นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1135

อาการบาดเจ็บของเจ๋อเจ๋อนั้นสาหัส ผ่านไปสามวันเต็มก็ยังไม่คืนสติ ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีจนปัญญา จึงบอกเสด็จอาเก้าให้เปลี่ยนเฟิ่งชิงเฉินเข้ามาดูแลแทน

เสด็จอาเก้าเห็นว่าบาดแผลของเจ๋อเจ๋อถูกผ้าพันไว้รอบกาย มันไม่ได้ดูร้ายแรงแม้แต่น้อย จึงตอบตกลง

“คนไข้ไม่อยากฟื้นขึ้นมาเอง” หลังจากวินิจฉัย เฟิ่งชิงเฉินก็กล่าวข้อสรุปออกมา

“คำพูดของเจ้าก็เหมือนไม่ได้พูดอะไรออกมา” ตอนแรกปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีก็คาดหวังว่าจะได้รับความรู้ใหม่ ๆ จากเฟิ่งชิงเฉิน แต่คิดไม่ถึงว่าจะต้องรู้สึกผิดหวัง

“ข้าไม่ได้พูดอะไรผิด เจ๋อเจ๋อไม่ได้บาดเจ็บจากภายใน มันเป็นเพียงบาดแผลภายนอกเท่านั้น ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต เขาไม่อยากฟื้นขึ้นมา เนื่องจากความหวาดกลัวในใจ ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้า” ด้วยเหตุนี้เองทำให้รู้ว่าประสบการณ์ที่เจ๋อเจ๋อได้พบเจอมานั้นมันน่ากลัวเพียงใด น่ากลัวจนเจ๋อเจ๋อไม่กล้าเผชิญหน้า

ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวออกมาด้วยความสนใจ “เสด็จอาเก้า เจ้าทำอะไรลงไปกันแน่ เหตุใดเจ้าสัตว์ประหลาดตัวน้อยผู้นี้ถึงหวาดกลัวจนไม่กล้าตื่นขึ้นมา”

“ไม่โหดเหี้ยมเท่ากับการทดลองยาของเจ้า” เสด็จอาเก้าโต้กลับ

ชีวิตของคนในยุคนี้นั้นไร้ค่า บางคนมีค่าเทียบกับมดไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เฟิ่งชิงเฉินแอบถอยออกมาเงียบ ๆ ปล่อยให้เสด็จอาเก้าและปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีโต้เถียงกันไปอย่างนั้น

เสด็จอาเก้าพูดถูก ต่อให้ทักษะทางการแพทย์ของนางยอดเยี่ยมเพียงใด สุดท้ายมันก็ช่วยไว้ได้เพียงไม่กี่คน หากต้องการช่วยราษฎรในใต้หล้า เช่นนั้นก็ต้องปีนขึ้นไปบนยอดพีระมิด

แม้ว่าในเวลานั้นอาจจะมีด้านมืดอยู่บ้าง แต่ด้วยอำนาจและความแข็งแกร่งที่มากขึ้น สิ่งที่ทำลงไปก็ราบรื่นและดูเป็นธรรมชาติ

เฟิ่งชิงเฉินกลับมายังห้องของตนเอง คิดหาวิธีในการรักษาเจ๋อเจ๋อ

สถานการณ์ของเจ๋อเจ๋อ มันคือการที่ผู้ป่วยไม่อยากมีชีวิตอยู่ และสิ่งที่นางต้องทำตอนนี้ก็คือ การปลุกให้เจ๋อเจ๋อมีแรงจูงใจและพลังในการมีชีวิต

เพื่อสร้างความตั้งใจที่จะมีชีวิตอยู่ของเจ๋อเจ๋อ คงไม่มีอะไรอื่นนอกจากการสื่อสารกับเขา และตั้งแต่นั้นมาเฟิ่งชิงเฉินก็หาเวลาว่างเข้าไปพูดคุยกับเจ๋อเจ๋อทุกวัน

ในห้องมีเพียงแค่นางกับเจ๋อเจ๋ออยู่สองคน เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น นางเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจในยุคปัจจุบันของนางออกมาให้เจ๋อเจ๋อฟัง โดยมุ่งเน้นไปที่สิทธิมนุษยชนของโลกใบนั้น เล่าว่าเด็กในโลกใบนั้นเขามีวิธีการใช้ชีวิตกันอย่างไร

ด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจในการสร้างความหวังในการมีชีวิตรอดของเจ๋อเจ๋อ เฟิ่งชิงเฉินเองก็หวังว่าเจ๋อเจ๋อจะเข้าใจเหตุผลเหล่านี้ เข้าใจกฎเกณฑ์ของโลกใบนี้ เข้าใจว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรถึงเรียกว่าการมีชีวิตอยู่ของเด็กธรรมดาทั่วไป

เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่รู้ว่าเจ๋อเจ๋อได้ยินสิ่งที่นางพูดหรือไม่ แต่อย่างไรในตำหนักหลังนี้ นางก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ทำอยู่แล้ว ดังนั้นนางจึงใช้เวลาสองถึงสามชั่วโมงในทุกวันเพื่อที่จะมาคุยกับเจ๋อเจ๋อเพื่อฆ่าเวลา

ด้วยเหตุนี้ ระยะเวลาได้ผ่านไปอีกห้าวัน ภายใต้การร่วมมือกันรักษาของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีและเฟิ่งชิงเฉิน ชีวิตของเจ๋อเจ๋อพ้นขีดอันตราย แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นขึ้นมา ตามเหตุผลแล้วเจ๋อเจ๋อควรจะนอนพักฟื้นอยู่ที่นี่ต่อไป แต่เสด็จอาเก้าไม่มีเวลามากพอที่จะต้องมาเสียให้กับเขาที่นี่

พวกเขาอยู่ในเมืองเล็ก ๆ อยู่ที่นี่นานกว่าครึ่งเดือน การต่อสู้ระหว่างลัทธิปีศาจกับสำนักที่มีชื่อเสียงกำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ส่วนทางด้านของตงหลิงจื่อลั่วและหนานหลิงจิ่นฝานก็ยกทัพไปยังป่าควันพิษ เพื่อเตรียมที่จะโจมตีซีหลิงเทียนเหล่ย

“ถึงเวลาที่พวกเราจะออกเดินทางแล้ว” ผ่านไปหนึ่งวัน เสด็จอาเก้าก็เอ่ยปากออกมา

ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีโต้เถียงในทันที “ไม่ได้ อาการบาดเจ็บของเจ๋อเจ๋อนั้นไม่ควรจะเคลื่อนย้ายไปไหน” เวลาที่กล้ามเนื้อกำลังฟื้นตัว หากเกิดปัญหาขึ้นมา เช่นนั้นคงลำบากเป็นแน่

“ไม่ได้ก็ต้องได้ ข้าไม่มีเวลามากพอที่ต้องมาอยู่กับเขาที่นี่” เสด็จอาเก้าปฏิเสธออกไปทันที และเน้นย้ำค่ำสั่งอีกครั้ง

ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีโกรธมาก หันไปใช้สายตากับเฟิ่งชิงเฉิน ต้องการให้เฟิ่งชิงเฉินช่วยพูดกับเสด็จอาเก้า แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับเบือนหน้าหนี ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น

แม้ว่านางเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของเจ๋อเจ๋อ แต่นางก็เข้าใจว่าทุกสิ่งที่เสด็จอาเก้าทำลงไปนั้นล้วนมีการวางแผนไว้ล่วงหน้า หากมีการเปลี่ยนแปลงกลางคัน มันก็จะสายเกินไปที่จะกลับมาแก้ไขในภายหลัง

เซวียนเส้าพายอดฝีมือมากมายบุกไปยังลัทธิปีศาจ หากเสด็จอาเก้ายังไม่รีบไป รอให้เซวียนเส้าฉีทำลายล้างลัทธิปีศาจจนสิ้นซาก หรือไม่ก็ปล่อยให้ลัทธิปีศาจหนีไปได้ เช่นนั้นทุกสิ่งที่เสด็จอาเก้าสร้างหรือทำขึ้นมา ทั้งหมดจะสูญเปล่า และชีวิตของคนพวกนั้นเองก็จะสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ