นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1144

สรุปบท บทที่ 1144 ซุ่มโจมตี, จะต้องชดใช้ในไม่ช้าก็เร็ว: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอน บทที่ 1144 ซุ่มโจมตี, จะต้องชดใช้ในไม่ช้าก็เร็ว จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1144 ซุ่มโจมตี, จะต้องชดใช้ในไม่ช้าก็เร็ว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่เขียนโดย อาช้าย เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

หวังชีคิดไม่ถึงว่า พี่ชายที่อ่อนโยนมาโดยตลอดของเขาจะมีลมหายใจที่รุนแรงและเยือกเย็นเช่นนี้ แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่หวังจิ่นหลิงจัดการกับตระกูลหวังครั้งที่ผ่านมา เขาก็สามารถเข้าใจมันได้

หากไร้ซึ่งความสามารถ หมกมุ่นอยู่กับความเมตตา เช่นนั้นจะทำให้ตำแหน่งผู้นำตระกูลหวังมั่นคงได้อย่างไร หนานหลิงจิ่นฝานคิดจะข่มขู่พี่ใหญ่ของเขา ฝันไปเถอะ!

ตราบใดที่หวังจิ่นหลิงยังเป็นผู้นำตระกูลหวัง หนานหลิงจิ่นฝานก็ไม่มีทางกล้าแตะต้องเฟิ่งชิงเฉิน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกหวังจิ่นหลิงตรวจสอบว่าหักหลังหนานหลิงจิ่นสิง หรือคนอื่น ๆ

ภายใต้สถานการณ์บางอย่าง หวังจิ่นหลิงมีอำนาจในการกำหนดบัลลังก์ของจักรพรรดิแห่งหนานหลิงว่าจะให้ใครขึ้นมานั่งบนนั้น

แน่นอน นี่หมายความว่าหวังจิ่นหลิงไม่จำเป็นต้องแสดงออกหรือทำสิ่งใดทั้งนั้น สุดท้ายเฟิ่งชิงเฉินก็อยู่ในมือของหนานหลิงจิ่นฝาน ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ก่อนอื่นก็ต้องเอาตัวนางกลับมาก่อน

หวังจิ่นหลิงนั่งลงบนเก้าอี้และครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในตอนที่หวังชีคิดว่าหวังจิ่นหลิงจะนั่งอยู่อย่างนั้นอีกพักใหญ่ หวังจิ่นหลิงก็ลุกขึ้นยืน “จิ่นหาน ข้าขอฝากตระกูลหวังไว้กับเจ้าก่อน ข้าจะเดินทางไปยังหนานหลิง”

“อะไรนะ? พี่ใหญ่ ท่านจะไปหนานหลิงตอนนี้เลยงั้นหรือ?” หวังชีรีบลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าที่ไม่เห็นด้วยในทันที

แม้ว่าคนอื่น ๆ ในตระกูลหวังจะถูกทุบตีและตกอยู่ในสภาวะหวาดกลัว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในหัวใจของพวกเขาจะไม่มีความขัดแย้ง หวังจิ่นหลิงไม่อยู่ ไม่แน่ว่าความคิดในใจของคนพวกนั้นอาจมีอำนาจเหนือกว่าและทำให้พวกเขาก่อกบฏขึ้นมาอีกครั้ง

และอีกอย่าง จักรพรรดิแห่งตงหลิงก็ไม่มีทางยอมให้ตระกูลหวังของพวกเขาอยู่ใกล้กับหนานหลิงมากเกินไป เรื่องจากพวกเขาเคยเป็นพวกเดียวกันมาก่อน

“เฟิ่งชิงเฉินอยู่ในมือของหนานหลิงจิ่นฝาน แม้ว่าชีวิตของนางจะไม่เป็นอันตราย แต่ข้าไม่ไว้ใจหนานหลิงจิ่นฝาน ข้าจะต้องไปช่วยเฟิ่งชิงเฉินกลับมาด้วยตัวเอง ต่อให้เฟิ่งชิงเฉินสามารถหนีออกมาด้วยตัวเองได้ แต่ข้าก็ต้องไปกำจัดปัญหาที่เกิดขึ้นจากหนานหลิงจิ่นฝานเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ราชวงศ์หนานหลิงเอาชีวิตของเฟิ่งชิงเฉินมาข่มขู่ข้า” การเดินทางไปยังหนานหลิงเพื่อจัดการเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด หากไม่สร้างแรงกดดันให้กับหนานหลิงจิ่นฝาน ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าหนานหลิงจิ่นฝานจะไม่จับเฟิ่งชิงเฉินมาเป็นตัวประกันหรือสร้างปัญหาให้กับเฟิ่งชิงเฉินอีก

เขาไม่ต้องการให้เฟิ่งชิงเฉินถูกหนานหลิงจิ่นฝานจับตัวไปบ่อย ๆ และไม่อยากให้ใครจับเฟิ่งชิงเฉินมาข่มขู่เขาอีก

หวังชีครุ่นคิด เขารู้ว่านอกจากวิธีนี้แล้ว วิธีอื่นก็ทำได้เพียงแก้ปัญหาได้ชั่วคราว แม้จะไม่เต็มใจ แต่ก็ทำได้เพียงเห็นด้วย

“เช่นนั้นจะอธิบายให้กับจักรพรรดิฟังอย่างไร?” หวังชีกังวลว่าเรื่องนี้อาจจะทำให้จักรพรรดิไม่พอใจ

แม้ว่าสิ่งที่ตระกูลหวังทำลงไปจะไม่ชัดเจน แต่จักรพรรดิก็สามารถรับรู้ได้ ตระกูลหวังของพวกเขาอยู่ข้างเดียวกับเสด็จอาเก้า เวลานี้พี่ใหญ่เดินทางไปยังหนานหลิง มันยากที่จะห้ามไม่ให้จักรพรรดิคิดมาก

“นี่มันเรื่องในตระกูลหวังของข้า จำเป็นต้องอธิบายให้เขาฟังด้วยงั้นหรือ? ในตอนที่ตระกูลหวังของข้าสร้างรากฐานขึ้นมาในแผ่นดินจิ่วโจวอันยิ่งใหญ่ เวลานั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าราชวงศ์ตงหลิงไปอยู่ที่ใด” หวังจิ่นหลิงทิ้งประโยคนี้ไว้และจากไป ทิ้งหวังจิ่นหานไว้เพียงลำพัง เขาไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดี

“ที่แท้ท่านพี่เองก็พูดประโยคแทงใจเช่นนี้เป็นเหมือนกัน”

ครั้งนี้หวังจิ่นหลิงไม่สนใจคำขู่ของหนานหลิงจิ่นฝาน และเดินทางไปยังหนานหลิงโดยตรง เตรียมตัวที่จะไปเจรจากับราชวงศ์หนานหลิง ในเวลานั้นเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินเองก็เดินทางมาถึงจุดนัดพบ เพียงแต่พวกเขายังไม่เห็นหน้าของพวกโต้วโต้ว

“รอมาเนิ่นนานแต่พวกเขาก็ยังไม่มา พวกเราออกไปตามหากันเถอะ” เฟิ่งชิงเฉินมองไปรอบ ๆ เขามั่นใจว่าที่นี่ไม่มีร่องรอยของพวกโต้วโต้ว

“ได้ ก่อนอื่นไปโรงน้ำชาด้านหน้าเพื่อพักผ่อนเสียก่อน” ยืนอยู่บนถนนใหญ่ มันดูค่อนข้างสะดุดตา

ทั้งสามคนเข้าไปในโรงน้ำชา หลังจากรออยู่พักใหญ่ พวกของโต้วโต้วก็ยังคงไม่ปรากฏตัว เสด็จอาเก้าทนรอไม่ไหวอีกต่อไป จึงเตรียมตัวที่จะออกไปตามหาพวกเขา

“รออีกหน่อยดีไหม บางทีพวกเขาอาจจะใกล้มาถึงแล้ว โอวหยางเขาไม่รู้เส้นทาง ไม่แน่ว่าอาจจะหลงทาง พวกเรารออีกหน่อย ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะใกล้มาถึงแล้ว” ความคิดของชายชราก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเสด็จอาเก้า รอมาเนิ่นนานแต่อีกฝ่ายก็ยังไม่มี เขาอยากจะออกไปตามหาแทบแย่ แต่สุดท้ายก็ยังเลือกที่จะรอต่อไป

“รอต่อไปไม่ได้แล้ว ระหว่างทางมีสายลับของข้าอยู่ เขาไม่จำเป็นต้องรู้เส้นทาง” ตราบใดที่เรื่องนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเฟิ่งชิงเฉิน เสด็จอาเก้าก็ไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย

“ไปตามหานอกเมืองก็ดีเหมือนกัน การที่พวกเรามาอยู่ที่นี่อย่างกะทันหันมันดึงดูดและสร้างความสงสัยให้กับผู้อื่นมากเกินไป” ที่นี่ยังเป็นดินแดนของหนานหลิง เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นที่นี่

“หากเจ้าและศิษย์ของเจ้าสองคนอยู่ในพันธมิตรนักฆ่า ศาลาโลหิตสีชาดก็คงไม่กล้าทำอะไรกับพวกเจ้า แต่เวลานี้พวกเจ้าออกมาด้านนอก อยู่เพียงลำพัง แน่นอนว่าศาลาโลหิตสีชาดของพวกข้าไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะปลิดชีวิตของพวกเจ้า และมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร” แม้ว่าผู้นำของศาลาโลหิตสีชาดจะต่อสู้กับชายชราอยู่ แต่สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่โต้วโต้วอยู่ตลอดเวลา หาโอกาสที่จะลงมือ

“มีหญิงและชายคู่หนึ่งกำลังใกล้เข้ามา” ในตอนที่การต่อสู้กำลังดำเนินไปอย่างดุเดือด ไม่มีใครสังเกตเห็นเฟิ่งชิงเฉินและเสด็จอาเก้า ในความเป็นจริง เมื่อทั้งสองคนเข้ามาในระยะประชิด คนของศาลาโลหิตสีชาดถึงเพิ่งจะรับรู้ถึงการมีตัวตนของพวกเขา

โต้วโต้วและสายลับเองก็เห็น ดวงตาของพวกเขาเป็นประกาย มีแรงฮึดสู้ขึ้นมาทันที

พวกเขารู้ เมื่อเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินมาถึง พวกเขาก็จะปลอดภัย เนื่องจากพวกเขารู้ว่าเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินสุดยอดแค่ไหน

“เจ้าระวังตัวด้วย” ห่างจากกลุ่มคนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ประมาณห้าสิบเมตร เฟิ่งชิงเฉินไม่เข้าไปใกล้กว่านั้น เสด็จอาเก้ากำชับออกมาพร้อมกับชักดาบพุ่งเข้าไปร่วมการต่อสู้

วรยุทธ์ของเสด็จอาเก้านั้นเหนือกว่าโต้วโต้วมาก ถึงขั้นเทียบเคียงกับชายชราได้ เมื่อเสด็จอาเก้าเข้าร่วมการต่อสู้ ผลการต่อสู้ครั้งนี้ก็เปลี่ยนไป คนของศาลาโลหิตสีชาดไม่ผ่อนคลายเหมือนที่ผ่านมา

“วรยุทธ์ของเจ้าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา ทุกคนระวังตัวด้วย” ผู้นำของศาลาโลหิตสีชาดพบกระดูกที่เคี้ยวยาก หัวใจของเขาเริ่มรู้สึกกังวล

พวกเขาไล่ล่ามาตลอดทางแต่กลับไม่สามารถเอาชีวิตของโต้วโต้วได้ เวลานี้ยังต้องมาเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่ง การเดินทางครั้งนี้ช่างไม่คุ้มค่า

“เด็ก? นานมากแล้วที่ไม่มีใครกล้าเรียกข้าด้วยคำเรียกเช่นนี้” เสด็จอาเก้ายิ้มออกมาอย่างดูถูก สายตาของเขาเย็นชาจนน่าหวาดกลัว

คนของศาลาโลหิตสีชาดผงะ เมื่อได้ยินคำเรียกที่เสด็จอาเก้าใช้เรียกตัวเอง เขาก็รีบถามออกมาว่า “เจ้าเป็นใครกันแน่?”

พวกเขาไม่ต้องการเข้าไปรุกรานคนของราชวงศ์ เนื่องจากไม่อยากเป็นศัตรูกับราชสำนักและกองทัพ......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ