นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1209

สรุปบท บทที่ 1209 ไร้ยางอาย, ราคาขายสูงเกินไปหรือไม่: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

อ่านสรุป บทที่ 1209 ไร้ยางอาย, ราคาขายสูงเกินไปหรือไม่ จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

บทที่ บทที่ 1209 ไร้ยางอาย, ราคาขายสูงเกินไปหรือไม่ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย อาช้าย อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ได้รับการช่วยเหลือจากหลานจิ่วชิง ครั้งนี้เฟิ่งชิงเฉินสามารถป้อนยาได้อย่างราบรื่น หลังจากมั่นใจแล้วว่าจักรพรรดิน้อยจะไม่สำรอกออกมาอีก เฟิ่งชิงเฉินก็อุ้มจักรพรรดิน้อยมาจากมือของหลานจิ่วชิง

ฮู้ว......หลานจิ่วชิงรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก เขารีบเดินออกจากเตียง การเคลื่อนไหวของเขาดูรีบร้อน ซึ่งต่างจากท่าทางอันเยือกเย็นของเขาโดยสิ้นเชิง

น่าเสียดาย ความสนใจทั้งหมดของเฟิ่งชิงเฉินไปอยู่บนร่างกายของจักรพรรดิน้อย นางจึงพลาดโอกาสได้เห็นฉากที่แสนสุดพิเศษเช่นนี้ไป

ป้อนยาแล้ว ฉีดยาแล้ว สิ่งที่ทำได้ก็ทำไปหมดแล้ว หลังจากนี้ทำได้เพียงเฝ้ารอผลที่ตามมา มาดูกันว่าจักรพรรดิน้อยจะข้ามผ่านหายนะครั้งนี้ไปได้หรือไม่

เฟิ่งชิงเฉินห่มผ้าให้กับจักรพรรดิน้อย จากนั้นก็ค่อย ๆ ถอยกลับมาอย่างระมัดระวัง ชี้ไปที่เก้าอี้ซึ่งอยู่ไม่ไกล บ่งบอกให้หลานจิ่วชิงไปนั่งเก้าอี้ตรงนั้น

“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” ในตอนนั้นเฟิ่งชิงเฉินถึงเริ่มตะขิดตะขวงใจ กังวลเกี่ยวกับเรื่องที่หลานจิ่วชิงบุกเข้ามาในตำหนักจาวเยี่ยนในยามค่ำคืน

“แค่ผ่านทางมาเท่านั้น ได้ยินว่าเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าเลยเข้ามาดู” ในความเป็นจริง เขาเป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเฟิ่งชิงเฉิน ดังนั้นจึงเข้ามาในพระราชวังยามดึกเพื่อตรวจสอบ

ผ่านทาง?

เส้นเลือดสีดำปรากฏออกมาทั่วใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน

ต้องเป็นเส้นทางที่แข็งแกร่งเพียงใดถึงจะสามารถเดินผ่านเส้นทางในพระราชวังของจักรพรรดิได้

“หากไม่มีอะไรเช่นนั้นเจ้าก็รีบออกไปได้แล้ว ที่นี่เป็นพระราชวังของจักรพรรดิ ไม่ใช่เรือนหลังของตระกูลเจ้า มันไม่ใช่ที่ที่สามารถเดินผ่านได้ง่ายขนาดนั้น” หากถูกผู้อื่นจับได้ว่าเป็นนักฆ่า นางก็ไม่มีความสามารถในการล่อลวงผู้อื่นเพื่อถ่วงเวลา

“เจ้าเป็นห่วงข้า?” หลานจิ่วชิงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันสุภาพและแผ่วเบา มันฟังดูคลุมเครือ เมื่อได้ยินในยามค่ำคืนมันยิ่งทำให้คนอดที่จะคิดมากไม่ได้

จู่ ๆ ความรู้สึกแปลก ๆ ก็แล่นเข้ามาในสมองของเฟิ่งชิงเฉิน นางจ้องมองมาที่หลานจิ่วชิงด้วยใบหน้าตกตะลึง ทำให้หลานจิ่วชิงจ้องมองมาที่นางด้วยความสงสัย ในตอนนั้นเฟิ่งชิงเฉินถึงรู้สึกว่าตนเองคิดมากเกินไป นางไม่ใช่คนที่จะตกหลุมรักใครง่าย ๆ เพียงเพราะเห็นหน้า

แอบถอนหายใจออกมา เฟิ่งชิงเฉินพูดด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา “เป็นเพื่อนกัน แน่นอนว่าข้าต้องเป็นห่วงเจ้า หากไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็รีบออกไปจากที่นี่ พระราชวังของจักรพรรดิไม่ใช่สถานที่ที่ดีถึงขนาดนั้น”

หากเป็นไปได้ ชีวิตนี้ของนางก็ไม่อยากเข้ามาเหยียบที่นี่อีก

หลานจิ่วชิงยิ้มออกมา “ข้าไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน ที่ข้ามาพระราชวังจักรพรรดิ แน่นอนว่าข้ามีเรื่องต้องทำ” คิดว่าเขาแค่ผ่านทางมาจริง ๆ อย่างนั้นหรือ เขาแค่ผ่านทางตำหนักจาวเยี่ยนเท่านั้น

“อ่า......เช่นนั้นทำเสร็จแล้วหรือยัง?” ทำเสร็จแล้วจะได้รีบไสหัวออกไป

“ยัง เวลานี้ยังไม่มีใครรู้ว่าเขามาที่นี่แล้ว” คำพูดนี้ของหลานจิ่วชิงค่อนข้างล้ำลึก เฟิ่งชิงเฉินแสดงออกมาว่าตนเองไม่เข้าใจ “เจ้าหมายความว่าไง? เจ้าอยากให้องครักษ์ในพระราชวังพบร่องรอยของเจ้าอย่างนั้นหรือ?”

คนผู้นี้อยากถูกจับมากหรือไงถึงอย่างให้เป็นเช่นนี้

หลานจิ่วชิงพยักหน้า “ใช่ มีคนอยากจับข้า ข้าล่อเขามาที่เมืองจักรพรรดิ” มีเพียงเช่นนี้เท่านั้นที่เป่าเอ๋อและพวกของปู้จิงหยุนถึงจะปลอดภัย

“ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่?” ดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินเป็นประกาย มันแฝงไว้ด้วยความเย้าหยอก ต่างกับตอนที่ทำการรักษาให้จักรพรรดิน้อยราวกับเป็นคนละคน

“เจ้าไม่สงสัยเลยหรือว่าใครที่ต้องการจับข้า?” บางครั้งหลานจิ่วชิงอยากจะผ่าสมองของเฟิ่งชิงเฉินออกมาดู ว่าเหตุใดในหัวของผู้หญิงคนนี้ถูกไม่มีความสงสัยหรือแปลกใจอยู่เลยแม้แต่น้อย

“ก็สงสัยนะ” แต่มันไม่ได้แปลว่าต้องถามออกมา เรื่องที่นางสงสัยมีอยู่มากมาย

“เช่นนั้นเหตุใดจึงไม่ถามออกมา?” หลานจิ่วชิงพบว่าเขานั้นแทบไม่เข้าใจในสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินเป็นอยู่เลยแม้แต่น้อย เฟิ่งชิงเฉินคาดเดาได้ยากกว่าเขา ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เก็บไว้ในส่วนลึกของหัวใจ ทำไม่คนอื่นไม่อาจคาดเดาได้

“หากเจ้าอยากบอก เจ้าก็จะเป็นคนบอกมาเอง” จริงอยู่ว่านางอยากรู้ แต่แม้ว่านางจะไม่รู้นางก็แค่รู้สึกคัน ๆ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันไม่ได้ทำให้นางตาย

เอาละ หลานจิ่วชิงยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นคนพูดออกมาเองว่า “ฝู่หลิน เวลานี้เขากำลังตามหาร่องรอยของข้าอยู่ และต้องการที่จะสังหารข้า”

“ฝู่หลิน? เจ้าไปทำอะไรให้เขาอย่างนั้นหรือ?” ฝู่หลินเป็นคนที่ยึดมั่นในกฎระเบียบและไม่มีทางรุกรานใครง่าย ๆ ต่อให้จักรพรรดิเป็นคนสั่ง เขาก็พยายามจะไม่ทำให้นางและเสด็จอาเก้าต้องขุ่นเคือง

“อุแว้ อุแว้......” จู่ ๆ จักรพรรดิน้อยที่อยู่บนเตียงก็ส่งเสียงร้องออกมาขัดคำพูดของเฟิ่งชิงเฉิน สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินเปลี่ยนไป รีบกล่าวขอโทษหลานจิ่วชิง จากนั้นก็วิ่งไปหาจักรพรรดิน้อย

หลานจิ่วชิงยืนอยู่ที่เดิม ดวงตาของเขาฉายแววให้เห็นถึงรอยยิ้มแห่งความเจ็บปวด

ในสายตาของเฟิ่งชิงเฉิน เขาเทียบกับเด็กทารกไม่ได้เลยด้วยซ้ำ มันช่างน่าน้อยเนื้อต่ำใจยิ่งนัก

ยืนมองอยู่เช่นนั้นเหมือนกับตอนที่เพิ่งเข้ามา หลานจิ่วชิงไม่ได้รบกวนเฟิ่งชิงเฉินแต่อย่างใด เขารอให้เฟิ่งชิงเฉินปลอบโยนจักรพรรดิน้อยเป็นที่เรียบร้อยและนึกขึ้นได้ถึงการมีตัวตนอยู่ของหลานจิ่วชิง เขาถึงจะตากไป

เฟิ่งชิงเฉินยักไหล่ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ด้วยความสามารถของหลานจิ่วชิง เขาไม่มีทางถูกจับในพระราชวังเป็นแน่ หากถูกจับขึ้นมาจริง ๆ จะเองก็คงต้องคิดหาวิธีในการช่วยเหลือเขาออกมา ดังนั้น......

มันไม่เห็นมีอะไรต้องกังวล

เฟิ่งชิงเฉินเฝ้าดูแลจักรพรรดิน้อยอย่างใกล้ชิดต่อไป ทุกครึ่งชั่วโมงนางจะทำการตรวจร่างกายหนึ่งครั้ง ทุกหนึ่งชั่วโมงจะป้อนยาหนึ่งครั้ง เฟิ่งชิงเฉินยุ่งอยู่เช่นนี้ตลอดคืน ลมหายใจของจักรพรรดิน้อยเองก็ค่อย ๆ มั่นคงขึ้นเรื่อย ๆ

“พิษถูกขจัดออกไปจนหมดแล้ว” ผลการตรวจออกมา ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

หลังจากนั้นไม่นานสนมเอกเซี่ยก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นรอยคล้ำใต้ตาของนางก็รู้ได้ทันทีว่าเมื่อคืนที่ผ่านมานั้นนางไม่ได้นอน

“ชิงเฉิน เสี่ยวปาเป็นอย่างไรบ้าง?” สนมเอกเซี่ยมองมาที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความคาดหวัง และกลัวว่าเฟิ่งชิงเฉินจะให้คำตอบที่นางรับไม่ได้ออกมา

“เหนียงเหนียงวางใจ จักรพรรดิน้อยปลอดภัยดี พิษถูกขจัดออกไปหมดแล้ว หลังจากนี้ให้เหนียงเหนียงเรียกหมอหลวงเข้ามา ร่างกายของจักรพรรดิน้อยอ่อนแอเป็นอย่างมาก เกรงว่าต้องใช้เวลาสักระยะในการฟื้นฟู” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวออกมาพร้อมกับเก็บข้าวของ

ท่าทางของนางแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านางกำลังจะจากไป

หัวใจที่เพิ่งจะมีชีวิตชีวาของสนมเอกเซี่ยตกลงอีกครั้ง จากนั้นก็ถามออกมาว่า “ชิงเฉิน เจ้าจะไปตอนนี้เลยงั้นหรือ?” 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ