นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1188

สรุปบท บทที่ 1188 ถอย, อยากเป็นราชาจอมทัพ: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สรุปตอน บทที่ 1188 ถอย, อยากเป็นราชาจอมทัพ – จากเรื่อง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

ตอน บทที่ 1188 ถอย, อยากเป็นราชาจอมทัพ ของนิยายInternetเรื่องดัง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดยนักเขียน อาช้าย เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ซีหลิงเทียนเหล่ยให้คำมั่นสัญญากับกองทัพซีหลิง เขาบอกว่าขอแค่ชนะ พวกเขาก็สามารถกลับไปยังซีหลิงได้ ใช้มันเพื่อกระตุ้นแม่ทัพแห่งซีหลิง แต่ตงหลิงจื่อลั่วและหนานหลิงจิ่นฝานเองก็ใช้มันเช่นกัน

เมื่อเทียบกับซีหลิงเทียนเหล่ย ทางด้านของตงหลิงจื่อลั่วและหนานหลิงจิ่นฝานนั้นมีความเป็นไปได้มากกว่า คำมั่นสัญญาของพวกเขา ขอแค่เอาชนะการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขาก็จะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง และรับประกันว่าชีวิตนี้จะไม่ขาดแคลนคุณทรัพย์และมีชีวิตที่ยากลำบากอีกต่อไป

คุณชายผู้สูงศักดิ์สองคน เอ่ยคำมั่นสัญญาอันยิ่งใหญ่ออกมา ไม่มีทหารนายใดเกิดความสงสัย ด้วยเหตุนี้ เมื่อทั้งสองฝ่ายยื่นข้อเสนอเดียวกันออกมา เห็นได้ชัดว่าเหล่าทหารจะหันไปเชื่อใจใครมากกว่ากัน

การต่อสู้ในครั้งแรก ซีหลิงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ หลังจากนั้นตงหลิงจื่อลั่วและหนานหลิงจิ่นฝานก็พยายามบุกเข้ามา แต่พวกเขาก็ร้อนรน มีความต้องการที่จะตีฝ่าวงล้อมออกไป ไม่คิดถอยแม้แต่ก้าวเดียว

ด้วยเหตุนี้ เวลาผ่านไปสองวัน ทำให้สูญเสียทหารไปมากกว่าสองแสนนาย และในจำนวนสองแสนนายนั้นมีทหารของซีหลิงอยู่ถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นนาย

เมื่อนึกถึงการต่อสู้สองวันที่ผ่านมา มันทำให้ซีหลิงเทียนเหล่ยรู้สึกได้ถึงความสูญเสีย

“อู๋หยาน หลังจากนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี?” สถานการณ์เลวร้ายดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาจำเป็นต้องตัดสินใจ

“ฝ่าบาท ได้โปรดรักษาเนินเขาอันเขียวขจีไว้ อย่าไปกลัวเปลวไฟอันร้อนแรง ขอแค่ฝ่าบาทมีชีวิตอยู่ต่อไป พวกเราก็สามารถฟื้นคืนกลับมาได้อีกครั้ง ส่วนตัวข้าจะติดตามฝ่าบาทไปจนชีวิตจะหาไหม้” ไป๋หลี่อู๋หยานคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่แทบเท้าของซีหลิงเทียนเหล่ยพร้อมกับกล่าวแนะนำออกมา

จะสู้จนตัวตายหรือว่าจะถอย นั่นเป็นสิ่งที่เขาสามารถตัดสินใจได้อย่างนั้นหรือ?

ซีหลิงเทียนเหล่ยจ้องมองไปด้านหน้าด้วยแววตาอันว่างเปล่า เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว......

เวลาค่อย ๆ ผ่านไป ไม่มีคำสั่งของซีหลิงเทียนเหล่ย ไป๋หลี่อู๋หยานก็ไม่ลุกขึ้นมา คุกเข่าอยู่ตรงนั้นด้วยความเงียบงัน

สุดท้ายซีหลิงเทียนเหล่ยก็พูดขึ้นมาว่า “อู๋หยาน ให้เจียเหว่ยนำทหารจำนวนห้าหมื่นนายไปโจมตีแนวป้องกันของตงหลิง จ้าวเหม่ยพากองกำลังหนึ่งแสนนายไปบุกแนวป้องกันของหนานหลิง”

ซีหลิงเทียนเหล่ยมอบหมายหน้าที่ให้กับแม่ทัพอีกสองคน แต่ไม่ได้เอ่ยถึงไป๋หลี่อู๋หยานแต่อย่างใด และสิ่งที่เขาสั่งออกมามันได้บ่งบอกถึงการตัดสินใจของเขาอย่างชัดเจน

ไป๋หลี่อู๋หยานพยักหน้า และออกไปปฏิบัติตามคำสั่งทันที

ในยามดึก โต้วโต้วตื่นขึ้นมา แม้ว่าจะมีสภาพร่างกายจะอ่อนแอ สามารถออกเดินทางได้แล้ว และในขณะเดียวกัน แม่ทัพทั้งสองคนของซีหลิงเทียนเหล่ยก็นำทัพออกไปตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด

ตงหลิงและหนานหลิงได้ทำการเตรียมตัวไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ พร้อมที่จะตอบโต้ในทันที ใช้อาวุธต่าง ๆ ในการขูดเลือดขูดเนื้อทหารของซีหลิง สงครามครั้งนี้ดำเนินไปจนถึงเช้ามืด ทหารของซีหลิงเสียชีวิตจนไม่อาจนับได้ เมื่อทหารม้าของซีหลิงกลับมา พวกเขาก็พบว่า......

“ฝ่าบาทอยู่ที่ไหน?”

“ฝ่าบาทไปไหนแล้ว”

“แย่แล้ว เกิดเรื่องขึ้นกับฝ่าบาทแล้ว”

ไม่มีซีหลิงเทียนเหล่ยคอยนำทาง ทหารของซีหลิงกระวนกระวายใจ ตามหาร่องรอยของซีหลิงเทียนเหล่ยอย่างบ้าคลั่ง

ไม่รู้ว่าใครพูดขึ้นมาว่า “ข้าเห็นฝ่าบาทกับแม่ทัพไป๋หลี่อู๋หยานหนีเข้าไปในป่าแล้ว” เวลานั้นเหล่าผู้คนที่กำลังตามหาซีหลิงเทียนเหล่ยอยู่หยุดการเคลื่อนไหว

“พูดจาเหลวไหล ฝ่าบาทจะทิ้งพวกเราและทำเช่นนั้นได้อย่างไร”

“เป็นไปไม่ได้ ฝ่าบาทไม่มีทางทอดทิ้งพวกเรา”

ตอนแรกก็ไม่มีใครกล้าเชื่อ หรือพูดอีกอย่างก็คือ พวกเขาไม่อาจทำใจยอมรับความจริงที่ตนเองถูกทอดทิ้งได้ แต่ละคนต่างร้องตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด

จนกระทั่งพบเห็นร่องรอยของคนที่กำลังตามหา ทุกคนก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

“ฝ่าบาททอดทิ้งพวกเราไปแล้ว”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ฝ่าบาทหนีไปคนเดียว และทิ้งให้พวกเราตายอยู่ที่นี่”

“ฝ่าบาทหนีไปแล้ว พวกเรายังจะสู้ไปเพื่ออะไร ยอมจำนนเสียเถิด ยอมจำนนกันเถอะ”

“ฝ่าบาทบ้าบออะไร ที่แท้ก็แค่องค์รัชทายาทเลวทราม หลังจากนี้ไม่จำเป็นต้องไปเรียกเขาว่าฝ่าบาทอีกต่อไป พวกเราต่อสู้เพื่อให้เขามีชีวิตรอด สุดท้ายเขากลับทอดทิ้งพวกเรา ข้าแหละโกรธจนอยากจะสังหารเขาด้วยมือของข้าเอง”

“ใกล้แล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ซีหลิงเทียนเหล่ยสามารถอดทนได้นานถึงเพียงนี้” นี่ไม่ใช่เพราะเฟิ่งชิงเฉินรู้จักนิสัยของซีหลิงเทียนเหล่ย แต่มันเป็นเพราะนางเชื่อใจในคำพูดของเสด็จอาเก้า

เสด็จอาเก้าบอกว่าซีหลิงเทียนเหล่ยจะต้องพ่ายแพ้ และจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน เช่นนั้นเขาก็จะต้องกลับมา

“แต่พวกเราก็อยู่ที่นี่มาตั้งห้าวันแล้ว” โต้วโต้วยักไหล่ขึ้นมา ท่าทางของเขาเหมือนกับสุนัขตัวใหญ่

“ไม่ต้องรีบ มันใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว” เสด็จอาเก้ามองไปด้านหน้า พูดออกมาราวกับทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคิดเอาไว้

คนขี้ขลาดอย่างซีหลิงเทียนเหล่ย เขาไม่มีทางยอมตายเป็นแน่ สามารถอดทนมาได้นานถึงเพียงนี้ เป็นเขาเองที่ดูถูกซีหลิงเทียนเหล่ย

ที่เสด็จอาเก้ามั่นใจถึงเพียงนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะในกองทัพของตงหลิงและหนานหลิงมีคนของเขาอยู่ และตำแหน่งของคนพวกนั้นก็ไม่ธรรมดา

รองแม่ทัพที่ตงหลิงจื่อลั่วเห็นว่าเป็นคนสนิทก็เป็นคนของเสด็จอาเก้า รวมถึงคนที่กองทัพหนานหลิงไว้วางใจและแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมก็เป็นคนของเสด็จอาเก้า การที่ขับไล่ซีหลิงเทียนเหล่ยเข้ามาในป่าควันพิษมันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย

ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะเข้าข้างเสด็จอาเก้า หลังจากที่คำพูดของเสด็จอาเก้าจบลงได้ไม่นาน ทิศทางด้านหน้าของเขาก็มีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น แต่มันไกลเกินไปจนมองไม่ชัด และในตอนที่ทั้งสามคนมองเห็นอย่างชัดเจน คนพวกนั้นก็กำลังเดินเข้ามา

“เป็นอย่างที่เจ้าว่าจริง ๆ พวกเขามากันแล้ว” ดวงตาของโต้วโต้วเบิกกว้าง จ้องมองไปยังเสด็จอาเก้าด้วยความตื่นเต้นและเร่าร้อน ฉวยโอกาสตอนที่ร่างเงาเหล่านั้นยังไม่เดินเข้ามาใกล้ โต้วโต้วพยายามกัดฟันและพูดกับเสด็จอาเก้าด้วยใบหน้าประจบประแจง “เสด็จอาเก้า ได้โปรดดูดวงให้ข้า ดูว่าข้าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหน มีภรรยาได้กี่คน และจะได้เป็นราชาจอมทัพหรือไม่?”

“เจ้าอยากเป็นราชาจอมทัพ?” คำพูดก่อนหน้านี้เสด็จอาเก้าคิดว่ามันไม่มีอะไร แต่คำพูดประโยคหลังกลับทำให้ราชาจอมทัพรู้สึกประหลาดใจ

มือสังหารผู้หนึ่งอยากเป็นราชาจอมทัพ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับมือสังหารยังไม่รู้จัก นี่มันช่าง......

โต้วโต้วพยักหน้าอย่างตั้งใจ มองมาที่เสด็จอาเก้าด้วยใบหน้าแห่งความคาดหวัง หวังว่าเสด็จอาเก้าจะตอบตกลง

เนื่องจากคำพูดของเสด็จอาเก้านั้นช่างชัดเจนและแม่นยำ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ