บทที่ 1205 ตายแล้ว, ซุนซือสิงเสียใจมากเกินไป – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1205 ตายแล้ว, ซุนซือสิงเสียใจมากเกินไป จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
แน่นอนว่าซุนซือสิงคงไม่ได้หมดสติโดยไร้เหตุผล มีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถทำให้เขาโศกเศร้าจนหมดสติไปได้ นั่นก็คือ......
ข่าวกายตายของสองพ่อแม่ตระกูลซุน!
ตอนที่ซุนซือสิงกำลังอยู่ในห้องผ่าตัด ฝึกฝนตามที่เฟิ่งชิงเฉินจัดเตรียมไว้ จู่ ๆ เขาก็เห็นกล่องใบหนึ่งที่อยู่ด้านใน ซุนซือสิงเห็นกล่องใบนั้นก็รู้สึกสงสัย คิดว่าตนเองลืมทานอาหารกลางวัน คิดว่านี่คืออาหารกลางวันที่คนรับใช้นำมามอบให้เขา แต่เมื่อเปิดออกดูกลับพบว่า......
ศีรษะของคนผู้หนึ่งถูกผนึกไว้ด้วยน้ำแข็ง
ซุนซือสิงตกใจจนเสียหลัก แต่ในตอนที่เขาได้เห็นอย่างชัดเจน ร่างกายของเขาสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง เขาล้มลงบนโต๊ะผ่าตัด นานกว่าจะได้สติกลับคืนมา จากนั้นเขาก็เดินออกมาด้านนอกอย่างขาดสติ
คนรับใช้เข้าไปถาม แต่เขากลับไม่สนใจ คนรับใช้ต้องการเข้าไปพยุง แต่ก็ถูกเขาผลักออกมา เขาเดินโซซัดโซเซไปหาเฟิ่งชิงเฉิน จากนั้นก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ร่างกายของเขาทรุดลงทันที
พ่อของเขาตายแล้ว พ่อของเขาตายไปแล้ว!
ซุนซือสิงทนไม่ไหวและหมดสติไป
เฟิ่งชิงเฉินโกรธจนแทบคลั่ง นางสั่งให้องครักษ์และสายลับไปตรวจสอบว่ากล่องที่บรรจุศีรษะของซุนเจิ้งเต้าไปอยู่ตรงหน้าของซุนซือสิงได้อย่างไร และใครเป็นคนส่งมันมาถึงมือของซุนซือสิง
แต่ตรวจสอบมาเนิ่นนานก็ไม่พบเบาะแสใด ๆ สายลับและองครักษ์ไม่พบบุคคลต้องสงสัย ส่วนโจ่วอั้นกับโต้วโต้ว......ทั้งสองคนมักจะหายตัวไปเสมอในช่วงเวลาจำเป็น
เฟิ่งชิงเฉินโกรธจนทนไม่ไหว แต่นางก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ซุนเจิ้งเต้าสองสามีภรรยาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เฟิ่งชิงเฉินแอบเดาว่าอาจจะเกิดเรื่องขึ้นกับพวกเขา
แต่หากยังไม่ได้รับข่าวการตายของพวกเขา ความหวังเล็กน้อยก็ยังคงเหลืออยู่ แต่เวลานี้ไม่เหลือความหวังอะไรแล้ว และคนผู้นั้นก็ใช้วิธีการที่ตรงไปตรงมาก วิธีการที่โหดร้ายในการบอกกับซุนซือสิงว่าพ่อของเขาตายแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าตนเองควรจะปลอบใจซุนซือสิงอย่างไร ซุนซือสิงฟื้นขึ้นมาหลังจากสลบไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม เขานอนอยู่บนเตียงไม่เคลื่อนไหว ไม่ยอมกินข้าวไม่ยอมกินน้ำ และไม่ยอมพูดอะไรออกมา
เพียงแค่เวลาหนึ่งวัน ซุนซือสิงเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน เบ้าตาของเขาจมลง ผมของเขาเริ่มกลายเป็นสีขาว เฟิ่งชิงเฉินที่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกทรมานใจเป็นอย่างมาก
“ซือสิง เจ้าอย่าทำให้อาจารย์ตกใจ” เฟิ่งชิงเฉินกุมมือของซุนซือสิงไว้ สำลักขณะพูดออกมา แต่ซุนซือสิงก็ยังไม่ตอบสนองแต่อย่างใด
“ซือสิง คนตายแล้วไม่อาจฟื้นคืน หากหมอหลวงซุนเห็นเจ้าในสภาพเช่นนี้ เขาจะต้องปวดใจเป็นแน่” เพียงแค่ระยะเวลาหนึ่งวัน ซุนซือสิงทรมานตนเองจนตอนนี้เขามีสภาพไม่เหมือนมนุษย์ มันทำให้เฟิ่งชิงเฉินทุกข์ทรมานใจจนแทบคลั่ง
ทำไมเด็กคนนี้ถึงทำให้นางรู้สึกเจ็บปวดถึงเพียงนี้
หากนางรู้ว่าเป็นฝีมือของใคร นางจะต้องสับร่างของอีกฝ่ายให้เป็นชิ้น ๆ เพื่อระบายความโกรธให้กับซุนซือสิง
“คุณหนู นายน้อยซุนไม่ทานอาหารมาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มแล้ว ห้องครัวได้ต้มแกงร้อนเอาไว้ให้สำหรับนายน้อยซุนและคุณหนู” ทงจือยกถ้วยแกงร้อนเข้ามา วางไว้บนโต๊ะด้านหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน
กลิ่นหอมของแกงร้อนทำให้กระตุ้นความอยากอาหาร แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับไม่รู้สึกอยากอาหารเลยสักนิด “ป้อนนายน้อยซุนก่อน”
เฟิ่งชิงเฉินยืนขึ้นเดินมาข้างหน้าต่าง ในใจของนางกำลังคิดว่าควรทำเช่นไรถึงจะสามารถระบายความทุกข์ใจครั้งนี้ของซุนซือสิงได้
“คุณหนู นายน้อยซุนไม่ยอมทานมัน และทำมันหกออกมาทั้งหมด” ทงจือพยายามที่จะป้อนซุนซือสิง แต่ซุนซือสิงไม่ให้ความร่วมมือเลยแม้แต่น้อย
เฟิ่งชิงเฉินเดินเข้ามา มองมาที่ซุนซือสิงซึ่งไม่มีสภาพความเป็นคนหลงเหลืออยู่ นางทั้งโกรธและทุกข์ใจ จากนั้นก็กล่าวออกมาว่า “ยกคางเขาขึ้นมา จากนั้นก็เทลงไป”
“เจ้าคะคุณหนู” ทงจือปฏิบัติตามคำสั่งของเฟิ่งชิงเฉิน พยุงซุนซือสิงขึ้นมา เชยคางของซุนซือสิงขึ้น จากนั้นก็ยกถ้วยแกงร้อนกรอกเข้าไปในปากของซุนซือสิง
“แคก แคก แคก......” ซุนซือสิงยังคงไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ง่ายเลยว่าที่จะเทแกงร้อนเหล่านั้นลงไปได้ แต่ทั้งหมดก็ถูกคายออกมา ทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกโกรธจนแทบอยากจะฆ่าคน
ไม่รู้ว่าสนมเอกเซี่ยไปขอร้องจักรพรรดิอย่างไรรถม้าถึงสามารถตรงเข้ามาในตำหนักจาวเยี่ยนได้เลย เมื่อรถม้าหยุดลง สาวใช้ในตำหนักจาวเยี่ยนก็วิ่งออกมา “แม่นางเฟิ่ง ท่านมาแล้ว จักรพรรดิน้อย จักรพรรดิน้อยเขา......” สาวใช้ผู้นั้นหลั่งน้ำตาออกมา
เฟิ่งชิงเฉินไม่มีเวลาที่จะมาพูดคุยกับสาวใช้คนนี้ นางสะบัดมือของอีกฝ่ายและรีบเข้าไปในตำหนักจาวเยี่ยน เมื่อเข้ามาด้านในเฟิ่งชิงเฉินก็ตกใจจนแทบเป็นลม
จักรพรรดิและพระราชินีก็นั่งอยู่ที่นั่น
แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเร่งรีบ แต่นางก็ไม่กล้าละเลย นางหยุดการเคลื่อนไหวในทันที ทำความเคารพจักรพรรดิและพระราชินี แต่ในตอนที่คุกเข่าลงไป จักรพรรดิก็ทนไม่ไหว กล่าวขึ้นมาเพื่อหยุดการกระทำของนาง “เอาละ เวลานี้ยังจะมาทำความเคารพ รีบไปดูองค์ชายแปดเร็วเข้า”
เฟิ่งชิงเฉินตะลึงงัน
จักรพรรดิให้ความสำคัญกับจักรพรรดิน้อยถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใด ถึงขั้นเรียกจักรพรรดิน้อยตามลำดับขององค์ชาย
แม้จะไม่เข้าใจ แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่กล้าเอ่ยปากถามออกมา ถือกล่องยาเดินเข้าไปแต่โดยดี ในทีที่เข้าไปในห้อง สนมเอกเซี่ยก็พุ่งออกมา คุกเข่าอยู่แทบเท้าของเฟิ่งชิงเฉิน “ชิงเฉิน ขอร้องเจ้า ได้โปรด ได้โปรดช่วยลูกชายของข้าด้วย”
สนมเอกเซี่ยละทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมดที่เคยมี นางเหมือนกับคนบ้า ทรงผมของนางยุ่งเหยิง ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา เวลานี้นางกำลังจะพังทลาย
“ไม่ต้องรีบร้อน ให้ข้าดูอาการของจักรพรรดิน้อยก่อน” ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ดูจากสภาพของจักรพรรดิน้อยแล้วจะต้องไม่ดีเป็นแน่
ในห้อง หมอหลวงจำนวนเจ็ดถึงแปดคนล้อมรอบจักรพรรดิน้อยอยู่ ในตอนนี้จักรพรรดิน้อยไม่มีแม้แต่เสียงร้องไห้ หมอหลวงเหล่านั้นร้อนรนจนเหงื่อทะลักออกมา เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินเดินเข้ามา ราวกับพวกเขาได้เห็นดวงดาวแห่งชีวิต รีบหลีกทางให้เฟิ่งชิงเฉินทันที
แต่ในตอนนั้น จู่ ๆ หมอหลวงที่อยู่ใกล้จักรพรรดิน้อยที่สุดก็ตะโกนออกมาว่า “แย่แล้ว แย่แล้ว จักรพรรดิน้อย......”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...