ้นกับเมืองเหลียนเฉิงครั้งก่อนนำมาซึ่งทรัพย์สมบัติมากมาย ดังนั้นจึงคิดจะทำสงครามกับเมืองเหลียนเฉิงอีกครั้งเพื่อเป็นการหาเงินเข้าท้องพระคลัง
แม้ว่าตงหลิงจะร่ำรวย แต่ในท้องพระคลังก็มีสมบัติอยู่น้อยมาก โดยเฉพาะหลังจากที่เจ้ากรมคลังคนก่อนจากไป เจ้ากรมคลังคนใหม่ขึ้นมารับตำแหน่งได้ไม่ค่อยดีนัก ดูแลจัดการไม่ดี เห็นได้ชัดว่าเงินในท้องพระคลังใกล้จะหมดลงเต็มทีแล้ว
หากไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ที่ได้จากสงครามที่เกิดขึ้นกับเมืองเหลียนเฉิงในครั้งนั้น เกรงว่าวันนี้เหล่าทหารคนอดตายไปนานแล้ว
“ที่ใต้เท้าเชี่ยวพูดมาก็ถูก เมืองเหลียนเฉิงมีชัยภูมิติดกับทะเล มีท่าเรือเข้าออก มีอาหารอุดมสมบูรณ์ สงครามครั้งนี้หากพวกเราร่วมมือกับซีหลิง จะทำให้เมืองเหลียนเฉิงยอมจำนนเป็นแน่” ชายชราหนวดขาวลูบเคราของเขาด้วยใบหน้าที่ภาคภูมิใจ
แม่ทัพหน้าดำไม่ชินกับความคิดของขุนนางเหล่านี้ จึงกล่าวออกมาด้วยความโกรธ “ร่วมมือกับซีหลิง? ใต้เท้าจ้าว นี่ถือว่าเป็นแผนที่ดี แต่ก็ต้องมาดูกันว่าอีกฝ่ายจะยอมร่วมมือหรือไม่ เวลานี้กองทัพของซีหลิงได้บุกไปถึงเมืองเหลียนเฉิงแล้ว ท่านคิดว่าซีหลิงจะแบ่งเนื้อชิ้นนี้ให้กับพวกเราอย่างนั้นหรือ?”
ไม่ใช่ว่าซีหลิงไม่สามารถจัดการกับเมืองเหลียนเฉิงได้ รู้กันอยู่ว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไร เหตุใดเขาถึงจะยอมเสียเปรียบตงหลิง เรื่องผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นในเมืองไถจงมันไม่มีทางเกิดขึ้นซ้ำสอง
“ข้าเห็นด้วยกับคำพูดของแม่ทัพซือ ซีหลิงมีแผนการอันยิ่งใหญ่ สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่สุรากลั่นหิมะของเมืองเหลียนเฉิง แต่สิ่งที่พวกเขาต้องการคือเมืองเหลียนเฉิง ต้องการครอบครองเมืองเหลียนเฉิงให้อยู่ในแผนที่แห่งซีหลิงของพวกเขา ต่อให้พวกเรายกกองทัพไปช่วยซีหลิง หลังจากเรื่องทุกอย่างจบลง ซีหลิงก็ไม่มีทางแบ่งเมืองเหลียนเฉิงให้กับพวกเรา อีกอย่างหากเรายกกองทัพไปโจมตีเมืองเหลียนเฉิง มันจะทำให้อีกแปดเมืองที่เหลือไม่พอใจเป็นแน่” เห็นได้ชัดว่าเหล่าแม่ทัพไม่เห็นด้วยกับการยกทัพไปตีเมืองเหลียนเฉิง
ทำลายเมืองเหลียนเฉิงจะทำให้ทั่วทั้งใต้หล้าสั่นคลอน ตงหลิงไม่กลัวสงคราม แต่อำนาจในการควบคุมควรจะเป็นของตงหลิง ไม่ใช่ถูกชักนำโดยซีหลิง
ตงหลิงไม่มีการเตรียมพร้อมแต่อย่างใด หากบุกเข้าไปโจมตีสุ่มสี่สุ่มห้า เช่นนั้นจะส่งผลเสียกับตงหลิง
“เมืองเหลียนเฉิงเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ ซีหลิงจะเห็นเมืองเหลียนเฉิงอยู่ในสายตาได้อย่างไร ซีหลิงก็เคยกล่าวเอาไว้ สิ่งที่พวกเขาต้องการคือสุรากลั่นหิมะ ขอแค่เมืองเหลียนเฉิงยอมมอบสุรากลั่นหิมะให้กับพวกเขา เท่านี้ก็สามารถหลีกเลี่ยงหายนะครั้งนี้ไปได้ หากเจ้าเมืองเหลียนเฉิงต้องการสู้ ก็ให้ทหารของเมืองเหลียนเฉิงออกไปสู้ เหตุใดต้องปล่อยให้เหล่าทหารกล้าแห่งตงหลิงต้องสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์” ขุนนางเคราขาวผู้หนึ่งกล่าวออกมาด้วยใบหน้าแห่งความเมตตาและชอบธรรม ซึ่งทำให้เหล่าแม่ทัพแทบจะอาเจียนออกมา
“สุรากลั่นหิมะ? เหตุใดใต้เท้าหลี่ถึงได้หลอกตัวเองเช่นนี้ ท่านรู้หรือไม่ว่า การที่ซีหลิงยกทัพออกไปสามหมื่นนาย แต่ละวันพวกเขาต้องสูญเสียทรัพยากรมากเพียงใด? ซีหลิงจะยอมแลกทรัพยากรมากมาย ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องเพียงเพราะสุรากลั่นหิมะแค่ร้อยสองร้อยไหอย่างนั้นหรือ? อีกอย่างหากซีหลิงต้องการสุรากลั่นหิมะจริง พวกเขาน่าจะส่งทูตไปเยือนเมืองเหลียนเฉิงก่อน ไม่ใช่ยกทัพไปล้อมเมืองเหลียนเฉิงไว้เช่นนี้”
“จักรพรรดิทรงทราบอยู่แก่ใจว่าซีหลิงมีความทะเยอทะยานมากเพียงใด โหดร้ายและไร้ความปรานี ตงหลิงไม่มีทางสนับสนุนซีหลิง ครั้งนี้พวกเราจะยกทัพไปเพื่อช่วยเมืองเหลียนเฉิง แม้ว่าเมืองเหลียนเฉิงจะเป็นเพียงสถานที่เล็ก ๆ แต่ผู้คนในเมืองเหลียนเฉิงนั้นล้วนแต่เป็นผู้ที่ชาญฉลาด มีความรู้กว้างขวาง หากเมืองเหลียนเฉิงตกไปอยู่ในมือของซีหลิง ในระยะเวลาไม่นาน ซีหลิงจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างเหลือเชื่อ”
เหล่าแม่ทัพพากันคุกเข่า อ้อนวอนจักรพรรดิให้ส่งทหารออกไปเพื่อช่วยเหลือเมืองเหลียนเฉิง ไม่อาจปล่อยให้เมืองเหลียนเฉิงตกไปอยู่ในมือของซีหลิงได้ และสิ่งนี้ก็ตรงกับความคิดของจักรพรรดิ จักรพรรดิจึงอนุญาตในทันที แต่......
จะส่งใครออกไป?
จักรพรรดิต้องการเสนอชื่อของฝู่หลิน แต่ฝู่หลินเพิ่งจะกลับเข้าเมืองมาได้ไม่นาน ประกอบกับตำแหน่งที่สูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อของเขา ไม่ว่าจะเป็นขุนนางหรือแม่ทัพก็ไม่มีทางเห็นด้วยเป็นแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...