นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1108

สรุปบท บทที่ 1108 แผนการ,ทุกคนต่างคว้าน้ำเหลว: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอน บทที่ 1108 แผนการ,ทุกคนต่างคว้าน้ำเหลว จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1108 แผนการ,ทุกคนต่างคว้าน้ำเหลว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่เขียนโดย อาช้าย เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

“เจ้าหยุดสงครามครั้งนี้ แท้จริงแล้วมันเพื่ออะไรกันแน่?”

อย่าว่าแต่หนานหลิงจิ่นสิงเลย แม้แต่เฟิ่งชิงเฉินเองก็ยังรู้สึกสงสัย ที่เสด็จอาเก้าหยุดสงครามในครั้งนี้ แท้จริงแล้วมันเพื่อเหตุใดกันแน่?

เนื่องจากเสด็จอาเก้าพานางไปตกปลาหลังเรือนแยก นางเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีจึงถามออกมา

ดูอย่างผิวเผิน นอกจากองค์รัชทายาทเหล่ยจะถูกปลดจากตำแหน่ง ดูเหมือนเสด็จอาเก้าก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย แต่เรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ คนอย่างเสด็จอาเก้าจะยอมเสียแรงอย่างนั้นหรือ?

แน่นอนว่าไม่มีทาง เฟิ่งชิงเฉินมั่นใจเป็นอย่างมากว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ของเสด็จอาเก้าจะต้องมีความหมายอันลึกซึ้ง

เสด็จอาเก้าหันหน้าไปทางเฟิ่งชิงเฉิน ขมวดคิ้วและกล่าวออกมาว่า “เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าผู้ที่หยุดสงครามในครั้งนี้เป็นข้า?”

ดูเหมือนเขาไม่เคยพูดอะไรกับเฟิ่งชิงเฉินเลย ตามเหตุผลแล้วเฟิ่งชิงเฉินน่าจะไม่รู้เรื่องนี้

“แล้วหากไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นใคร? ข้าคิดไม่ออกเลยว่า นอกจากเจ้าแล้วใครจะมีความสามารถเช่นนี้” มีสามประเทศออกตัวอยู่ด้านหน้า ทั้งเก้าเมืองเองก็ดำรงอยู่เพื่อรักษาประโยชน์อยู่ด้านหลังอย่างมีความสุข

หากไม่ใช่เพราะมีใครบางคนคอยสร้างสถานการณ์ การต่อสู้ครั้งนี้จะต้องเป็นการต่อสู้อันดุเดือดเป็นแน่

ไม่ว่าจะสามประเทศหรือเก้าเมือง ซีหลิงไม่มีความสามารถที่จะไปหยุดการโจมตีของพวกเขา เช่นนั้นคนที่ทำได้ก็มีเพียงแค่เสด็จอาเก้า ประกอบกับช่วงที่ผ่านมา เสด็จอาเก้าหมกมุ่นอยู่กับงานทั้งวันทั้งคืน แม้แต่เงาก็ไม่เห็น หากบอกว่าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นให้ตายเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่มีทางเชื่อ

และเมื่อได้รับข่าวจากทางด้านของซีหลิง เสด็จอาเก้าก็มีเวลาว่างมาตกปลาเป็นเพื่อนนาง เรื่องนี้คงไม่อาจใช้คำว่าบังเอิญมาอธิบายได้

“เป็นข้าเอง” ยังคงเป็นประโยคเดิม แม้เสด็จอาเก้าจะไม่ได้บอกเฟิ่งชิงเฉิน แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะปิดบังนาง

“เจ้าโกรธอย่างนั้นหรือ?” ตอนแรกคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินจะโกรธเขาเพราะเรื่องนี้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเฟิ่งชิงเฉินจะไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

“มีเรื่องอะไรต้องโกรธ สิ่งที่เจ้าทำลงไปล้วนเกิดประโยชน์กับตัวเจ้า สงครามอันยิ่งใหญ่ใครนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับข้า ต่อให้เจ้าบอกข้ามันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เมื่อเทียบกับเรื่องนี้ ข้ายังอยากรู้ว่าเหตุใดเจ้าจึงปลุกปั่นให้ทั้งแปดเมืองระดมพลยกกองทัพออกมามากเสียกว่า? เจ้าไม่อยากทำลายซีหลิงอย่างนั้นหรือ?”

เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่าทุกการเคลื่อนไหวของเสด็จอาเก้านั้นอันตรายเป็นอย่างมาก หากไม่ระวังหรือประมาทขึ้นมา มันจะนำพาเขาไปสู่หายนะที่ไม่อาจฟื้นคืน เสด็จอาเก้าไม่บอกเรื่องนี้กับนาง นางก็พอจะเข้าใจได้

เรื่องบางเรื่องยิ่งคนรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้นางรับรู้เรื่องนี้ นางก็ไม่อาจช่วยอะไรเขาได้

เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้โกรธ เสด็จอาเก้าจึงกล่าวออกมาว่า “ข้าไม่ได้มีเจตนาที่จะปิดบัง แต่เรื่องบางเรื่อง ในตอนที่ข้าลงมือทำ ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผลลัพธ์ของมันจะเป็นเช่นไร ส่วนเรื่องของซีหลิง? เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว แม้จะมีทหารห้าล้านนายก็ไม่อาจทำลายซีหลิงได้”

สายเบ็ดแกว่งไปแกว่งมา ดวงตาของเสด็จอาเก้าควบแน่น เขาตวัดคันเบ็ดในมือของเขาขึ้น

“ปลากินเหยื่อแล้ว”

“ใช่ ปลากินเหยื่อแล้ว ปลุกปั่นสามประเทศ เจ้าไม่กลัวว่าพวกเขาจะเอาความโกรธมาลงกับเจ้าอย่างนั้นหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินมองมาที่เสด็จอาเก้าด้วยใบหน้าแห่งความอิจฉา

ช่วงเช้าที่ผ่านมา เสด็จอาเก้าตกปลาไปได้ห้าตัวแล้ว แต่นางยังตกไม่ได้สักตัว

หากไม่มีวาสนาต่อสัตว์ แม้แต่ปลาก็ไม่ชายตามองนาง

เรื่องแบบนี้ก็อิจฉาอย่างนั้นหรือ?

ความอ่อนโยนปรากฏขึ้นในแววตาของเสด็จอาเก้าในชั่วเสี้ยววินาที หลังจากคนรับใช้นำปลาออกจากเบ็ดและใส่เหยื่อชิ้นใหม่เข้าไป เสด็จอาเก้าก็เหวี่ยงคันเบ็ดลงไปในน้ำอีกครั้ง นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ตกปลาของเขาต่อไป แต่คำถามของเฟิ่งชิงเฉินเขาก็ยังไม่ลืม

“คนที่ปลุกปั่นประเทศทั้งสามนั้นไม่ใช่ข้า แต่เป็นซีหลิง หากมีใครมาสร้างปัญหาให้ข้า เกรงว่าคนผู้นั้นก็คงเป็นหนานหลิงจิ่นสิง หนานหลิงจิ่นสิงเป็นคนฉลาด เขาไม่มีทางพูดเรื่องที่เกี่ยวข้องกับข้าออกมาเป็นแน่”

ใช้ใต้หล้าเป็นกระดาน มองสี่ประเทศและเก้าหัวเมืองเป็นตัวหมาก มีเพียงเสด็จอาเก้าเท่านั้นที่คิดจะทำเรื่องเช่นนี้

แต่เขากลับทำมันสำเร็จ แค่เขาคิดจะสู้ก็สามารถทำให้เกิดการต่อสู้ได้ตามความต้องการ แม้ว่าคนทั่วทั้งใต้หล้าไม่อยากสู้ก็ต้องสู้ อยากจะสู้ก็ไม่ได้สู้

ผู้ชายคนนี้น่ากลัวยิ่งนัก

“มีอะไรให้ต้องผิดหวัง สิ่งที่ต้องทำก็ยังสามารถดำเนินต่อไปได้ ซีหลิงมั่นใจในความแข็งแกร่งของกองทัพของพวกเขา คิดจะใช้เมืองเหลียนเฉิงเป็นหนูทดลอง ดูว่าคนอื่นจะตอบสนองอย่างไร ข้าก็แค่อยากให้เขาสูญเสียทุกอย่าง ปราศจากความสามารถทางการต่อสู้ในระยะสามถึงห้าปี หนานหลิงจิ่นสิงต้องการผลประโยชน์จากการต่อสู้ในครั้งนี้เพื่อเสริมทรัพยากรในท้องพระคลัง พัฒนาหนานหลิง ข้าก็แค่ทำให้เขาสิ้นเนื้อประดาตัว ไม่สามารถลุกขึ้นสู้ต่อไปอีกได้”

ระงับการเติบโตของหนานหลิง ทำลายรากฐานของซีหลิง เรื่องที่รุนแรงขนาดนี้ถูกพูดออกมาจากปากของเสด็จอาเก้าอย่างง่ายดายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก

“นี่คือเหตุผลที่แท้จริงที่เจ้าไม่อยากให้ทั้งสามประเทศร่วมมือกันเพื่อจัดการกับซีหลิงอย่างนั้นหรือ?” ปรับสมดุลกองกำลังของทุกฝ่ายเพื่อสร้างความสงบสุขให้แก่แผ่นดินจิ่วโจวอันยิ่งใหญ่ในระยะเวลาอันสั้น

ช่วงนี้แผ่นดินจิ่วโจวอันยิ่งใหญ่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย โกลาหลจนทำให้เหล่าราษฎรไร้ซึ่งความสุข กองกำลังเล็ก ๆ ต่างตกอยู่ในอันตราย

แต่ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนทั่วทั้งแผ่นดินจิ่วโจวอันยิ่งใหญ่ก็เปลี่ยน ก่อนหน้านั้นไม่นานซีหลิงเทียนเหล่ยนั่งอยู่บนหลังม้าอย่างโอหัง ข่มขู่เมืองเหลียนเฉิง แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กลายเป็นนักโทษ

ก่อนหน้านี้ไม่นาน ซีหลิงกดดันเมืองเหลียนเฉิงอย่างหนัก แต่ผ่านไปเพียงชั่วพริบตา พวกเขาก็ถอนทหารกลับไปอย่างเชื่อฟัง มอบของขวัญและสิ่งชดเชยให้กับเจ้าเมืองเหลียนเฉิงเป็นจำนวนมาก

ก่อนหน้านั้นหนึ่งวันเมืองจงและเมืองอันยังกังวลอยู่เลยว่าพวกเขาจะเป็นเป้าหมายต่อไปของการโจมตี แต่วันต่อมาพวกเขากลับกลายเป็นฝ่ายที่เป็นผู้โจมตี

ไม่ต้องพูดถึงคนที่มีส่วนร่วม แม้แต่เฟิ่งชิงเฉินที่เป็นเพียงผู้ชมที่ได้เห็นและรับรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์เหล่านี้เองก็ยังรู้สึกไม่สบายใจและหายใจไม่ออก...... 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ