นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1105

สรุปบท บทที่ 1105 ร่วมรบ,ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว องค์รัชทายาทเหล่ยจะต้องพ่ายแพ้: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สรุปตอน บทที่ 1105 ร่วมรบ,ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว องค์รัชทายาทเหล่ยจะต้องพ่ายแพ้ – จากเรื่อง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

ตอน บทที่ 1105 ร่วมรบ,ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว องค์รัชทายาทเหล่ยจะต้องพ่ายแพ้ ของนิยายInternetเรื่องดัง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดยนักเขียน อาช้าย เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ไม่ว่าจะเป็นแผนการหรือกลอุบาย ทุกอย่างล้วนมีช่องโหว่ทั้งนั้น แต่ครั้งนี้เสด็จอาเก้าไม่ได้ใช้แผนการหรือกลอุบายแต่อย่างใด เขาแค่คำนวณจากใจคนเท่านั้น

เสด็จอาเก้าคำนวณความคิดของโจวอ๋องและเจ้าเมืองฉู่ได้อย่างแม่นยำ ในวันนั้น ทั้งสองคนได้พูดคุยกันเดียวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น

โจวอ๋องขอให้เจ้าเมืองฉู่สนับสนุนเขาในเรื่องของการแย่งชิงตำแหน่ง เขารับปากว่าจะให้ฉู่ฉางฮว๋าได้ครองตำแหน่งฮองเฮา และมีเพียงลูกชายของฉู่ฉางฮว๋าเท่านั้นที่สามารถสืบทอดตำแหน่งต่อไปได้

แน่นอน คำสัญญาของโจวอ๋องจะบรรลุผลก็ต่อเมื่อเขาได้ครอบครองบัลลังก์แล้วเท่านั้น แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ฉู่ฉางฮว๋าและเจ้าเมืองฉู่ต้องการ ไม่ว่าอย่างไรฉู่ฉางฮว๋าก็ต้องเป็นพระชายาโจวอ๋อง หากต้องการความยิ่งใหญ่ที่มากกว่านี้ก็ต้องก้าวไปให้ถึงตำแหน่งนั้นเท่านั้น

โจวอ๋องและเจ้าเมืองฉู่ตกลงเป็นพันธมิตรกันเรียบร้อย ความดีความชอบในครั้งนี้จะต้องเป็นของเขา

เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากการถกเถียงกันของแต่ละฝ่าย พวกเขาได้ตกลงกันว่าจะแบ่งผลประโยชน์กัน แต่หลังจากโจวอ๋องเอ่ยปากว่าจะร่วมรบ การกระทำของพวกเขาเหล่านั้นก็ไร้ค่า

โจวอ๋องเอ่ยปากด้วยตนเองว่าต้องการร่วมรบ และยังกล่าวอีกว่าเมืองฉู่จะสนับสนุนเรื่องเสบียงให้ก่อน ตงหลิงแค่ส่งกำลังทหารออกไปเท่านั้น

ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเสบียง นำไปแค่เสบียงที่เหล่าทหารใช้ดื่มกินระหว่างทาง แบบนี้สามารถช่วยประหยัดเวลาในการเตรียมเสบียงและงบประมาณได้เป็นจำนวนมาก ลดเวลาในการนำทัพออกไปเพื่อให้เกิดข้อได้เปรียบในสงคราม

และเมืองฉู่ยังให้คำสัญญาอีกว่า หากโจวอ๋องออกศึก ในตอนที่ตงหลิงต้องการ เมืองฉู่ก็พร้อมที่จะให้ยืมกำลังได้ทุกเมื่อ

เมื่อคำพูดนี้ออกไป ท้องพระโรงก็เงียบในทันที ไม่ว่าจะเป็นตระกูลใหญ่หรือขุนนางผู้ไหนก็ไม่กล้าเอ่ยปาก และไม่มีใครกล้าแก่งแย้งกับโจวอ๋อง ผู้นำทัพในครั้งนี้คือโจวอ๋อง และซีหลิงจะต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย

โจวอ๋องร่วมรบ เจ้าเมืองฉู่ให้ความช่วยเหลือ จักรพรรดิมีความสุขเป็นอย่างมาก เขาออกพระราชโองการในทันที แต่งตั้งให้โจวอ๋องเป็นแม่ทัพใหญ่ นำกองกำลังแสนนายไปยังเมืองเหลียนเฉิง เพื่อช่วยขจัดภัยร้ายจากซีหลิงให้แก่เมืองเหลียนเฉิง

เหล่าขุนนางเต็มไปด้วยความผิดหวัง แอบคิดในใจว่าโอกาสได้หายไปแล้ว ในหมู่ของพวกเขา ลั่วอ๋องคือผู้ที่มีอำนาจสูงสุด รอยยิ้มของลั่วอ๋องโหดร้ายและบิดเบี้ยว กัดฟันและพูดกับโจวอ๋องว่า “ขออวยพรให้เสด็จพี่ห้าได้รับชัยชนะกลับมา”

หลังจากสูญเสียโอกาสในการแย่งชิง ใบหน้าขององค์ชายรองและองค์ชายสามก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความประจบสอพลอ เข้าไปเชื่อมความสัมพันธ์กับโจวอ๋อง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะอยู่ฝั่งเดียวกับโจวอ๋อง

ใบหน้าของเสด็จอาเก้ายังคงไร้ซึ่งความรู้สึก ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้เหมือนว่าจะไม่มีเรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับเขาเลย ไม่ว่าขุนนางแย่งชิงกันดุเดือดเพียงใด หรือแสดงความยินดีกับโจวอ๋องเช่นไร เสด็จอาเก้าต่างไม่สนใจ เขาเดินออกจากพระราชวังที่วุ่นวายเพียงลำพัง

เสด็จอาเก้าเดินออกจากพระราชวัง มองไปที่ท้องฟ้าสีครามด้วยรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าของเขา

เวลานี้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตงหลิงต่างเป็นไปตามแผนการของเขา เหลือเพียงแค่ซีหลิง ไม่รู้ว่าทางด้านของผู้อาวุโสหยินหลี่และซีหลิงเทียนอวี่เป็นอย่างไรบ้าง

เสด็จอาเก้ามองไปยังที่ตั้งของซีหลิง ก่อนที่คนอื่นจะสังเกตเห็น เขาเก็บสายตาของเขากลับมาและเดินขึ้นไปบนรถม้าของตนเอง

แม้ว่าเรื่องราวในซีหลิงจะไม่ได้ราบรื่นเหมือนกับเรื่องราวในตงหลิง แต่มันก็ไม่ได้ต่างกันมาก

การปราบทหารตามฝั่งชายแดงของซีหลิงเทียนอวี่นั้นไม่ราบรื่นเท่าไหร่นัก และทหารเหล่านั้นก็พยายามปฏิเสธซีหลิงเทียนอวี่ในทุกรูปแบบ

อาการป่วยที่ขาของซีหลิงเทียนอวี่เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เขาไม่อาจได้รับความเคารพจากเหล่าทหารในกองทัพได้ หากซีหลิงเทียนอวี่ต้องการความเคารพจากเหล่าทหาร เขาจำเป็นจะต้องใช้สมองที่มีอยู่ของเขา แต่หากไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้น ต่อให้เจ้ามีพรสวรรค์แค่ไหนก็ไม่มีโอกาสได้ใช้มันให้เกิดประโยชน์

อีกด้านหนึ่ง ผู้อาวุโสหยินหลี่เป็นคนใส่ยาให้ซีหลิงเทียนเหล่ย ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทำให้ความไว้วางใจที่จักรพรรดิซีหลิงมีต่อซีหลิงเทียนเหล่ยสั่นคลอนขึ้นอีกครั้ง

ตั้งแต่สมัยโบราณ ผู้ซึ่งเป็นจักรพรรดิล้วนเต็มไปด้วยความหวาดระแวง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงซีหลิงเทียนเหล่ยที่เคยมีประวัติอันเลวร้ายมาก่อน เมื่อได้ยินคำใบ้ที่ไม่ชัดเจนของผู้อาวุโสหยินหลี่ ทำให้จักรพรรดิแห่งซีหลิงอดนึกถึงสิ่งที่ซีหลิงเทียนเหล่ยทำตอนที่อาการป่วยของเขากำเริบไม่ได้

ซีหลิงเทียนเหล่ยยกทัพมาดีเมืองเหลียนเฉิง แม้จะกล่าวว่ามีเหตุผล แต่เหตุผลดังกล่าวมันก็เกินกว่าความเป็นจริง

“ว้าว ยกทัพไปบุกซีหลิง ยอดเยี่ยม” ซูเหวินชิงตื่นเต้นเป็นอย่างมาก พ่นน้ำชาที่เพิ่งจะดื่มเข้าไปในปากเมื่อครู่ออก โชคดีที่หลานจิ่วชิงหลบทัน ไม่อย่างนั้นร่างกายของเขาคงแปดเปื้อนไปด้วยน้ำชาจากปากของซูเหวินชิง

ถึงกระนั้นหลานจิ่วชิงก็ยังคงขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ แต่น่าเสียดายที่มันอยู่ภายใต้หน้ากาก ซูเหวินชิงจึงไม่อาจรับรู้ และตอนนี้ซูเหวินชิงเองก็กำลังตื่นเต้นอยู่

“โจมตีซีหลิง? เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยม เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ข้าชอบ ข้าชอบมาก ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าโง่ซีหลิงเทียนเหล่ย เจ้ากล้ายกทัพมาตีเมืองเหลียนเฉิง ข้าใต้เท้าซูผู้ยิ่งใหญ่คนนี้จะทำให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานและไม่ได้ผลประโยชน์อะไรกลับไปเลย” ดูเหมือนซูเหวินชิงจะเห็นฉากซึ่งเต็มไปด้วยความโชคร้ายของซีหลิงเทียนเหล่ย มือทั้งสองข้างจับเอว หัวเราะดังลั่นด้วยความสะใจ ไม่มีความสง่างามเหมือนกับภาพลักษณ์ในยามปกติ ตอนนี้ราวกับว่าเขาได้กลายเป็นวายร้ายไปเรียบร้อยแล้ว

หลังจากหัวเราะอย่างสะใจ ซูเหวินชิงก็หันมาถามหลานจิ่วชิงด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก “จิ่วชิง ความคิดดี ๆ เช่นนี้ เหตุใดก่อนหน้านี้เจ้าถึงคิดไม่ได้? นี่มันก็คือกลยุทธ์ล้อมเวยช่วยจ้าวไม่ใช่หรือไง”

หลานจิ่วชิงมองไปที่ซูเหวินชิงด้วยความไม่พอใจ “จริงอยู่ว่านี่เป็นวิธีการที่ดี แต่พวกเราก็ไม่อาจใช้มันได้จนกว่าที่เมืองเหลียนเฉิงจะรอดพ้นจากหายนะ”

“เหตุใดจึงไม่สามารถใช้มันได้? ตราบใดที่มีใจต้องการผลประโยชน์ แค่ปลุกปั่นเป่ยหลิงให้ออกรบมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร” ซูเหวินชิงไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก ในสายตาของเขานี่เป็นวิธีที่ดีจริง ๆ และก็ไม่มีวิธีที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว

“ปลุกปั่นเป่ยหลิงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ตงหลิงกับหนานหลิงเล่า? เหวินชิง สำหรับพวกเราแล้ว การช่วยเหลือเมืองเหลียนเฉิงนั้นสำคัญกว่าการบุกไปล้อมซีหลิง นี่เป็นสิ่งที่หนานหลิงจิ่นสิงเอ่ยปากขึ้นมา หากไม่มีหนานหลิงจิ่นสิงเป็นตัวชักนำ เจ้ารู้หรือไม่ว่าด้วยความสามารถของพวกเรา มันต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงสามารถบอกให้ทั้งสามประเทศยกทัพออกไปได้? และเมืองเหลียนเฉิงจะทนต่อการโจมตีที่รุนแรงของซีหลิงได้นานแค่ไหน?” หลานจิ่วชิงพูดออกมาอย่างเยือกเย็น

ซูเหวินชิงเหงื่อตกด้วยคำถามของหลานจิ่วชิง แต่หลานจิ่วชิงก็ยังไม่ยอมปล่อยเขา พูดออกมาอีกว่า “กลยุทธ์ล้อมเวยช่วยจ้าว? เจ้าพูดออกมานั้นมันง่าย แต่หากลงมือทำจริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ที่หนานหลิงจิ่นสิงเอ่ยปากถึงวิธีการนี้ออกมา นั่นเป็นเพราะเขาไม่ได้สนใจการมีอยู่ของเมืองเหลียนเฉิงเลยแม้แต่น้อย”

และสิ่งที่สำคัญที่สุด......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ