นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1109

สรุปบท บทที่ 1109 กังวล,ความคิดที่แม้แต่อยู่ในความฝันก็คาดไม่ถึง: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สรุปเนื้อหา บทที่ 1109 กังวล,ความคิดที่แม้แต่อยู่ในความฝันก็คาดไม่ถึง – นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

บท บทที่ 1109 กังวล,ความคิดที่แม้แต่อยู่ในความฝันก็คาดไม่ถึง ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย อาช้าย อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เพราะเหตุใดการที่เขาสร้างความวุ่นวายให้กับทั้งสี่ประเทศจะต้องมีเหตุผล?

เสด็จอาเก้ามองไปที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยใบหน้าครุ่นคิด จากนั้นกล่าวออกมาว่า “เหตุใดเจ้าจึงมั่นใจว่าเรื่องนี้จะต้องมีเหตุผล? ข้าแค่ไม่อยากให้เกิดการต่อสู้ แค่นี้ไม่ได้หรือ?”

เสด็จอาเก้ารู้สึกหดหู่ใจ เขาไม่อยากตกปลาอีกต่อไป วางคันเบ็ดในมือไว้ด้านข้างและลุกขึ้นยืน

เขาไม่ต้องการความเข้าใจจากคนอื่น เนื่องจากยิ่งคนพวกนี้ไม่เข้าใจ ก็ยิ่งรู้สึกว่าเขานั้นไม่อาจคาดเดาได้ และไม่กล้าเข้าใกล้เขา

แต่วันนี้กลับถามเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงเหตุผลที่เขาหยุดสงคราม ซึ่งมันทำให้เขารำคาญเป็นอย่างมาก

การหยุดสงคราม มันจำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยอย่างนั้นหรือ?

เสด็จอาเก้ารู้สึกหดหู่ใจ เดินไปตามริมสระน้ำเพียงลำพัง เหงาหลังของเขาแสดงให้เห็นถึงความหดหู่และเงียบเหงา ความรู้สึกนั้นเหมือนกับว่าบนโลกใบนี้มีเขาอยู่เพียงลำพัง

เฟิ่งชิงเฉินปราศจากซึ่งความลังเล รีบโยนคันเบ็ดในมือลงและวิ่งตามเขาไป......

ใบไม้ปลิวไสว สายลมโบกพัด กลิ่นหอมของดอกบัวที่บานสะพรั่งพัดเข้ามาในจมูก แต่พวกเขาทั้งสองกลับไม่มีใจที่จะชื่นชม ดวงตาของเสด็จอาเก้าหรี่ลงเล็กน้อย เขามองตรงไปด้านหน้าโดยที่ไม่รู้ว่าเวลานี้เขากำลังทำสิ่งใดอยู่

เฟิ่งชิงเฉินเดินอยู่ข้างกายของเสด็จอาเก้า แอบมองหน้าเสด็จอาเก้าอยู่เป็นระยะ นางนึกไม่ออกว่านางพูดอะไรผิดไป แต่ดูจากท่าทางของเสด็จอาเก้าในเวลานี้แล้ว เหมือนกับเขานั้นไม่มีความสุขเป็นอย่างมาก

ทั้งสองคนเดินไปครึ่งรอบสระน้ำ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา จนกระทั่ง......มาถึงใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง เสด็จอาเก้าหยุดเดิน ชี้ไปที่เรือลำเล็กที่ลอยอยู่ในสระน้ำ

“ชิงเฉิน เจ้ายังจำเรื่องที่ข้ายืนเป่าขลุ่ยบนเรือลำนั้นในปีที่แล้วได้หรือไม่?”

“แน่นอน ข้าจำมันได้” เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าด้วยแรงของนาง

ฉากที่งดงามถึงเพียงนั้น ชีวิตนี้นางไม่มีวันลืม......

ในวันนั้นเสด็จอาเก้าอยู่บนเรือลำเล็ก แล่นเรือผ่านใบบัวพร้อมกับเป่าขลุ่ย แม้ว่านางจะไม่เข้าใจแต่ก็รู้สึกว่ามันไพเราะมาก

บทเพลงนั้นไม่เพียงแต่ไพเราะเสนาะหูเท่านั้น แต่มันยังสัมผัสเข้าไปถึงหัวใจของนาง นางไม่เคยเห็นใครเป่าขลุ่ยได้น่าดึงดูดเช่นนี้มาก่อน สามารถดึงดูดนกเป็นร้อยตัวได้ด้วยตัวของเขาเพียงคนเดียว

“ข้าในตอนนั้นรู้สึกว่าเจ้าเป็นคนที่ตกลงมาจากสรวงสวรรค์” หากตอนสุดท้ายเสด็จอาเก้าไม่ใช้ขลุ่ยเคาะศีรษะของนาง เช่นนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในสระบัวมันอาจเรียกได้ว่าเป็นความสมบูรณ์แบบ เป็นสิ่งที่งดงามที่สุดในใจนาง และเป็นฉากที่หอมหวานที่สุด

เมื่อได้ยินคำชื่นชมจากเฟิ่งชิงเฉิน ในที่สุดอารมณ์ของเสด็จอาเก้าก็ฟื้นกลับมา แต่เขายังคงถามออกมาด้วยน้ำเสียงอันเฉยเมย “เจ้าคิดว่าในตอนนั้นข้ากำลังคิดอะไรอยู่?”

“เพื่อเอาใจข้า?” เฟิ่งชิงเฉินพูดอย่างหลงตัวเอง เนื่องจากตอนนั้นนอกจากนางแล้วก็ไม่มีใครอยู่ที่นั่น

เสด็จอาเก้าส่ายหน้า กล่าวออกมาโดยไม่สนใจสีหน้าที่ไม่พอใจของเฟิ่งชิงเฉิน “ชิงเฉิน ทุกเรื่องที่ข้าทำลงไปนั้นไม่จำเป็นต้องมีแผนการหรือความตั้งใจ ในตอนนั้นข้าไม่ได้อยากเอาใจเจ้าเลยแม้แต่น้อย ข้าเพียงแค่ต้องการทำมันเท่านั้น”

ต่อให้เฟิ่งชิงเฉินไม่อยู่ ในวันนั้นเขาก็ยังเป่าขลุ่ยเพื่อชื่นชมทิวทัศน์อยู่ดี

“อ่า......” เฟิ่งชิงเฉินก้มหน้า พูดอย่างเฉยเมย นางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ครั้งนี้ถึงคราวของเฟิ่งชิงเฉินที่รู้สึกไม่มีความสุข

นางคิดมาโดยตลอดว่าทุกสิ่งที่เสด็จอาเก้าทำลงไปในวันนั้นก็เพื่อเอาในนาง เกี้ยวพาราสีนาง สุดท้ายอีกฝ่ายกลับไม่ได้คิดเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย

การคิดไปเองนั้นเป็นเรื่องที่น่าอายขายหน้ายิ่งนัก

เสด็จอาเก้าไม่สามารถทนต่อท่าทางอันเศร้าโศกของเฟิ่งชิงเฉินได้อีกต่อไป และไม่อยากจะโกหก เขายื่นมือออกมาลูบศีรษะของเฟิ่งชิงเฉินพร้อมกับกล่าวปลอบใจ “เสียใจขนาดนั้นเชียวหรือ คนที่ไม่รู้เรื่องราวอาจคิดว่าข้ากำลังทำร้ายเจ้าอยู่”

“เจ้าก็ทำร้ายข้ามาโดยตลอดอยู่แล้ว” ทำร้ายความรู้สึกของนางมากตั้งนาน ช่างโหดร้ายยิ่งนัก

“นั่นเป็นเรื่องที่ข้าไม่ได้ตั้งใจ เวลานั้น แม้ว่าข้าจะไม่ได้ทำลงไปเพื่อเอาใจเจ้า แต่สิ่งที่ข้าทำลงไปนั้นสามารถทำให้เจ้ามีความสุขได้ ข้าก็รู้สึกดีใจยิ่งนัก” เสด็จอาเก้ากอดเฟิ่งชิงเฉินไว้ในอ้อมแขน

ต่อให้อยู่ในความฝันหนานหลิงจิ่นสิงก็คิดไม่ถึงว่าเสด็จอาเก้าจะหยุดสงครามที่เกิดขึ้นด้วยเหตุผลเช่นนี้ ที่ทำลงไปทั้งหมดก็เพื่อราษฎร หากเขารู้เขาคงจะโกรธเสด็จอาเก้าจนแทบกระอักเลือด กลับไปทำลายเมืองสักเมือง สังหารราษฎรเพื่อทำให้เสด็จอาเก้าได้รับรู้ถึงความ “โง่เขลา” ของตน

“อื้อ......” เฟิ่งชิงเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าอย่างแรง “ข้าเชื่อ”

เนื่องจากนางเองก็คิดถึงเหตุผลอื่นที่เสด็จอาเก้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้แล้ว

“เจ้าเชื่อจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?” ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นเสด็จอาเก้าที่เป็นฝ่ายตกใจ

เนื่องจากคำว่า “เชื่อ” ของเฟิ่งชิงเฉินนั้นชัดเจนมาก ทำให้หัวใจของเสด็จอาเก้าเบิกบานขึ้นมาทันใด

เมื่อเกิดสงครามก็ย่อมมีการสูญเสีย เสด็จอาเก้าเพียงแค่ต้องการลดความสูญเสียให้เหลือน้อยที่สุด ไม่ว่าจะต่อสู้กันมากน้อยเพียงใด ผู้คนที่ล้มตายต่างก็เป็นคนของแผ่นดินจิ่วโจวอันยิ่งใหญ่ สงครามที่ไร้ซึ่งความชอบธรรมเช่นนี้ หากสามารถหยุดสงครามได้ ความสูญเสียก็จะลดน้อยลง

“เหตุใดจึงไม่เชื่อ? เจ้าเองก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน” ไม่ว่าฆาตกรจะโหดเหี้ยมแค่ไหนก็ต้องมีจุดอ่อน ซึ่งไม่ต้องพูดถึงเสด็จอาเก้าที่ไม่ได้มีนิสัยรักในการฆ่าและมีจิตวิปริตเหมือนกับเจ๋อเจ๋อ

เมื่อพูดถึงเจ๋อเจ๋อ เฟิ่งชิงเฉินก็อดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ นางไม่เห็นเจ๋อเจ๋อมาหลายวันแล้ว และไม่รู้ว่าช่วงนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง

เจ๋อเจ๋อ....จู่ ๆ เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกหายใจไม่ออก ความเจ็บปวดปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของนาง

“เป็นอะไรงั้นหรือ?” เสด็จอาเก้าถามออกมาด้วยความเป็นห่วง เมื่อสักครู่ยังดี ๆ อยู่เลย ผ่านไปเพียงชั่วพริบตาเหตุใดถึงได้ไม่มีความสุข

“ไม่รู้เหมือนกัน อยู่ดี ๆ ข้าก็รู้สึกหดหู่ใจ รู้สึกว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น” ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทันทีที่คิดถึงเจ๋อเจ๋อ เฟิ่งชิงเฉินก็สัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์อันเลวร้าย

“ไม่รู้ว่าข้าคิดมากไปเองหรือเปล่า แต่ข้ารู้สึกว่ามีเรื่องบางอย่างที่ไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้น” ยิ่งคิดถึงเจ๋อเจ๋อ ความรู้สึกกังวลก็ยิ่งชัดเจนมากยิ่งขึ้น...... 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ