นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1118

ควับ......ห้องเงียบลงทันใด เจ้างั่งเงียบปากทันทีเมื่อได้ยินเพียงคำว่า “โจ่ว” ที่เป็นเพียงครึ่งคำเรียกชื่อของโจ่วอั้น เขามองมาที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยความหวาดกลัว ร่างกายอันบอบบางของเขาสั่นสะท้านอยู่บนเตียง

“เฟิ่ง......เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าว่าโจ่ว โจ่วอั้นอยู่ที่ไหน?” ถามจบเขาก็ไม่ลืมที่จะหันไปมองรอบ ๆ หากไม่ใช่เพราะเฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าโจ่วอั้นสบายดี นางคงคิดว่าโจ่วอั้นกลายเป็นปีไปแล้ว

“โจ่วอั้นคอยปกป้องอยู่ข้างกายข้าเสมอ เจ้าคิดว่าเขาอยู่ที่ไหน?” เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น สำหรับเจ้างั่ง ความอดทนของนางหมดลงแล้ว

นางไม่ชอบวิธีการอันโหดเหี้ยมของเจ๋อเจ๋อที่เขาใช้ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่เขาก็ไม่ชอบเจ้างั่งในวัยผู้ใหญ่ที่ “ไร้เดียงสา” เช่นนี้เหมือนกัน

นางไม่ใช่ครูพี่เลี้ยงหรือครูใหญ่ในโรงเรียนอนุบาล ในความเป็นจริงแล้วนางไม่ได้สนใจที่จะดูแลผู้ใหญ่และเด็กสองคนนี้

ท้ายที่สุดนางก็ชำเลืองมองเจ้างั่งด้วยความเห็นใจ จากนั้นก็ยกขาและก้าวเดินออกไป

นางต้องไปหาหวังจิ่นหลิง หากตามหาเจ๋อเจ๋อไม่พบ เช่นนั้นนางต้องลำบากเป็นแน่

“อย่าไป” เจ้างั่งเห็นเฟิ่งชิงเฉินเดินจากไป เขารีบลุกขึ้นมาจากเตียง พุ่งเข้ามาจับขาของเฟิ่งชิงเฉินไว้ “ฮือ ฮือ ฮือ......เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าอย่าไป เจ้าอย่าทิ้งข้าไว้กับโจ่วอั้น เอาเป็นว่าข้าจะไม่ใส่ใจเรื่องที่เจ้าด่าข้าว่าเป็นคนงี่เง่า”

เฟิ่งชิงเฉินหันกลับมา มองไปยังสิ่งที่เกาะอยู่ตรงขาของนาง ใช้แรงเตะออกไปสองสามครั้ง แต่ก็ไม่สามารถสลัดเจ้างั่งออกไปได้ องครักษ์วิ่งเข้ามาให้ความช่วยเหลือ แต่ไม่ว่าองครักษ์จะพยายามแค่ไหน เจ้างั่งก็กอดขาของเฟิ่งชิงเฉินอยู่เช่นนั้นไม่ยอมปล่อย

แม้จะถูกตีจนเลือดไหล เจ้างั่งก็ไม่ยอมปล่อยมือ ตะโกนออกมาว่าอย่าทิ้งเขาไว้กับโจ่วอั้น เฟิ่งชิงเฉินเกรงว่าองครักษ์จะลงมือหนักเกินไป ไม่แน่อาจถึงขั้นทำให้เจ้างั่งเสียชีวิต จึงบอกให้พวกเขาถอยไป และพูดออกมาด้วยอารมณ์ที่สงบลง “เซียนถั่ว ปล่อยข้า”

“ไม่ปล่อย ข้าไม่ปล่อย ให้ตายข้าก็ไม่ปล่อย เฟิ่งชิงเฉิน เป็นคนต้องมีเมตตา ข้าไม่เพียงแต่จะไม่สังหารเจ้า ข้ายังช่วยขัดขวางมือสังหารคนอื่นให้เจ้า เจ้าไม่สามารถปล่อยให้ข้าตายโดยไม่ช่วยข้าเช่นนี้ได้” คำพูดของเซียนถั่วนั้นเป็นความจริง เนื่องจากเขาเป็นคนมาที่นี่ พันธมิตรจึงยังไม่ให้คนอื่นเคลื่อนไหว ไม่อย่างนั้นช่วงเวลาที่ผ่านมา เฟิ่งชิงเฉินคงไม่มีชีวิตที่สงบสุขถึงเพียงนี้

“พูดแบบนี้ ข้าต้องขอบคุณเจ้าอย่างนั้นหรือ ขอบคุณที่เจ้ามาสังหารข้า?” เฟิ่งชิงเฉินพูดด้วยรอยยิ้มอันเสแสร้ง

น้ำเสียงแห่งความดูถูกเหยียดหยามชัดเจนถึงเพียงนี้ ขอแค่เป็นคนก็สามารถรับรู้ได้ แต่เจ้างั่งกลับไม่เข้าใจมันเลยแม้แต่น้อย

“เรื่องนั้นไม่จำเป็น หากไม่มีข้า เจ้าคงกลายเป็นศพไปตั้งนานแล้ว เฟิ่งชิงเฉิน เห็นแก่ที่ข้าเคยช่วยเจ้าไว้ เจ้าจะต้องช่วยข้าสักครั้ง ไม่ใช่ สองครั้ง” เจ้างั่งยื่นมือออกมาพร้อมกับชูหนึ่งนิ้ว จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสองอย่างรวดเร็ว

หากเปลี่ยนใบหน้าของเจ้างั่งเป็นใบหน้าของเจ๋อเจ๋อ เฟิ่งชิงเฉินคนรู้สึกว่ามันน่ารักเป็นอย่างมาก แต่เวลานี้......นางรู้สึกว่ามันไร้สาระเกินไป

ด้วยสภาพเช่นนี้ของเจ้างั่ง เขาคือมือสังหารอันดับสองที่เป็นรองเพียงแค่โจ่วอั้นงั้นหรือ? โจ่วอั้นคงไม่ได้โง่เขลาเช่นนี้ใช่ไหม ไม่ใช่ คงเป็นเพราะเบื้องหลังของเจ้างั่งนั้นยิ่งใหญ่เกินไป พันธมิตรนักฆ่าจึงดูแลเขาเป็นอย่างดีเพราะตระกูลของเขา

“เอาล่ะ เจ้าอยากให้ข้าช่วยอะไรเจ้า?” พูดถึงเหตุผลกับคนอย่างเจ้างั่งไปก็ไร้ประโยชน์ โจ่วอั้นเองก็ไม่ยอมออกมา ไม่ยอมช่วยนางออกจากกองไฟ ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงยอมรับ

“เรื่องแรก เจ้าห้ามให้โจ่วอั้นเข้าใกล้ข้าเป็นอันขาด เรื่องที่สอง เจ้า เจ้า......เตะข้า เจ้าต้องรักษาแผลให้ข้า” ในตอนที่พูดเรื่องที่สอง ใบหน้าของเจ้างั่งเป็นสีแดงเหมือนเปลวไฟ

เอาเถอะ ตอนแรกใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยเลือด ต่อให้แดงแค่ไหนก็มองไม่ออก เพียงแต่คำพูดของเจ้างั่งนั้นฟังดูกระวนกระวาย ทำให้เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจความรู้สึกของเจ้างั่งในตอนนี้

เซียนถั่วเขินแล้ว เซียนถั่วกระบิดกระบวน หลังจากนั้นเฟิ่งชิงเฉินก็พบว่าตนเองอารมณ์ดีขึ้น

เฟิ่งชิงเฉินชำเลืองมองไปยังขาที่สามของเจ้างั่ง พยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ยกมุมปากของนางขึ้น จากนั้นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ “ให้ข้าช่วยอะไร?”

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงต้องการให้นางมา ที่แท้ก็เกี่ยวข้องกับความสุขในอนาคต ก็แค่พูดไม่ใช่หรือไง บาดแผลพวกนั้นสำหรับมือสังหารแล้วมันเทียบไม่ได้กับอะไร

“อ่า อ่า ตอน ตอน......เช้า ข้าไม่แข็ง” ประโยคนี้นั้นติดอ่าง เมื่อพูดออกมา เจ้างั่งก็แทบจะเอาหน้าไปซุกอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเฟิ่งชิงเฉิน

ช่างน่าอายเหลือเกิน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ