นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1203

สรุปบท บทที่ 1203 ความต่าง, ต้นกำเนิดเป็นตัวกำหนดแนวทางชีวิต: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สรุปตอน บทที่ 1203 ความต่าง, ต้นกำเนิดเป็นตัวกำหนดแนวทางชีวิต – จากเรื่อง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

ตอน บทที่ 1203 ความต่าง, ต้นกำเนิดเป็นตัวกำหนดแนวทางชีวิต ของนิยายInternetเรื่องดัง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดยนักเขียน อาช้าย เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ความคิดของหวังจิ่นหลิง ไม่รับรู้เลยแม้แต่น้อย ไม่ใช่เพราะว่าเฟิ่งชิงเฉินโง่เง่าเกินไป แต่เป็นเพราะหวังจิ่นหลิงเก็บซ่อนมันไว้ได้อย่างไร้ที่ติ

ไม่รอให้เฟิ่งชิงเฉินเดินออกมา หวังจิ่นหลิงรีบก้าวเข้าไปด้านใน เห็นเม็ดเหงื่อบนศีรษะของเฟิ่งชิงเฉิน หวังจิ่นหลิงพยายามควบคุมตัวเองอย่างเต็มที่ คิดจะเข้าไปเช็ดเหงื่อให้เฟิ่งชิงเฉิน แต่เขาก็แค่นำผ้าเช็ดหน้าออกมายื่นให้กับเฟิ่งชิงเฉิน “สภาพเจ้า ร้อนจนเหงื่อไหลลงมาหมดแล้วไม่ใช่หรือไง? ในจวนของเจ้าไม่มีน้ำแข็งหรืออย่างไร?”

“มี แต่ข้าไม่ชอบใช้มัน มันหนาวเกินไป” เฟิ่งชิงเฉินรับผ้าเช็ดหน้ามาโดยธรรมชาติ จากนั้นก็เช็ดหน้าผากของตนเองสองสามครั้ง “แสงแดดด้านนอกแรงมาก เข้าไปคุยกันด้านในเถิด”

“เจ้ารู้ว่าแดดแรงแล้วยังจะออกมา ไม่กลัวแดดเผาหรืออย่างไร” เห็นใบหน้าที่กลายเป็นสีแดงของเฟิ่งชิงเฉิน หวังจิ่นหลิงก็พูดเสริมขึ้นมาในใจ: เห็นชิงเฉินมีร่างกายแข็งแกร่ง งดงามราวกับกุหลาบสีแดง ข้าเองก็รู้สึกสบายใจ

“ข้าไม่ได้บอบบางถึงเพียงนั้น” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวออกมาอย่างไม่ยอมแพ้

หวังจิ่นหลิงเองก็ไม่พูดอะไรมาก เขาเดินเคียงข้างไปพร้อมกับเฟิ่งชิงเฉิน ทั้งสองก้าวด้วยความเร็วเท่ากัน จุดที่พวกเขาเดินผ่านช่างสะดุดตา แสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาบนร่างกายของพวกเขาราวกับแสงแห่งสวรรค์อันอบอุ่น

คนรับใช้ในจวนยืนผงะอยู่ตรงที่เดิม ดวงตาของพวกเขาเปล่งประกาย: คุณชายใหญ่กับคุณหนูเหมาะสมกันยิ่งนัก เมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกันมันก็เหมือนกับกิ่งทองใบหยก

คนหนึ่งอ่อนโยนและสง่างาม อีกคนสดใสและสูงส่ง ไม่ว่ามองอย่างไรก็เหมือนคู่รักที่ยั่งยืน

เสียงระฆังดังขึ้นมาในใจของสายลับ พวกเขาอยากจะพุ่งไปด้านหน้า แทรกกลางระหว่างสองคน แบ่งแยกพวกเขาออกจากกัน

แม่นางเฟิ่งคือผู้หญิงของท่านอ๋องของพวกเขา ต่อให้คุณชายใหญ่เหมาะสมกับแม่นางเฟิ่งมากแค่ไหนมันก็ไร้ประโยชน์!

มีถาดน้ำแข็งหลายถาดวางไว้ในห้องรับรอง เมื่อเข้ามาก็รู้สึกได้ถึงความเย็นสบาย หลังจากคนรับใช้ที่เข้าใจถึงสถานการณ์นำน้ำชาเข้ามาให้ พวกเขาก็จากไปแต่โดยดี ไม่กล้ารบกวนเวลาส่วนตัวของทั้งสองคน

หวังจิ่นหลิงหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมา ดื่มไปครึ่งหนึ่ง จากนั้นกล่าวออกมาว่า “ข้าอยากมาหาเจ้ามาโดยตลอด แต่ข้าก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องทางโลก ในที่สุดวันนี้ก็มีเวลาว่างมาพบเจ้า”

เฟิ่งชิงเฉินรู้อยู่แล้วว่าหวังจิ่นหลิงยุ่งอยู่กับเรื่องอะไร นางแค่แสร้งทำเป็นไม่รู้ ยิ้มและตอบกลับไปว่า “ยากที่จะจินตนาการได้ว่าคนอยากคุณชายใหญ่จะยุ่งอยู่กับเรื่องทางโลก ข้าคิดว่าคุณชายใหญ่ดื่มน้ำอมฤต กินผลไม้อมตะ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนกล้าเอาเรื่องทางโลกมาให้คุณชายใหญ่ต้องปวดหัว”

คำพูดนี้เป็นเพียงเรื่องตลก หวังจิ่นหลิงไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดี เขาเพียงบอกว่าเฟิ่งชิงเฉินมีนิสัยเหมือนเด็กเท่านั้น จากนั้นเขาก็พูดออกมาอีกว่า “หลังจากนี้อย่าเรียกข้าว่าคุณชายใหญ่ มันทำให้ข้ารู้สึกเหมือนกับเป็นคนแปลกหน้า”

หวังจิ่นหลิงไม่ได้เห็นเฟิ่งชิงเฉินที่มีนิสัยเหมือนเด็กเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว และครั้งนี้มันก็ทำให้เขามั่นใจ เก็บความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในใจของเขา เรื่องจากเขากับเฟิ่งชิงเฉินเป็นได้เพียงเพื่อนกันเท่านั้น

หวังจิ่นหลิงเก็บความรักที่เขามีต่อเฟิ่งชิงเฉินไว้ในส่วนลึกของหัวใจ เหมือนกับตอนที่ได้เจอกันครั้งแรก เขาพูดคุยกับเฟิ่งชิงเฉินในหลาย ๆ เรื่อง แม้ว่าบางครั้งจะดูใกล้ชิดเกินไป แต่เขาก็ยังพูดออกมาอย่างเปิดกว้างและตรงไปตรงมาโดยไม่เขินอายแต่อย่างใด

ด้วยเหตุนี้ ไม่เพียงเฟิ่งชิงเฉินเท่านั้น แต่หวังจิ่นหลิงเองก็รู้สึกว่านี้คือเส้นทางความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดระหว่างเขากับเฟิ่งชิงเฉิน พวกเขาทั้งสองสามารถพูดคุยในสิ่งที่ตนเองต้องการออกมาได้โดยไม่จำเป็นต้องมีการยับยั้งช่างใจ ไม่เก็บซ่อนตัวเองอีกต่อไป เปิดเผยทุกอย่างที่ตนเองเป็น

หลังจากหวังจิ่นหลิงและเฟิ่งชิงเฉินพูดคุยกันมาสักพัก พวกเขาก็พูดถึงเรื่องที่เฟิ่งชิงเฉินชอบทานองุ่น บอกเฟิ่งชิงเฉินว่าไม่จำเป็นต้องหาองุ่นด้วยตัวเอง เนื่องจากเขามีไร่องุ่นอยู่ เวลานี้ได้นำมันเข้ามาในเมืองแล้ว อีกไม่เกินสองวันก็จะถูกส่งมายังจวนเฟิ่ง

หลังจากเฟิ่งชิงเฉินได้ยินเช่นนั้น หัวใจของนางก็รู้สึกตื่นเต้นและดีใจ นี่มันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว หวังจิ่นหลิงยังคงจดจำได้ดีว่านางเป็นคนชอบทานองุ่น

เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจของหวังจิ่นหลิงแต่อย่างใด ตรงกันข้าม นางบอกให้หวังจิ่นหลิงส่งองุ่นให้นางมามากกว่าปกติ นางจะทำสุราองุ่น ถึงเวลานั้นนางจะเชิญหวังจิ่นหลิงมาร่วมดื่มด้วยกัน

“ข้ารู้ว่าชิงเฉินสามารถทำสุราได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าชิงเฉินจะสามารถทำสุราองุ่นได้ด้วย ครั้งนี้เจ้าทำออกมาให้เยอะกว่าปกติ เมื่อไม่กี่วันก่อนอวี่เหวินหยวนฮั่วเขียนจดหมายมาหาข้า บอกว่าเจ้าติดค้างทหารในกองทัพของเขา และจำเป็นต้องเลี้ยงสุราทหารเหล่านั้นหนึ่งมื้อ” พูดถึงเรื่ององุ่น มันก็ทำให้รื้อฟื้นความทรงจำของหวังจิ่นหลิง

หวังจิ่นหลิงคิดในใจ หากวันนั้นเขาไม่บอกกับเฟิ่งชิงเฉินว่าจะรับชิงเฉินเป็นอนุภรรยา แต่จะแต่งงานกับชิงเฉินในฐานะภรรยาหลัก ชิงเฉินจะปฏิเสธเขาหรือไม่?

ตระกูลเฟิ่งมีเฟิ่งชิงเฉินเป็นผู้นำเพียงคนเดียว ไม่ว่าจะใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยเพียงใด แต่มันก็คงไม่ได้มากมายถึงเพียงนั้น

“ไม่ได้ขาดแคลน แต่ก็ไม่มีใครที่ไม่ชอบเงินไม่ใช่หรือ?” ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินดูสงบ นางไม่คิดว่าการที่ตนเองอยากได้เงินนั้นเป็นเรื่องที่ผิดอะไร

แม้ว่าเวลานี้นางอาจจะมีเสื้อผ้าและอาหารที่เพียงพอ แต่ครั้งหนึ่งนางก็เคยเป็นคนยากจนมาก่อน

“สิ่งที่เจ้าพูดมามันก็ไม่ได้ผิด แต่พวกเราไม่จำเป็นต้องทำให้ตนเองต้องเหน็ดเหนื่อยเพียงเพราะเพื่อเงิน” คนอย่างพวกเขาไม่จำเป็นต้องทำงานที่เหน็ดเหนื่อยเพื่อเงินเพียงเล็กน้อย เนื่องจากพวกเขาไม่ได้ขาดแคลนสิ่งที่เรียกว่าเงิน

เอาเถอะ หวังจิ่นหลิงยอมรับ เขากังวลว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเหนื่อยเพราะหักโหมมากเกินไป และเขาก็ไม่มีความสุขที่คนสำมะเลเทเมาเหล่านั้นจะได้ดื่มสุราองุ่นที่เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนหมักขึ้นมาด้วยมือของนางเอง

คนที่เฟิ่งชิงเฉินรู้จัก เขาไม่อาจเข้าไปยุ่งวุ่นวายได้ แต่คนอื่นเขาสามารถเข้าไปจัดการได้

เฟิ่งชิงเฉินไตร่ตรองอย่างจริงจัง และรู้สึกว่ามันก็จริง “หมักสุราองุ่นมันก็ลำบากจริง ๆ แค่ทำไว้ดื่มเองไม่กี่ไหยังพอว่า แต่หากต้องการทำเพื่อเงิน เกรงว่าคงเหนื่อยเอาตายกันไปพอดี”

หวังจิ่นหลิงเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินล้มเลิกความคิด เขาแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก “คิดเช่นนี้ก็ดีแล้ว หากชิงเฉินต้องการทำธุรกิจ เช่นนั้นก็สามารถส่งพ่อบ้านไปยังตระกูลหวังของข้าได้ ตระกูลหวังมีพ่อบ้านที่เก่งเรื่องการทำธุรกิจอยู่หลายคน”

หากไม่มีเกษตรกรรมประเทศก็จะไม่มั่นคง หากไม่มีการทำธุรกิจประเทศก็จะไม่มั่งคั่ง หวังจิ่นหลิงไม่มีทางดูถูกเรื่องของการค้า แต่ก็ไม่มีเสียเวลากับเรื่องพวกนี้มากเกินไป นอกจากนี้เขาก็ไม่อยากให้เฟิ่งชิงเฉินละทิ้งความสำคัญพื้นฐานที่ตนเองมีอยู่ไปสนใจกับสิ่งที่ด้อยค่ามากกว่า ละทิ้งทักษะทางการแพทย์ของตนเองเพื่อไปสนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้

เรื่องเล็กน้อยพวกนี้จะถูกส่งมอบให้เป็นหน้าที่ของผู้รับใช้ ในฐานะที่เป็นเจ้านาย ไม่มีความจำเป็นจะต้องไปดำเนินการด้วยตัวเอง...... 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ