นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1134

สรุปบท บทที่ 1134 ลัทธิปีศาจ, แสงสว่างสุดท้าย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สรุปตอน บทที่ 1134 ลัทธิปีศาจ, แสงสว่างสุดท้าย – จากเรื่อง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

ตอน บทที่ 1134 ลัทธิปีศาจ, แสงสว่างสุดท้าย ของนิยายInternetเรื่องดัง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดยนักเขียน อาช้าย เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีไม่มีความสุขเป็นอย่างมาก แต่ต่อให้เขาไม่มีความสุขมากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของเสด็จอาเก้าได้ เสด็จอาเก้าบอกว่าต้องการช่วยเจ๋อเจ๋อ ต่อให้ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีไม่เต็มใจที่จะใช้ตัวยาของเขา เขาก็ทำได้เพียงแค่กัดฟันและก้มหน้าก้มตาทำต่อไป

ใครใช้ให้ตัวยาเหล่านั้นถูกกลั่นออกมาด้วยเม็ดเงินของเสด็จอาเก้า หากไม่มีความช่วยเหลืออันยิ่งใหญ่ของเสด็จอาเก้า อย่าว่าแต่สิบขวดเลย แค่กำลังของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเพียงอย่างเดียว กลั่นออกมาได้สองขวดก็ถือว่าไม่เลวแล้ว

การวิจัยตัวยาใหม่ ๆ มีต้นทุนค่อนข้างสูง หากไม่มีเม็ดเงินจำนวนมากคอยค้ำจุน มันก็ยากที่จะดำเนินการให้สำเร็จต่อไป

เฟิ่งชิงเฉินนั่งอยู่ในห้องของโต้วโต้ว นางก็ยังได้ยินเสียงโวยวายของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี เขาเอาแต่บ่นว่าเงินไม่พอ วัตถุดิบในการกลั่นยาไม่พอ ลูกน้องไม่พอ หากเสด็จอาเก้าจะใช้เวลาว่างเพื่อช่วยเหลือผู้คน คงจะดีกว่าหากเอาเวลาเหล่านี้ไปหาเงินให้เขา ช่วงนี้เขาเพิ่งจะคิดค้นตัวยาชนิดใหม่ขึ้นมาได้ และจำนวนเงินที่มีอยู่มันก็ไม่พอ

“คนที่คลั่งไคล้ในงานวิจัยนี่ต้องการเงินเหมือนกันหมด ไม่แบ่งแยกว่าพวกเขาจะอยู่ในสถานที่ใด” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวออกมาอย่างเข้าใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางได้รู้จักกับปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีมีคุณธรรมเช่นไร เรื่องนี้นางรู้ตั้งแต่แรก

สำหรับคนภายนอก เขาอาจเป็นหมอเทวดาที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ แต่หลังจากได้รู้จักกับเขาก็จะพบว่า นอกจากทักษะทางการแพทย์ ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีก็ไม่ต่างอะไรกับชายหนุ่ม กระโดดโลดเต้นไปทั่ว ไม่มีสมาธิอยู่กับตัวเอง

“ข้าคิดว่าเจ้ากับปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้” เฟิ่งชิงเฉินหันมาพูดกับโอวหยางโต้วโต้ว ทำให้โอวหยางโต้วโต้วลุกขึ้นมาจากเตียงด้วยความโกรธ “ข้าเอะอะโวยวายเช่นนั้นต้องแต่เมื่อไหร่ เพื่อเงินเพียงเล็กน้อย จากเช้าจรดค่ำ แม้แต่ตระกูลชุยกับตระกูลเวิน ข้ายังไม่เคยรบกวน”

“แกล้งตายอย่างนั้นหรือ?” ไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้ โต้วโต้วยังนอนอยู่บนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง แต่เวลานี้เขาเหมือนกับมังกรที่เกิดใหม่ ยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น

เมื่อเจอกับสิ่งที่น่าตกใจเป็นเล็กน้อย กลับนอนทำใจอยู่บนเตียงทั้งวัน โต้วโต้วคิดว่าเขาเป็นสาวน้อยผู้อ่อนโยนหรืออย่างไร

“ฮึ ฮึ......” โต้วโต้วเกาศีรษะของเขาอย่างเขินอาย “ข้าก็แค่ถูกเสด็จอาเก้าทำให้ตกใจไม่ใช่หรือไง ใครจะไปคิดว่าเขาจะโหดร้ายถึงเพียงนี้ เฟิ่งชิงเฉินเจ้ายังไม่เห็น หากเจ้าได้เห็นเกรงว่าเจ้าจะต้องอาเจียนออกมาเป็นแน่ และยังทำให้เจ้ากินข้าวไม่ลงอีกหลายวัน”

ในขณะที่พูดออกมา มือของโต้วโต้วยังคงกระโดดโลดเต้นโดยไม่สนใจคำเตือนของเสด็จอาเก้า เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่ตนเองได้เห็นในห้องขังออกมา แต่ในตอนที่เขากำลังจะเอ่ยปากก็ถูกเฟิ่งชิงเฉินห้ามเอาไว้ก่อน

“ไม่ต้องพูด ข้าไม่อยากฟัง” เสด็จอาเก้าต้องการสร้างบทเรียนให้แก่เจ๋อเจ๋อ หากเบาเกินไปเช่นนั้นก็ไม่ถือว่าเป็นบทเรียน ไม่รู้จักเชื่อฟัง และยังคงทำผิดต่อไป

“เพราะเหตุใดงั้นหรือ?” โต้วโต้วบ่นออกมา เขาต้องการหาใครมาช่วยระบายความกังวลของเขา

“มีอะไรน่าฟังกัน อย่างไรเสด็จอาเก้าก็ไม่มีทางทำเช่นนั้นกับข้า” เฟิ่งชิงเฉินมองทะลุความคิดของโต้วโต้ว

โต้วโต้วได้ยินเช่นนั้นก็รีบพยักหน้า “ก็จริง เสด็จอาเก้ารักและห่วงใยเจ้าถึงเพียงนั้น เขาจะทำเช่นนั้นกับเจ้าได้อย่างไร เจ้าว่าเสด็จอาเก้าจะทำเช่นนั้นกับข้าหรือไม่?”

โต้วโต้วก้าวเท้าไปด้านหน้า คุกเข่าลงข้างเท้าของเฟิ่งชิงเฉิน

“เรื่องนี้ก็พูดยาก หากเจ้าไปขัดขืนกฎเกณฑ์ของเขา มีโอกาสเก้าในสิบส่วนที่เจ้าจะถูกปฏิบัติเช่นนี้ แต่อย่างไรก็ไม่รุนแรงถึงชีวิต เพราะจะได้ไม่ต้องกังวลว่าหกสัตว์ประหลาดเฒ่าแห่งพันธมิตรนักฆ่าจะตามมาแก้แค้นถึงที่” พูดคุยกับโต้วโต้ว การที่พูดออกไปโดยตรงนั้นมีประโยชน์มากกว่าการพูดอ้อมค้อม

“เรื่องนี้มันก็จริง หากข้ายังไม่ตาย พวกเขาก็ไม่มีทางบุกเข้ามาเพื่อแก้แค้นให้ข้า ดีไม่ดีพวกเขาอาจจะลงโทษข้า และบอกว่าข้าไร้ประโยชน์” ได้ยินคำพูดของเฟิ่งชิงเฉิน โต้วโต้วก็ไม่ได้โกรธแต่อย่างใด เขาไม่ใช่คนประเภทที่ต้องพิสูจน์ตัวเอง การที่มีร่มไม้ใหญ่อยู่ด้านหลังนั้นดีกว่า มันเปรียบเสมือนการมีร่มเงา

เมื่อข้ามีภูมิหลังก็เท่ากับว่าข้ามีตัวช่วย เจ้าจะทำอะไรข้าได้

“รู้เช่นนี้ก็ดีแล้ว เชื่อฟังข้าให้มาก ไม่เช่นนั้นข้าจะบอกให้เสด็จอาเก้าใช้วิธีการเดียวกับที่จัดการกับเจ๋อเจ๋อ ในการจัดการกับเจ้า” ในตอนที่โต้วโต้วปฏิบัติตัวอย่างเชื่อฟัง เขาก็เหมือนกับสุนัขของแม่ทัพใหญ่ ทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกคันไม้คันมือ อยากจะลูบศีรษะของโต้วโต้ว

ผลที่ออกมาคือ สุนัขแม่ทัพตัวนี้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นำศีรษะเขามาสัมผัสกับฝ่ามือของเฟิ่งชิงเฉิน กล่าวออกมาด้วยใบหน้าอันหวาดกลัว “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าช่วยข้านึกหน่อย ช่วงนี้จ้าทำเรื่องอะไรที่ทำให้เสด็จอาเก้าไม่พอใจหรือไม่?”

หากมีข้าจะได้ทำการชดใช้ในทันที ข้าไม่อยากถูกผู้อื่นกัดเนื้อ ไม่อยากหิวตาย ไม่อยากดื่มน้ำปัสสาวะ......

“เจ้าทำอะไรลงไป ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร เจ้าลองคิดดูให้ดี หากคิดไม่ออกก็ไม่ต้องกังวล เสด็จอาเก้าไม่มีทางเอาชีวิตของเจ้า เขาจะต้องเหลือลมหายใจเจ้าไว้เป็นแน่ จากนั้นก็ปล่อยให้โต้วโต้วช่วยรักษาให้เจ้า” คำพูดนี้ของเฟิ่งชิงเฉินไม่ใช่คำปลอบใจ โต้วโต้วได้ยินเช่นนี้เขาก็ตกใจจนนั่งลงกับพื้นทันที

“ไม่นะ เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าเห็นคนตายแล้วจะไม่ช่วยได้อย่างไร ฮือ ฮือ ฮือ......ท่านโต้ว เหตุใดเจ้าถึงได้โชคร้ายถึงเพียงนี้” โต้วโต้วร้องโหยหวน เสียงนั้นน่าสลดใจเป็นอย่างมาก คนที่ไม่รู้คิดว่าเขาเป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บ

“ข้าไม่สน เจ้าเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้เห็นเรือนร่างของข้า เจ้าจะต้องรับผิดชอบข้า” โต้วโต้วเบือนหน้าหนีอย่างงอแง ใบหูของเขาเริ่มกลายเป็นสีแดง

อั๊ยย่ะ พูดแบบนี้ช่างน่าอายเหลือเกิน

“น่าเสียดาย เจ้าไม่ใช่ผู้ชายคนแรกที่ข้าได้เห็นเรือนร่างที่เปลือยเปล่า ต่อให้ต้องรับผิดชอบก็คงไม่ถึงเจ้า หลบไปแต่โดยดี อย่ามาขวางทางพี่สาวคนนี้จะดีกว่า” เฟิ่งชิงเฉินผลักโต้วโต้วออกไป บอกให้เขาอย่ามาขวางทาง

“ฮือ ฮือ ฮือ......เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าอย่าทอดทิ้งข้าเช่นนี้” โต้วโต้วชี้ไปที่เฟิ่งชิงเฉิน เรียนแบบท่าทางของตัวละครที่เคยอ่านมา และเสียงร้องไห้งอแงของเขาก็เปล่งออกมาอย่างเต็มที่

เฟิ่งชิงเฉินจ้องเขม็งมาที่เขาอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าไม่เคยทอดทิ้งใครมาก่อน เจ้าอย่ามาพูดสุ่มสี่สุ่มห้า โอวหยางโต้วโต้ว หากเจ้าไม่กลัวตายเจ้าก็ร้องออกมา ความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้น เสด็จอาเก้าอาจจะไม่สนใจ แต่หากเจ้ายังตามรังควานข้าอยู่เช่นนี้ เจ้าจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”

นี่ไม่ใช่คำขู่ แต่เป็นการเตือนด้วยความหวังดี

“ฮือ ฮือ ฮือ......” โต้วโต้วร้องไห้จนตัวสั่นอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้โง่ เขาเข้าใจอย่างแท้จริง เขารีบตะโกนออกมาว่า “เฟิ่งชิงเฉิน เหตุใดเจ้าจึงไม่บอกข้าตั้งแต่แรก บ้าที่สุด เจ้ากับข้าต้องขีดเส้นแบ่งกันให้ชัดเจน หลังจากนี้เจ้าห้ามเข้ามาใกล้ช้าในระยะมากกว่าสิบก้าว”

พูดจบเขาก็รีบถอยหลังกลับไป มองไปที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยความรังเกียจ “เร็วเข้า ยังไม่รีบออกไปอีก ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า”

“ให้ตายเถอะ คนที่มีนิสัยพูดมากแต่ไร้สาระเช่นนี้ เขาจะเป็นผู้นำแห่งพันธมิตรนักฆ่าได้อย่างไร” ราวกับเฟิ่งชิงเฉินได้เห็นถึงความล้มเหลวของพันธมิตรนักฆ่า และคิดว่าเหล่ามือสังหารจะทำตามจั่วอั้น จากนั้นก็เปลี่ยนอาชีพของตนเอง

พันธมิตรนักฆ่าจะล่มสลายหรือไม่ ภายในกี่ชั่วโมงนี้ไม่มีใครอาจรับรู้ได้ แต่สิ่งที่มั่นใจได้ก็คือ ลัทธิปีศาจจะไม่ใช่ลัทธิปีศาจเหมือนที่เคยเป็นอีกต่อไป

เมื่อเซวียนเส้าฉีพาเหล่ายอดฝีมือบุกเข้าไปในดินแดนของลัทธิปีศาจ ในตอนนั้นวาระแห่งการล่มสลายของลัทธิปีศาจก็จะมาถึง......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ