นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1106

สรุปบท บทที่ 1106 หายนะ,เสด็จอาเก้าวางแผนที่จะล้มล้างองค์รัชทายาท: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

อ่านสรุป บทที่ 1106 หายนะ,เสด็จอาเก้าวางแผนที่จะล้มล้างองค์รัชทายาท จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

บทที่ บทที่ 1106 หายนะ,เสด็จอาเก้าวางแผนที่จะล้มล้างองค์รัชทายาท คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย อาช้าย อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ไม่ว่าจะเพื่อแก้ไขวิกฤตของเมืองเหลียนเฉิง หรือช่วยเมืองเหลียนเฉิงที่ถูกล้อมจากซีหลิง ผู้ที่สามารถเอ่ยถึงแผนการดังกล่าวออกมาได้มีเพียงประเทศใดประเทศหนึ่งจากสามประเทศเท่านั้น เขาไม่สามารถเสนอความคิดนี้ออกไปได้ หากความคิดนี้ถูกเปิดเผยออกไป คงหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้คนสงสัยได้ยาก

เสด็จอาเก้าแห่งตงหลิง เป็นห่วงความอยู่รอดเมืองเหลียนเฉิงยิ่งนัก นี่มันหมายความว่าอย่างไร?

เมื่อได้ยินคำอธิบายของหลานจิ่วชิง ซูเหวินชิงถึงเข้าใจความซับซ้อนของเรื่องราวที่เกิดขึ้น สงบสติอารมณ์อย่างรวดเร็ว เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของเมืองเหลียนเฉิง

กลยุทธ์ที่หนานหลิงจิ่นสิงเสนอให้ล้อมซีหลิงเพื่อช่วยเหลือเมืองเหลียนเฉิงนั้นไม่จำเป็นต้องให้เสด็จอาเก้าเดินทางไปเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างตงหลิงกับเป่ยหลิง เขาจะเป็นผู้เจรจากับตงหลิงและเป่ยหลิงในนามของราชวงศ์หนานหลิงด้วยตัวของเขาเอง

หนานหลิงจิ่นสิงเพียงแค่ต้องการให้เสด็จอาเก้าสนับสนุนแผนการของเขาเท่านั้น ดำเนินขั้นตอนต่าง ๆ ให้อยู่ในขอบเขตของแผนการที่เขาวางไว้

ผ่านการฝึกฝนอันหนักหน่วงในระยะเวลาสองปี ประกอบกับประสบการณ์ในการสงครามกับเมืองไถจง ดวงตาและความสามารถของหนานหลิงจิ่นสิงพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด

ในดินแดนหนานหลิง เขาได้แอบแซงหน้าหนานหลิงจิ่นฝานไปเรียบร้อยแล้ว องค์ชายผู้ติดดินคนนี้ เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของจักรพรรดิแห่งหนานหลิง

เมื่อนึกถึงจดหมายที่หนานหลิงจิ่นสิงส่งมาให้เขา ทำให้เสด็จอาเก้าอดไม่ได้ที่จะชื่นชม หนานหลิงจิ่นสิงพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว หากได้มีเวลาฝึกฝนอีกสักสองสามปี เกรงว่าคงกลายเป็นศัตรูผู้แข็งแกร่ง

แต่เสด็จอาเก้าก็ไม่รู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย เรื่องของหนานหลิงจิ่นสิงในตอนนั้น สำหรับเสด็จอาเก้าแล้ว ราชวงศ์ของทั้งสี่ประเทศเป็นศัตรูกัน หากไม่มีหนานหลิงจิ่นสิงก็ต้องมีคนอื่นเข้ามาแทนอยู่ดี

แทนที่จะเป็นศัตรูกับคนที่ไม่รู้จัก เสด็จอาเก้ายินดีที่จะเป็นศัตรูกับคนคุ้นเคยเสียมากกว่า อย่างน้อยก็รู้ถึงจุดอ่อนของอีกฝ่าย และรู้ถึงวิธีการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามด้วย

การปิดล้อมซีหลิงเพื่อช่วยเหลือเมืองเหลียนเฉิงเป็นวิธีการที่ยอดเยี่ยม เขาจะต้องใช้ประโยชน์จากมันอย่างแน่นอน

ภายใต้ความช่วยเหลืออย่างลับ ๆ ของเสด็จอาเก้า แผนการของหนานหลิงจิ่นสิงดำเนินไปอย่างราบรื่น ตงหลิงและเป่ยหลิงต่างได้รับสาส์นตราตั้งของเขา ภายใต้การพูดคุยของเหล่าเสนาบดีน้อยใหญ่ ไม่นานจักรพรรดิแห่งตงหลิงและเป่ยหลิงก็เห็นด้วยกับแผนการนี้

ในตอนที่ซีหลิงเทียนเหล่ยทำการโจมตีเมืองเหลียนเฉิงในละลอกที่สาม ตงหลิง เป่ยหลิงรวมถึงหนานหลิงต่างส่งสาส์นท้ารบไปยังซีหลิงโดยพร้อมเพรียงกัน โดยอ้างถึงความรุนแรงที่ซีหลิงทำต่อเมืองเหลียนเฉิง ตงหลิงจึงยกทัพจำนวนแสนนายออกไป ส่วนหนานหลิงและเป่ยหลิงยกทัพไปประเทศละสองแสนนาย รวมทหารทั้งหมดจำนวนห้าแสนนาย มีจุดประสงค์เดียวกันคือเพื่อไปโจมตีซีหลิง

แผนการดำเนินไปอย่างราบรื่นตามการคาดเดาของหนานหลิงจิ่นสิง และจำนวนทหารเองก็ตรงกับการคำนวณของหนานหลิงจิ่นสิง ทหารห้าแสนนายไม่ได้น้อยหรือมากจนเกินไป ส่วนซีหลิงเองก็อยู่ในสถานการณ์ที่สามารถเลือกได้ว่าจะสู้หรือไม่สู้

ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สำหรับการร่วมมือกันของทั้งสามประเทศแล้ว มันถือเป็นประโยชน์อย่างมาก

แต่สิ่งที่หนานหลิงจิ่นสิงคาดไม่ถึงก็คือ ก่อนที่ทั้งสามประเทศจะส่งสาส์นท้ารบ เมืองฉู่ เมืองหยุน เมืองเย่ เมืองจง เมืองไถจง เมืองอัน เมืองเจี่ยน เมืองฮั่น จึงออกคำสั่งยกย่องให้กับความชอบธรรมของทั้งสามประเทศในทันที หลังจากนั้นต่างก็แสดงเจตจำนงของตนเอง ทั้งแปดเมืองส่งทหารออกมาเมืองละแสนนาย รวมทั้งสิ้นแปดแสนนาย เพื่อเข้าร่วมกับสามประเทศไปโจมตีซีหลิง

ทั้งเก้าเมืองต่างเข้าใจดี เมื่อเทียบกับทั้งสี่ประเทศแล้ว พวกเขาอ่อนแอมาก หากพวกเขาไม่ต้องการดับสลาย พวกเขาจะต้องรวมตัวเข้าด้วยกัน เพื่อไม่ปล่อยให้ทั้งสี่ประเทศจัดการกับพวกเขาไปทีละเมือง

ไม่ว่าเมืองทั้งเก้าจะขัดแย้งหรือมีปัญหาอะไรกัน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับแผนการของทั้งสี่ประเทศ พวกเขาทั้งเก้าเมืองจำเป็นต้องรวมเป็นหนึ่ง

การที่ซีหลิงเทียนเหล่ยยกทัพไปตีเมืองเหลียนเฉิงครั้งนี้ หลังจากพวกเขาได้รับข่าว พวกเขาก็เตรียมตัวออกรบในทันที และในตอนที่พวกเขาได้ยินว่าทั้งสามประเทศจะร่วมมือกันเพื่อยกทัพไปจัดการกับซีหลิง พวกเขาก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป

เจ้าเมืองแต่ละเมืองต่างมีความคิดริเริ่มในการร่วมมือ ภายใต้การติดต่อของเหล่าผู้มีความต้องการ แต่ละเมืองแทบไม่มีความลังเล พวกเขาตกลงยกกองทัพของตนเองออกมาเมืองละแสนนายเพื่อแสดงให้ทั้งสี่ประเทศได้เห็นถึงความสามัคคีของพวกเขาทั้งเก้าเมือง

ทหารหนึ่งแสนนาย สำหรับเมืองหนึ่งเมืองแล้ว อาจกล่าวได้ว่าเป็นทหารเกือบทั้งหมดในเมืองของพวกเขา หรืออย่างน้อยก็มากกว่าครึ่ง

หลายเมืองใช้ความพยายามเป็นอย่างมากกว่าจะสามารถรวบรวมกองทัพหนึ่งแสนนายได้ หากเป็นยามปกติ พวกเขาไม่มีทางระดมกองทหารมากมายขนาดนี้เป็นแน่ แต่สถานการณ์ครั้งนี้นั้นต่างกันออกไป เนื่องจาก......

แคก แคก ดูเหมือนว่าไม่พูดจะดีกว่า!

เข้าใจผิด คำนี้ใช้ประโยชน์ได้ดีจริง ๆ จักรพรรดิซีหลิงพยักหน้าด้วยความพอใจ “ใต้เท้าหลินพูดถูก เช่นนั้นเรื่องนี้ข้าขอมอบให้เป็นหน้าที่ของเจ้า”

ใบหน้าของขุนนางทุกคนเปลี่ยนไป พวกเขาต่างไม่เข้าใจและรู้สึกเป็นทุกข์อย่างมาก เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่อาจใช้คำว่า “เข้าใจผิด” ในการอธิบายได้

“ข้าน้อยรับคำบัญชา และจะไม่ทำให้ฝ่าบาทผิดพระทัยเป็นแน่” ผู้อาวุโสหยินหลี่น้อมรับคำสั่งโดยปราศจากซึ่งแรงกดดัน เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องรอง เพราะเรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ......

“ฝ่าบาท ข้ายังมีเรื่องที่อยากจะถามท่าน” ผู้อาวุโสหยินหลี่รู้ว่าจักรพรรดิกำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นจึงเอ่ยปากอย่างไม่รีบร้อน

“ไม่มีปัญหา” จักรพรรดิกลับไปนั่งบนบัลลังก์มังกรอย่างมั่นคง และตอบกลับมาอย่างครอบงำ

เขารู้ ในเมื่อตอนแรกเริ่มมันเป็นเรื่อง “เข้าใจผิด” เช่นนั้นซีหลิงก็จะนำคำว่า “เข้าใจผิด” มาใช้เพื่อชำระล้างเหตุผลที่ทั้งสามประเทศและแปดหัวเมืองจะยกทัพมา

ผู้อาวุโสหยินหลี่ไม่ได้เกรงกลัว เขาพูดออกมาทีละพยางค์ “ฝ่าบาท ข้าต้องการร้องเรียนองค์รัชทายาท”

เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้นมา เหล่าขุนนางในท้องพระโรงก็เงียบไปอีกครั้ง แต่ละคนก้มหน้าลงต่ำเสียยิ่งกว่าเดิม เกรงว่าตนเองจะโชคร้ายไปด้วย ขุนนางทางฝ่ายของซีหลิงเทียนเหล่ยต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่......ด้วยบรรยากาศในท้องพระโรงตอนนี้ ประกอบกับสายตาของจักรพรรดิ ทำให้พวกเขาไม่กล้าเอ่ยปากออกมา

จักรพรรดิพอใจกับความจำนนของเหล่าข้าราชบริพารเป็นอย่างมาก จากนั้นก็ถามออกมาด้วยความสงสัย “ผู้อาวุโสหยินหลี่ต้องการฟ้องร้ององค์รัชทายาท? องค์รัชทายาทเป็นเช่นไรอย่างนั้นหรือ?”

“กราบทูลฝ่าบาท ข้าจะร้องเรียนองค์รัชทายาทในฐานที่องค์รัชทายาทไร้ซึ่งความซื่อสัตย์ อกตัญญู ไร้ซึ่งมารยาท อยุติธรรม และครองตำแหน่งองค์รัชทายาทโดยเปล่าประโยชน์” น้ำเสียงของผู้อาวุโสหยินหลี่ไม่ได้ดัง แต่ทุกพยางค์ของเขานั้นชัดเจนเป็นอย่างมาก

ไม่ซื่อสัตย์ อกตัญญู ไร้ซึ่งคุณธรรม เป็นองค์รัชทายาทที่ไร้ประโยชน์ ทั้งหมดล้วนเป็นการสร้างหายนะให้แก่ซีหลิงเทียนเหล่ย...... 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ