นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1220

สรุปบท บทที่ 1220 ความโกลาหลในใต้หล้า, หลานจิ่วชิงรู้สึกว่าชีวิตของเขากำลังวุ่นวาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 1220 ความโกลาหลในใต้หล้า, หลานจิ่วชิงรู้สึกว่าชีวิตของเขากำลังวุ่นวาย – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1220 ความโกลาหลในใต้หล้า, หลานจิ่วชิงรู้สึกว่าชีวิตของเขากำลังวุ่นวาย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ไม่ใช่ว่าซูเหวินชิงพลาดเรื่องราวสำคัญบางอย่างไป แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายนั้นทำทุกอย่างได้แนบเนียนเป็นอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะหลานจิ่วชิงมีสายข่าวอยู่มากมาย เขาก็คงไม่สามารถรับรู้เบาะแสเกี่ยวกับการร่วมมือกันอย่างลับ ๆ ของซีหลิงและหนานหลิง

จะพูดให้ถูกก็คือ มันเป็นการสมรู้ร่วมคิดกันระหว่างหนานหลิงจิ่นฝานกับองค์หญิงใหญ่แห่งซีหลิง

“คนที่วางยาจักรพรรดิก็คือหนานหลิงจิ่นฝาน เขาใช้สายลับของซีหลิงมาฝังตัวอยู่ในตงหลิง” หนานหลิงจิ่นฝานระมัดระวังและลงมือได้แยบยลขึ้นเรื่อย ๆ และการลงมือของเขาก็ไม่หลงเหลือหลักฐานแต่อย่างใด

“แล้วหนานหลิงจิ่นฝานจะได้ประโยชน์อะไรกับสิ่งเหล่านี้?” ซูเหวินชิงถามด้วยความไม่เข้าใจ

“ไม่ได้ประโยชน์อะไร นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นระหว่างการร่วมมือกันขององค์หญิงใหญ่และหนานหลิงจิ่นฝานเท่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ถึงจะเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริง” หลานจิ่วชิงเคาะโต๊ะเบา ๆ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูก “เจ้าว่า หากจักรพรรดิตายไป ตงหลิงจะเป็นเช่นไร?”

“จะวุ่นวายขึ้นมาทันที” องค์รัชทายาทเพิ่งจะสละตำแหน่ง แม้ว่าจักรพรรดิจะเลือกไว้แล้ว แต่ก็ยังไม่มีการแต่งตั้งองค์รัชทายาทขึ้นมาใหม่ ถึงเวลานั้นจะต้องเกิดสงครามภายในขึ้นระหว่างโจวอ๋องกับลั่วอ๋อง

“ใช่ หากจักรพรรดิตายไป โจวอ๋องกับลั่วอ๋องจะต้องแย่งชิงราชย์บัลลังก์เป็นแน่ และซีหลิงก็สามารถใช้ข้ออ้างจากการตายขององค์หญิงเหยาหวายกทัพมายังตงหลิง และหากเวลานั้นหนานหลิงเองก็ยกทัพมายังตงหลิง เจ้าว่าตงหลิงจะเป็นเช่นไร?” ต่อให้เป็นประเทศที่แข็งแกร่งเพียงใด ประเทศนั้นก็ไม่อาจต้านทานสงครามที่เกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกที่เกิดขึ้นพร้อมกันได้ เมื่อถึงเวลานั้น ประเทศที่ยิ่งใหญ่อย่างตงหลิงจะล้มลง เป่ยหลิงเองก็จะใช้โอกาสนี้ในการแบ่งขนมชิ้นนี้ไปด้วย

แผนการครั้งนี้ของหนานหลิงจิ่นฝานไม่ธรรมดาจริง ๆ

ความตกใจปรากฏออกมาบนใบหน้าของซูเหวินชิง เขาถึงกับอ้าปากค้าง “เจ้าสองคนบ้านี่ พวกเขาไม่กลัวถูกเปิดโปงบ้างหรือไง ซีหลิงและหนานหลิงเองก็ต้องประสบกับความโชคร้ายเช่นกัน แล้วหากมีคนที่รู้ข้อมูลของพวกเขาอยู่ ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ไม่อาจสร้างความวุ่นวายในตงหลิงได้”

หนานหลิงจิ่นฝานและองค์หญิงใหญ่บ้าไปแล้วหรือไง เมื่อเอาสองคนนี้มาอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าเรื่องอะไรพวกเขาก็สามารถทำออกมาได้ทั้งนั้น

“คนบ้าเท่านั้นที่สามารถทำการใหญ่ได้ พวกเขาไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น ส่วนข้า เจ้าไม่ต้องกังวล พวกเขาจะต้องมีวิธีการรับมืออยู่แน่” องค์หญิงใหญ่สนใจเพียงแค่อำนาจของตนเองเท่านั้น

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอแค่ตงหลิงและซีหลิงต่อสู้กัน นางก็มีวิธีการที่จะกำจัดคนของเทียนอวี่ในสนามรบ ต้องรู้ก่อนว่าเวลานี้องค์หญิงใหญ่มีอำนาจทางการเมืองอยู่ในมือ ส่วนเทียนอวี่ก็กำลังต่อสู้อยู่ในแนวหน้า ดังนั้นอำนาจและการควบคุมทุกอย่างจึงตกอยู่ในมือขององค์หญิงใหญ่แต่เพียงผู้เดียว

ขอแค่เสบียงถูกส่งไปช้ากว่ากำหนดสามถึงห้าวัน หรือว่าเกิดเรื่องขึ้นระหว่างทาง เท่านั้นก็สามารถสร้างความวุ่นวายอันยิ่งใหญ่ให้กับซีหลิงเทียนอวี่ได้แล้ว

ซูเหวินชิงพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตบหัวใจของเขาพร้อมกล่าวออกมา “โชคดีที่จักรพรรดิไม่ถูกพิษ ไม่อย่างนั้นความวุ่นวายคงมาเยือนแก่ใต้หล้าเป็นแน่ หากตงหลิงถูกทำลาย เจ้าที่เป็นเสด็จอาเก้าก็ไม่สามารถทำอะไรได้”

“จักรพรรดิไม่ถูกพิษก็ไม่ได้แปลว่าจะเปลี่ยนแผนการของสองคนนั้นได้ สงครามครั้งใหญ่ยังคงดำเนินต่อไป” แม้ว่าเขาต้องการจะปกป้องทั่วทั้งใต้หล้า แต่ทุกชีวิตก็ยังคงได้รับผลจากหายนะ และสงครามก็ยังคงดำเนินต่อไป

ราชวงศ์ของทั้งสี่ประเทศมีความทะเยอทะยานและต้องการสร้างให้ราชวงศ์รุ่นหลังของพวกเขากลายเป็นจักรพรรดิของคนทั้งใต้หล้า

“แต่เช่นนี้ตงหลิงก็ไม่ถูกทำลาย มากที่สุดก็แค่ถูกลดทอนกำลัง” ซูเหวินชิงเป็นพ่อค้า เขามองเพียงแค่ผลประโยชน์

จะสู้กันหรือไม่นั้นไม่สำคัญ ขอแค่ไม่ทำให้เขาเดือดร้อนก็เพียงพอ

หลานจิ่วชิงไม่ได้พูดอะไร จ้องมองไปที่กำแพงด้วยความว่างเปล่า ดวงตาของเขาลึกลงราวกับสายน้ำใต้หุบเขา ดำมืดจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง

ในตอนที่ซูเหวินชิงรับรู้ถึงความเงียบงันของหลานจิ่วชิง จู่ ๆ หลานจิ่วชิงก็เอ่ยปากออกมาว่า “เขียนจดหมายไปหาเทียนอวี่ บอกให้เขาแสร้งทำเป็นล้มป่วย ทางที่ดีที่สุดให้เขาพูดคุยกับคนสนิท ลองหารือกันว่าสามารถหลีกเลี่ยงสงครามครั้งนี้ได้หรือไม่”

หากต้องสู้กันขึ้นมาจริง ๆ หลานจิ่วชิงหวังว่าคนที่ต้องสูญเสียมากที่สุดจะต้องเป็นองค์หญิงใหญ่

“ได้ ข้าจะจัดการเดี๋ยวนี้ ใช่แล้ว......พวกเราได้ข่าวมาว่าฝู่หลินไม่ได้กลับมา เขายังคนเดินทางไปยังเมืองเหลียนเฉิง ดูเหมือนว่ากำลังสงสัยเป่าเอ๋อและปู้จิงหยุน” ต้องบอกเลยว่าฝู่หลินผู้นี้เป็นคนฉลาดหลักแหลมเป็นอย่างมาก ไม่ถูกล่อซื้อโดยแผนการของหลานจิ่วชิง

หลานจิ่วชิงยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “ไม่เป็นไร เขาไม่อยากกลับมา เวลานี้เขาก็ต้องกลับมาอยู่ดี แต่ทางด้านของเป่าเอ๋อ เจ้าส่งคนไปคอยคุ้มกันเขาเพิ่มขึ้น อย่าให้ใครทำอะไรนางได้เป็นอันขาด”

“วางใจ มีจิงหยุนอยู่ หากจิงหยุนยังไม่ตาย ก็ไม่มีทางเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเป่าเอ๋อเป็นแน่ เพียงแต่......เป่าเอ๋อในตอนนี้ นางเอาแต่คิดถึงเจ้าในทุกคืนวัน เจ้าคิดว่าจิงหยุนจะสามารถครอบครองหัวใจของเป่าเอ๋อได้หรือไม่?” ซูเหวินชิงมองมาที่ใบหน้าของหลานจิ่วชิงด้วยความสับสน

เมื่อใต้หล้าเกิดความโกลาหล หลานจิ่วชิงเองก็รู้สึกว่าชีวิตของเขาก็วุ่นวายเช่นเดียวกัน

ในห้องมีเพียงหญิงสาวที่ผอมแห้งเพียงลำพัง ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินพาสาวใช้เข้ามา ใบหน้าของสาวใช้ผู้นั้นก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก คุกเข่าลงไม่เคลื่อนไหว ร้องอ้อนวานเพื่อขอความเมตตา

เฟิ่งชิงเฉินไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจการกระทำของสาวใช้ เพียงบอกนางลุกขึ้นและเดินไปทางนั้น

“ไปนำอ่างน้ำมาสองใบ เพื่อมาล้างตัวให้กับนาง” เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าจะเรียกอีกฝ่ายว่าอย่างไร จึงเรียกออกไปโดยใช้สรรพนาม

ผู้หญิงที่อยู่บนเตียงได้ยินเสียงที่ดังขึ้น ดวงตาที่มืดมัวและหม่นหมองของนางเปิดออกเล็กน้อย ในตอนที่นางได้เห็นเฟิ่งชิงเฉิน แสงสว่างก็วาบเข้ามาในดวงตาของนางอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็มืดดับไป ผู้หญิงคนนั้นยิ้มให้เฟิ่งชิงเฉินอย่างอ่อนแรงพร้อมกับกล่าวว่า “คารวะแม่นางเฟิ่ง แม่นางเรียกข้าว่าซูเหนียงก็พอแล้ว”

เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้า แม้ว่าอยากจะเห็นเงาหลังของนางเป็นอย่างมาก แต่ด้วยสภาพที่พร้อมจะสิ้นลมหายใจได้ทุกเมื่อของอีกฝ่าย เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่อยากจะเอ่ยคำขอของนางออกมา เพียงแต่......

อีกฝ่ายไม่เคยเห็นหน้าของนางมาก่อน แต่เมื่อได้เห็นก็รู้จักนางขึ้นมาทันที มันเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันไม่จำเป็นต้องหาข้อพิสูจน์เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้แล้ว

เฟิ่งชิงเฉินตรวจร่างกายของซูเหนียงอย่างละเอียด จากนั้นก็สั่งให้สาวใช้นำน้ำสะอาดมาให้นางอีกหนึ่งถังและเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ

กลิ่นที่อบอวลอยู่ในห้องนี้นั้นไม่ธรรมดา เมื่อได้เข้ามาอยู่ในห้องนี้ แม้จะไม่ได้ป่วยเป็นอะไรก็ยังรู้สึกอึดอัดใจ

หลังจากทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว สีหน้าของซูเหนียงก็ดีขึ้นมา นางมองมาที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยใบหน้าแห่งความซาบซึ้ง ดวงตาที่ไร้เดียงสาของนางมันทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกผิดอย่างสุดหัวใจ

ชุนอ๋องช่างชั่วร้ายเสียจริง!

และคนชั่วร้ายผู้นี้ เมื่อได้ยินว่าเฟิ่งชิงเฉินเดินทางไปยังสถานที่พักของอนุภรรยา เขาก็รีบตามเข้ามา เกรงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะค้นพบความลับเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ของเขา หลังจากนั้น......เขาก็คงไม่มีหน้าไปเจอกับเฟิ่งชิงเฉิน!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ