อ่านสรุป บทที่ 1142 คาดเดา, มีความเป็นไปได้สูง จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย
บทที่ บทที่ 1142 คาดเดา, มีความเป็นไปได้สูง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย อาช้าย อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าเสด็จอาเก้าพูดคุยกับชายชราในเรื่องใด แต่หลังจากเรื่องนี้จบลงแล้ว ชายชราผู้นั้นก็ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เข้าใกล้นาง
ใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความอาฆาตของชายชรา เขาพยายามอย่างเต็มที่ในการแสดงรอยยิ้มออกมา แต่มันก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเสียเท่าไหร่นัก น้ำเสียงที่หยาบกระด้างฟังดูนุ่มนวลลง เขายังคงพยายามที่จะเข้าใกล้เฟิ่งชิงเฉิน ทำให้เฟิ่งชิงเฉินตกใจจนแทบกระโดดออกมา
ในฐานะผู้ที่ถูกพันธมิตรนักฆ่าไล่ล่า เมื่อเผชิญหน้ากับหนึ่งในผู้เฒ่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งพันธมิตรนักฆ่า เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกวิตกกังวลมาก แต่จากท่าทางสุภาพเรียบร้อยที่ชายชรามีให้นาง ทำให้หัวใจของนางไร้ซึ่งความกังวล
แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่อยากให้ชายชราอ่านออก พยายามควบคุมตัวเองให้เยือกเย็นมากที่สุด สมองของนางเต็มไปด้วยความสับสน ในระหว่างที่ตอบคำถามของชายชรา นางก็คิดไปด้วยว่าคำถามเหล่านี้ของชายชราหมายความว่าอย่างไร
ชายชราถามออกมามากมาย หลังจากที่พูดจาไร้สาระอยู่นาน เขาก็เริ่มสอบถามเกี่ยวกับเรื่องพ่อของเฟิ่งชิงเฉิน จากคำพูดของเฟิ่งชิงเฉิน นางกล่าวว่าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับพ่อของนางแต่อย่างใด แววตาของชายชราก็แสดงให้เห็นถึงความผิดหวังเล็กน้อย
“เจ้าจำอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ งั้นหรือ? พ่อของเจ้าไม่ได้บอกอะไรกับเจ้าเลยงั้นหรือ?” ใบหน้าของชายชราเต็มไปด้วยความคาดหวัง ทำให้เฟิ่งชิงเฉินลำบากใจที่จะปฏิเสธ
แต่ในความจริงมันก็เป็นเช่นนั้น
“ในตอนที่พ่อของข้าจากไป ข้ายังอายุไม่ถึงห้าขวบด้วยซ้ำ เขาจากไปในสนามรบ ครั้งสุดท้าย แม้แต่ใบหน้าก่อนตายของเขาข้าก็ไม่ได้เห็น” หรือพูดอีกอย่างก็คือ ต่อให้เขาอยากจะบอกอะไรกับนาง เขาก็ไม่มีโอกาสนั้น
“เช่นนั้นพ่อของเจ้าได้ทิ้งอะไรไว้ให้เจ้าบ้างหรือไม่?” ชายชรายังไม่ยอมแพ้ ยิ่งเขาได้พูดคุยกับเฟิ่งชิงเฉิน มันก็ยิ่งทำให้เขามั่นใจ เฟิ่งชิงเฉินจะต้องเป็นผู้ซึ่งมีความสัมพันธ์กับตระกูลนั้นเป็นแน่
แต่อย่างไรก็ตาม เขาเป็นเพียงกิ่งก้านเล็ก ๆ ของตระกูลดังกล่าว ประกอบกับกำลังปฏิบัติงานอยู่ภายนอก ทำให้ไม่อาจตัดสินใจได้
ชายชราแอบตัดสินใจ หลังจากกลับไปแล้ว เขาจะเขียนจดหมายถึงคนที่อยู่ในตระกูลที่ซ่อนเร้น ให้พวกเขาส่งคนมายืนยัน
“จวนของข้าโล่งไปหมด ถึงแม้จะเคยมีอะไรอยู่บ้าง แต่มันก็ถูกผู้อื่นขโมยไปหมดแล้ว” แม้จะไม่ได้ถูกขโมย แต่หลังจากที่พ่อแม่ของนางจากไปในปีนั้น คนรับใช้ในจวนเห็นว่าเจ้านายของพวกเขายังเด็ก ไม่เข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ พร้อมใจกันกลั่นแกล้ง นำของมีค่าในจวนออกไปหมดโดยใช้ระยะเวลาไม่ถึงครึ่งปี
ชายชราถอนหายใจอีกครั้ง “คิดไม่ถึงว่าตอนที่เจ้ายังเด็ก เจ้าจะต้องทุกข์ทรมานถึงเพียงนี้”
ถามมาตั้งนานแต่ก็ยังไม่ได้เนื้อหาที่ต้องการ ประกอบกับความคิดที่มีอยู่ในใจของชายชรา เขาจึงไม่ถามอะไรเฟิ่งชิงเฉินมากไปกว่านั้น เขาเพียงแค่ก้มหน้าและไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก เดินมาข้างกายของเสด็จอาเก้า แอบคิดอยู่ในใจ หรือว่าทางพ่อของนางยังมีญาติพี่น้องหลงเหลืออยู่ และญาติพี่น้องผู้นั้นก็บังเอิญมีความสัมพันธ์กับพันธมิตรนักฆ่า หากเป็นเช่นนั้นจริง......
เช่นนั้นโลกใบนี้ก็คงเล็กเกินไปแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินเอาแต่นึกถึงคำพูดของชายชรา ตอนแรกอยากจะถามเสด็จอาเก้า แต่ในตอนนี้ ชายชราเดินเข้ามาข้างกาย ประกอบกับเฟิ่งชิงเฉินเองก็คิดว่าเสด็จอาเก้าน่าจะไม่รู้เรื่องนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้ถามออกมา
อย่างไรก็ตาม นางไม่เคยคิดมาก่อน ไม่เคยต้องการความช่วยเหลือจากคนทางฝั่งตระกูลของพ่อ จะมีคนพวกนั้นอยู่หรือไม่ เวลานี้สำหรับนางแล้วมันไม่สำคัญ ช่วงอายุของนางในเวลานี้ มันผ่านช่วงเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือจากคนในตระกูลไปนานแล้ว
ทั้งสามคนต่างมีความคิดอยู่ในใจ เดินทางไปด้านหน้าด้วยความเงียบงัน เนื่องจากมีเรื่องให้คิดอยู่ในใจ ความเร็วของชายชราและเสด็จอาเก้าจึงไม่ได้เร็วมากนัก เฟิ่งชิงเฉินจึงสามารถไล่ตามได้ทัน
เดินทางมาหนึ่งวัน ในช่วงเวลาพลบค่ำ ทั้งสามคนเดินผ่านป่าฝั่งนั้นมาแล้ว เดินมาถึงอีกมุมหนึ่งของป่า และเมื่อมาถึงที่นี่ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าคนของหนานหลิงจิ่นฝานจะไล่มาทัน
“คืนนี้พักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปรวมตัวกับพวกของโต้วโต้ว”
ชายชราและเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้คัดค้านการจัดการของเสด็จอาเก้าแต่อย่างใด
ตามเหตุผล เวลานี้ชายชราควรจะแยกตัวไปได้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าชายชรากำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้ตามมาตลอดทาง เฟิ่งชิงเฉินและเสด็จอาเก้าก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เนื่องจากพวกเขาทั้งสองได้รับการช่วยเหลือจากอีกฝ่าย ไม่สามารถทอดทิ้งอีกฝ่ายเมื่อหมดประโยชน์ได้
ในคืนนั้น เฟิ่งชิงเฉินนอนลงบนเตียงไม้ นึกถึงคำพูดเมื่อตอนกลางวันของชายชรา ความสับสนในหัวใจเพิ่มมากขึ้น เห็นว่าเสด็จอาเก้ายังไม่นอน นางพลิกตัวและทับอยู่บนร่างของเสด็จอาเก้า
“ชีวิตของเจ้าก็เรียกได้ว่าเป็นตำนานอยู่แล้ว จะมีพ่อซึ่งมีภูมิหลังไม่ธรรมดาขึ้นมาอีกคนก็ไม่เห็นจะน่าตกใจตรงไหน บางทีพ่อของเจ้าอาจจะมีความสัมพันธ์กับพันธมิตรนักฆ่าจริง ๆ ก็ได้” เมื่อนึกถึงการคาดเดาในช่วงเช้าของตนเอง เขาก็ได้คำตอบในใจตั้งนานแล้ว เมื่อกลับไปเขาจะส่งคนไปตรวจสอบพันธมิตรนักฆ่าว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นเป็นใครกันแน่
“เป็นไปไม่ได้” เฟิ่งชิงเฉินไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย “หากพ่อของข้ามีความสัมพันธ์กับพันธมิตรนักฆ่าจริง เช่นนั้นพ่อของข้าคงไม่ต้องจากไปอย่างอนาถ”
เมื่อนึกถึงศพที่แหลกละเอียดของพ่อ หัวใจของเฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยความปวดร้าว ดวงตาของนางเป็นสีแดงโดยไม่รู้ตัว
“เอาล่ะ เอาล่ะ ไม่พูดแล้ว อย่าได้เสียใจ นี่เป็นเพียงการคาดเดาของข้า ก็ใช่ว่าจะเป็นจริงเสมอไป หากเจ้าต้องการทำให้เรื่องนี้แน่ชัด กลับไปพวกเราจะทำการสืบหาไปพร้อมกัน” เสด็จอาเก้าเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินร้องไห้ออกมาทันทีที่พูด เขาจึงรีบปลอบใจเฟิ่งชิงเฉิน แต่ในใจของเขารู้เป็นอย่างดีว่าการคาดเดาครั้งนี้ของเฟิ่งชิงเฉินมีความเป็นไปได้มาก
การเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด คำกล่าวนี้เป็นจริงโดยไม่ต้องสงสัย
คนนอกอาจจะไม่รู้ แต่เสด็จอาเก้านั้นรู้ดี สำนักมากมายที่มีอักษร เสวียน ในยุทธจักร ที่จริงพวกเขาล้วนมีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์หลานในอดีต มีความเกี่ยวข้องกันอย่างต่อเนื่อง แต่ความสัมพันธ์เหล่านั้นถูกซ่อนไว้ลึกเกินไป ทำให้คนส่วนมากไม่อาจรับรู้
ไม่เช่นนั้นปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีคงไม่มีทางทำตามคำสั่งของเขา ไม่ทำในสิ่งที่เขาต้องการ และแน่นอนว่าการที่ไม่ไปหาเผ่าเสวียนเซียวกงและสำนักที่มีอักษร เสวียน อื่น ๆ นั้นไม่ใช่เพราะเสด็จอาเก้าไม่อาจพิสูจน์ตัวตนของตนเองได้ แต่เป็นเพราะ......
คนเราเปลี่ยนแปลงกันได้ นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว เหล่าสำนักที่มีอักษร เสวียน ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของสกุลหลานอีกต่อไป หลังจากราชวงศ์หลานสูญสิ้น เหล่าสำนักที่มีอักษร เสวียนก็ลืมหน้าที่และความรับผิดชอบของตนเอง แต่ละสำนักต่างขีดเส้นแบ่งกับสกุลหลานไว้อย่างชัดเจน มีเพียงปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเท่านั้นที่ยังจำได้ว่าสำนักของตนเองเกิดขึ้นมาได้อย่างไร และไม่ลืมว่าตนเองเป็นคนของใคร
ตระกูลหลานสามารถสนับสนุนสำนักอักษรเสวียนอย่างลับ ๆ ได้ แน่นอนว่าเฟิ่งหลีเองก็สามารถสร้างสำนักของมือสังหารขึ้นมาได้
หากต้องการเลี้ยงดูยอดฝีมือในยุทธจักร เช่นนั้นมันก็จำเป็นต้องใช้งบประมาณและทรัพยากรตัวบุคคลจำนวนมาก หากไม่มีตระกูลที่ร่ำรวยคอยสนับสนุน ปล่อยให้สำนักในยุทธจักรเหล่านั้นก่อร่างสร้างตัวด้วยตัวเองตั้งแต่ตอนแรก เช่นนั้นก็ไม่อาจสร้างเหล่ายอดฝีมือขึ้นมาได้
อีกอย่าง สถานที่ซึ่งเรียกกันว่ายุทธจักรนั้นวุ่นวาย ราชสำนักไม่อาจผ่อนคลายความยับยั้งชั่งใจที่มีต่อพวกเขาได้ มันยากที่จะดำเนินการอย่างโจ่งแจ้ง จึงทำได้เพียงสนับสนุนอย่างลับ ๆ และสิ่งที่เรียกว่ายุทธจักรก็ยังคงถูกควบคุมได้ราชสำนัก......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...