นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1218

สรุปบท บทที่ 1218 คลุมเครือ, อยากเห็นใบหน้าใต้หน้ากากของเจ้า: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สรุปตอน บทที่ 1218 คลุมเครือ, อยากเห็นใบหน้าใต้หน้ากากของเจ้า – จากเรื่อง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

ตอน บทที่ 1218 คลุมเครือ, อยากเห็นใบหน้าใต้หน้ากากของเจ้า ของนิยายInternetเรื่องดัง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดยนักเขียน อาช้าย เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

เฟิ่งชิงเฉินอยู่ในอ้อมแขนของหลานจิ่วชิง นางมองเขาด้วยความงุนงง สายตาทั้งสองคู่ประสานกัน เฟิ่งชิงเฉินยิ่งรู้สึกว่าความรู้สึกที่หลานจิ่วชิงให้กับนางช่างเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยยิ่งนัก

ลมหายใจที่ต่างกัน แต่กลับนำมาซึ่งความรู้สึกที่เหมือนกัน

ก่อนหน้านี้นางไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่วันนี้นางได้ยินคำว่า “ตัวแทน” จากปากของนางสนมในจวนชุนอ๋อง มันจึงทำให้นางหยุดความคิดที่วุ่นวายไม่ได้

สาวสวยอยู่ในอ้อมกอด หลานจิ่วชิงก็ไม่ใช่สุภาพบุรุษที่จะผลักนางออกไป เขาระงับเสียงของเขา จากนั้นกระซิบข้างถามข้างหูของเฟิ่งชิงเฉินว่า “เป็นอะไรไปงั้นหรือ?”

ลมหายใจอุ่น ๆ พัดผ่านหู ทำให้อาการและสีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินไม่มั่นคง เฟิ่งชิงเฉินกลืนน้ำลาย ดูถูกตัวเองว่าถูกล่อลวงด้วยความงามอีกครั้ง

เฟิ่งชิงเฉินรีบผลักหลานจิ่วชิงออกไป ยืนอย่างมั่นคงและกล่าวว่า “ไม่มีอะไร เมื่อครู่ขอบใจเจ้ามาก”

ไม่ได้ทำอะไรแต่กลับกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของคนอื่น คนที่ไม่รู้อะไรอาจคิดว่านางอยากถูกผู้อื่นกอดจนใจจะขาด เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกดูถูกตัวเอง หลังจากนี้นอกจากเสด็จอาเก้า นางจะต้องรักษาระยะห่างจากผู้ชายทุกคน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ร่างกายสัมผัสกัน

ความคลุมเครือเหล่านี้มันสามารถพรากชีวิตคนได้

หลานจิ่วชิงก้มลงมองสองมือที่ว่างเปล่า เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็แสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ “ไม่เป็นไร ถนนของจวนชุนอ๋องไม่เรียบ เจ้าต้องระวังให้มากและตามหลังข้ามา”

หลานจิ่วชิงกล่าวด้วยการเล่นสำนวน เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง แต่ในใจคิดว่านางต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถถอดหน้ากากของหลานจิ่วชิงออกมาได้?

เนื่องจากเกิดความสงสัย เช่นนั้นก็จำเป็นต้องพิสูจน์

เฟิ่งชิงเฉินยืนอยู่ที่เดิม ครุ่นคิดว่าควรจะเอ่ยปากขอร้องไปโดยตรงเลยดีหรือไม่ หลานจิ่วชิงจะยอมรับคำขอของนางหรือเปล่า?

หลานจิ่วชิงเข้ามาใกล้ห้องไว้ทุกข์อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อหันกลับไปแล้วพบว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ยอมตามเขามา จึงเป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเฟิ่งชิงเฉิน หลานจิ่วชิงจึงรีบวิ่งกลับไป แต่พบว่าเฟิ่งชิงเฉินยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขาจึงขมวดคิ้วและพูดออกมาว่า “เฟิ่งชิงเฉิน เหตุใดตอนนี้เจ้าถึงมายืนเหม่ออยู่ที่นี่?”

พวกเขาบุกเข้ามาในจวนชุนอ๋องยามค่ำคืน แถว ๆ นี้เต็มไปด้วยองครักษ์ แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับกล้ามายืนเหม่อลอยอยู่ตรงนี้ นางไม่เกรงกลัวเลยหรืออย่างไร

“ข้า......เขากำลังคิดถึงปัญหาอย่างหนึ่งอยู่” เมื่อถูกจับได้ เฟิ่งชิงเฉินเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีจึงรีบหาเหตุผลในการตอบกลับไป

“กำลังคิดถึงปัญหา? ในเวลานี้เจ้ายังมีเรื่องสำคัญอะไรให้คิดอีกอย่างนั้นหรือ?” จะเหม่อลอยก็ต้องเลือกเวลาและสถานที่ด้วยเช่นกัน

ในเมื่อหลานจิ่วชิงถามออกมา เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่เกรงใจ นางตอบกลับไปโดยตรงว่า “ข้ากำลังคิดว่า ภายใต้หน้ากากของเจ้า จะมีรูปลักษณ์อย่างไรรออยู่กันแน่?”

“ทำไมหรือ? เจ้าอยากเห็นใบหน้าที่แท้จริงของข้า?” หลานจิ่วชิงยิ้มออกมาที่มุมปาก แต่น่าเสียดายที่ถูกหน้ากากบังเอาไว้ เฟิ่งชิงเฉินไม่อาจมองเห็นมันได้

เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าจากใจจริง แต่หลานจิ่วชิงกลับยิ้มออกมาอย่างล้อหลอก “ข้าคิดว่า เจ้าคงไม่มีวันสนใจใบหน้าที่แท้จริงของข้า”

เฟิ่งชิงเฉินรีบส่ายหน้า “จะเป็นไปได้อย่างไร ข้าอยากรู้มาโดยตลอด เพียงแต่.....ในเมื่อเจ้าใส่หน้ากากเอาไว้ แน่นอนว่าเจ้าไม่อยากให้ใครรู้ว่าใบหน้าที่แท้จริงของเจ้าเป็นอย่างไร ดังนั้นข้าจึงไม่อยากถาม”

เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่อยากรู้ นางเองก็เป็นคน เพียงแต่นางสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป นางไม่มีทางแสดงความอยากรู้อยากเห็นของตนเองออกมาเป็นแน่

“งั้นหรือ? ข้ามองไม่ออกจริง ๆ ว่าเจ้าเคยสนใจเกี่ยวกับเรื่องหน้าตาของข้าด้วย” หลานจิ่วชิงพูดจาดูถูกตัวเอง “เฟิ่งชิงเฉิน พวกเรารู้จักกันมาปีกว่า ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าพูดเรื่องนี้ออกมา เจ้าอยากรู้ว่าใบหน้าของข้าเป็นอย่างไร หรือแค่เจ้ารู้สึกว่าตัวข้านั้นคล้ายกับเสด็จอาเก้าในบางเรื่องกันแน่”

ไม่โทษที่หลานจิ่วชิงคิดมาก นั่นเป็นเพราะ......

เฟิ่งชิงเฉินไม่เคยพูดเช่นนี้ออกมาเพียงเพราะต้องการตอบสนองความสงสัยในใจของตัวเอง

“ข้ายอมรับว่าสิ่งที่เจ้าพูดออกมามันก็เป็นหนึ่งเหตุผล เจ้าให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยกับข้า ข้ารู้สึกว่าข้าน่าจะเคยเห็นใบหน้าภายใต้หน้ากากของเจ้า แต่ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร” ใบหน้าที่เปิดเผยออกมาครึ่งหนึ่งของหลานจิ่วชิงนั้นหล่อเหล่าเป็นอย่างมาก แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่รู้ว่าใบหน้าอีกครึ่งที่เหลือของเขานั้นเป็นอย่างไร และนางก็ไม่อาจจินตนาการได้

เฟิ่งชิงเฉินจ้องมองไปที่เงาหลังของหลานจิ่วชิง นางรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก นางจะไปรู้ได้อย่างไรว่าหลานจิ่วชิงจะเป็นคนอารมณ์แปรปรวนถึงเพียงนี้ หากรู้ว่าเขาไม่ใส่ใจเรื่องเกี่ยวกับการถอดหน้ากากตั้งแต่แรก นางคงถอดหน้ากากของเขาด้วยมือของนางเองไปแล้ว

เมื่อพลาดโอกาสครั้งนี้ไปแล้ว ในอนาคตแม้จะอยากเห็นมัน ก็เกรงว่าคงจะไม่ใช่เรื่องง่าย

เฟิ่งชิงเฉินแอบถอนหายใจอย่างน่าสมเพช เมื่อเห็นว่าหลานจิ่วชิงไม่ยอมเจรจาง่าย ๆ อีกต่อไป เฟิ่งชิงเฉินทำได้เพียงระงับความอยากรู้อยากเห็นของตนเองไว้ และเดินตามหลังหลานจิ่วชิงไปยังห้องไว้ทุกข์อย่างเชื่อฟัง

แต่ในตอนที่พวกเขากำลังเข้าไปใกล้ ร่างเงาสีดำสามร่างก็เข้าไปในห้องไว้ทุกข์เร็วกว่าพวกเขาก้าวหนึ่ง

ผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง เฟิ่งชิงเฉินเห็นเหล่าผู้คุ้มกันในห้องไว้ทุกข์ยืนอยู่ แต่พวกเขาไม่ทันได้ส่งเสียงออกมา ร่างกายของพวกเขาก็ล้มลงพื้น และศพของพวกเขาก็ถูกลากออกไปด้านข้าง

ในห้องไว้ทุกข์เต็มไปด้วยความเงียบงัน ร่างเงาสีดำสามร่างนั้นล้อมอยู่ตรงกลาง พวกเขาเองก็น่าจะเข้ามาเพื่อตรวจสอบศพขององค์หญิงเหยาหวา

หลานจิ่วชิงพาเฟิ่งชิงเฉินเข้าไปหลบในทันที “ดูเหมือนว่าจะมีคนสงสัยเกี่ยวกับการตายขององค์หญิงเหยาหวาอยู่ไม่น้อย”

“องค์หญิงเหยาหวาแต่งงานเข้ามาอยู่ในตงหลิงไม่ถึงครึ่งปีก็สิ้นลมหายใจ แน่นอนว่าหากใครมีสมองก็ไม่แปลกที่จะเกิดความสงสัย” เฟิ่งชิงเฉินคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ทางด้านของซีหลิงไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอนว่าคนอย่างเหยาหวาแห่งซีหลิงจะฆ่าตัวตาย

“องค์หญิงจากต่างแดน เสียชีวิตอย่างไม่ทราบสาเหตุในดินแดนตงหลิง มันช่างเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ต่อให้องค์หญิงเหยาหวาฆ่าตัวตายจริง ๆ ซีหลิงก็ต้องอ้างว่าการตายครั้งนี้เป็นสาเหตุมาจากตงหลิงเป็นแน่” หลานจิ่วชิงจ้องมองเงาร่างในห้องไว้ทุกข์ ครุ่นคิดพร้อมกล่าวออกมา

“โอกาส? โอกาสอะไร?” เฟิ่งชิงเฉินขมวดคิ้วด้วยความไม่สบายใจ

หรือว่าใต้หล้าแห่งนี้กำลังจะวุ่นวายอีกครั้ง......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ