นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1129

อาชีพหมอเป็นอาชีพที่ค่อนข้างพิเศษ เจ้าช่วยคนดีคนหนึ่ง ก็เท่ากับว่าได้ช่วยชีวิตคนไว้มากขึ้น ตรงกันข้าม หากเจ้าช่วยชีวิตคนชั่วคนหนึ่ง เช่นนั้นมันก็เหมือนกับเจ้าเองก็เป็นเพชฌฆาตคนหนึ่งด้วยเช่นกัน

หมอไม่ใช่คนผิด คนที่ผิดคือคนไข้ สิ่งที่หมอทำได้มีเพียงแค่การรักษาคนไข้ ส่วนคนไข้จะดีหรือเลวนั้นมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหมอ

เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจเหตุผลนี้มาโดยตลอด ในยุคปัจจุบัน นางพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะไปใกล้ชิดกับบุคคลสำคัญ พยายามไม่ใช้ทักษะทางการแพทย์ของนางไปยุ่งเกี่ยวกับผู้คนที่มีผลกระทบต่อการเมือง

แน่นอน ด้วยทักษะทางการแพทย์ของเฟิ่งชิงเฉิน นางยังไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นหมอส่วนตัวของคนสำคัญเหล่านั้น ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่เคยเป็นปัญหากับนางมาก่อน

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ทันทีที่เปลี่ยนสถานที่ คนที่นางช่วยชีวิตเอาไว้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีอำนาจ นอกจากเหตุการณ์ภัยพิบัติหิมะที่นางออกไปช่วยรักษาชาวบ้าน นางก็ไม่เคยรักษาผู้ป่วยที่เป็นคนธรรมดาเลย

“ในฐานะหมอ ข้าล้มเหลวอย่างไม่ตั้งสงสัย ในฐานะนักการเมือง ข้าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก” นี่เป็นสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินพูดกับเสด็จอาเก้าขณะที่อยู่ในรถม้าในวันรุ่งขึ้น

“แล้วเจ้าจะเลือกสิ่งใด?” ก่อนหน้านี้เฟิ่งชิงเฉินเลือกที่จะเป็นหมอ แต่เป็นหมอธรรมดาทั่วไปไม่อาจแบกรับภาระของตระกูลเฟิ่งเอาไว้ได้ และไม่อาจแบกรักภาระของครอบครัวเฟิ่งหลีได้

เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ข้ายังเลือกอะไรได้อีกงั้นหรือ? ด้วยทักษะทางการแพทย์ของข้า ข้าสามารถกลายเป็นนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ได้” หากนางเลือกอย่างแรก นางก็คงไม่มีแม้แต่ความสามารถในการป้องกันตัวเองเลยด้วยซ้ำ

นางเคยพูดไว้ว่านางต้องการพลังและอำนาจอันยิ่งใหญ่ และด้วยอาชีพหมอ ชีวิตนี้มันก็ไม่อาจให้สิ่งที่นางต้องการได้ ในเมื่อเป็นหมอแล้วไม่อาจทำได้ เช่นนั้นก็ต้องเปลี่ยนอาชีพ ขอแค่ยังมีชีวิตอยู่ มันก็ไม่จำเป็นว่านางจะต้องเป็นหมอตลอดไป

ไม่ว่าจะเป็นโลกใบไหน อำนาจและความแข็งแกร่งล้วนเป็นเครื่องกำหนดในทุกสิ่ง หากนางต้องการแย่งอาหารจากปากเสื้อ แยกดินแดนจากผู้อื่น เช่นนั้นก็ไม่อาจใจอ่อนได้

“เด็กโง่” เสด็จอาเก้าเห็นท่าทางที่จริงจังของเฟิ่งชิงเฉินก็อดไม่ได้ที่จะดึงอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมแขน “เจ้านี่มัน คิดมากเกินไปแล้ว เป็นหมอก็ดี เป็นนักการเมืองก็ดี ขอแค่เจ้าจะไว้ว่าสิ่งที่เจ้าอยากทำคืออะไร แม้ว่าทั่วทั้งใต้หล้าอาจจะดูเจริญรุ่งเรือง แต่ราษฎรนั้นยังคงลำบาก ความขัดแย้งระหว่างสี่ประเทศและเก้าเมืองรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือเหล่าราษฎร เป็นหมอเพื่อช่วยคนนั้นไม่ได้มีความผิด แต่ทั้งชีวิตนี้ของเจ้าจะช่วยได้สักกี่คน? แต่หากเจ้าช่วยประเทศเอาไว้ได้ เช่นนั้นก็เท่ากับว่าเจ้าช่วยราษฎรเกือบทั่วทั้งแผ่นดิน”

“ช่วยประเทศ? ใช้ทักษะทางการแพทย์ในการช่วยประเทศ?” เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าหมอที่โดดเด่นนั้นดึงดูดเหล่านักการเมืองมากแค่ไหน แต่นางไม่เคยคิดว่าด้วยความสามารถของหมอเพียงคนเดียวมันจะสามารถเป็นแรงผลักดันของประเทศได้

“แน่นอนว่าได้ สิ่งที่เจ้าทำอยู่ตอนนี้ไม่ใช่การช่วยประเทศอย่างนั้นหรือ ตัวอย่างเช่นหวังจิ่นหลิง เนื่องจากเจ้าช่วยรักษาดวงตาทั้งสองข้างให้เขา เขาถึงสามารถใช้พรสวรรค์ของเขาออกมาได้อย่างเต็มที่ ความสามารถของหวังจิ่นหลิงได้รับการยอมรับจากคนทั่วทั้งใต้หล้า เจ้ารักษาดวงตาของเขาได้ ทำให้ขาสามารถแสดงปณิธานของตนเองออกมา มันไม่ใช่แค่เพียงการช่วยเหลือตระกูลหวังเท่านั้น แต่มันยังช่วยราษฎรในใต้หล้าไว้ได้อีกมากมาย” เรื่องทุกอย่างล้วนมีสองด้าน บางครั้งมันอาจจะมากกว่านั้น เมื่อมองจากอีกด้านหนึ่งมันก็อาจไม่เป็นผลลัพธ์ที่ปรากฏออกมาจากอีกด้าน

“แม้จะไม่มีข้า พรสวรรค์ของจิ่นหลิงก็ไม่มีทางดับสลาย เขาคือหวังจิ่นหลิง คือคุณชายใหญ่ของใต้หล้า” เฟิ่งชิงเฉินหาตำแหน่งที่สบายที่สุดในอ้อมแขนของเสด็จอาเก้า

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ปมในใจของนางได้คลายออกแล้ว นางจะเอาแต่ถามตัวเองว่าเป็นหมอต่อไปแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว เวลานี้นางไม่ใช่หมอธรรมดาทั่วไป

แต่ถึงต่อให้เป็นหมอธรรมดาทั่วไปแล้วอย่างไร นางรักษาคนไข้ คนไข้จะทำอะไรมันก็ไม่ใช่สิ่งที่นางเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้

หลังจากดิ้นรนและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาทั้งคืน เฟิ่งชิงเฉินเองก็นอนไม่หลับ เมื่อได้อยู่ในอ้อมแขนของเสด็จอาเก้า ไม่ช้าเฟิ่งชิงเฉินก็ผล็อยหลับไป

“มันช่าง......เรียนรู้อะไรก็ไม่เรียนรู้ แต่ดันไปเรียนรู้นิสัยแย่ ๆจากเจ้าโอวหยางโต้วโต้วมา เมื่อปมในใจถูกคลายออกก็หลับไปทันที” แม้จะพูดออกมาเช่นนี้ แต่เสด็จอาเก้าก็นำผ้าห่มออกมาห่มให้กับเฟิ่งชิงเฉินอย่างอ่อนโยน

เมื่อออกมาด้านนอก เป็นเรื่องปกติที่ในบางครั้งไม่อาจหาโรงเตี๊ยมเพื่อพักแรมได้ทัน และในวันนี้พวกเขาก็ไปไม่ถึงโรงเตี๊ยม จึงทำได้เพียงอาศัยอยู่ด้านนอก

แต่พวกเขาก็โชคดีไม่เบา สถานที่ซึ่งพวกเขาพักนั้นโล่งแจ้ง ไม่เหมาะสำหรับการซุ่มโจมตี และไม่มีร่องรอยของสัตว์ร้าย

เฟิ่งชิงเฉินหลับมาเต็มอิ่มในตอนกลางวัน เวลานี้นางรู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมาก นางตั้งกระโจมและทำอาหารด้วยตัวคนเดียว ทำงานอย่างมีความสุข ความโศกเศร้าและความกังวลใจในตอนกลางวันหายไปอย่างไร้ร่องรอย

“ผู้หญิงคนนี้แปลกจริง ๆ” โต้วโต้วพึมพำออกมา ส่ายหน้าและเดินจากไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ