นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1234

สรุปบท บทที่ 1234 ภัยพิบัติ, จักรพรรดิต้องการประนีประนอม: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

อ่านสรุป บทที่ 1234 ภัยพิบัติ, จักรพรรดิต้องการประนีประนอม จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

บทที่ บทที่ 1234 ภัยพิบัติ, จักรพรรดิต้องการประนีประนอม คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย อาช้าย อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

หวังจิ่นหลิงพูดถึงเรื่องที่ต้องการกดดันจักรพรรดิ แต่เขาไม่เคยปรึกษาเรื่องนี้กับเสด็จอาเก้ามาก่อน เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่ได้เขียนจดหมายไปบอกเสด็จอาเก้าแต่อย่างใด เนื่องจากเฟิ่งชิงเฉินเชื่อว่าเสด็จอาเก้าจะต้องรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน และจะต้องให้ความร่วมมืออย่างสุดกำลัง

ไม่ต้องถามว่าเหตุใดเฟิ่งชิงเฉินถึงเชื่อแบบนั้น แม้ว่าเสด็จอาเก้าจะอยู่ห่างไกลจากนางหลายพันลี้ แต่เสด็จอาเก้าก็ไม่เคยทิ้งนางไว้เพียงลำพังโดยไม่แยแส ความเชื่อใช้ที่เกิดขึ้นมา ความเชื่อมั่นเหล่านี้ของนาง มันคือเกิดจากความรู้สึกของเสด็จอาเก้าที่มีต่อนาง

ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าความคิดของเฟิ่งชิงเฉินนั้นถูกต้อง แม้เสด็จอาเก้าจะไม่ได้อยู่ในเมืองจักรพรรดิ แต่เขาก็รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในเมืองจักรพรรดิ รวมถึงคำพูดที่เย่อหยิ่งของเฟิ่งชิงเฉินในพระราชวัง และการทรยศของเซี่ยหว่าน

เสด็จอาเก้าเอาแต่เฝ้ามองและไม่ลงมือ มันไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่อยากช่วยเฟิ่งชิงเฉิน แต่เป็นเพราะเฟิ่งชิงเฉินสามารถจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างงดงาม เขาเองก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร

แต่เมื่อเห็นหวังจิ่นหลิงปลุกปั่นบัณฑิตเพื่อบีบบังคับให้จักรพรรดิมอบความเป็นธรรมให้เฟิ่งชิงเฉิน เสด็จอาเก้าก็เลิกที่จะเฝ้ามองอยู่เฉย ๆ อีกต่อไป

“ในที่สุดเจ้าก็แสดงเขี้ยวเล็บของเจ้าออกมา เกรงว่าคงมีแต่ชิงเฉินเท่านั้นที่สามารถทำให้เจ้าแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมาโดยไม่คำนึงถึงสิ่งอื่นใด” เสด็จอาเก้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตนเองมีความคิดแบบไหนถึงพูดออกมาเช่นนี้ แต่อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าพอใจสักเท่าไหร่

ผู้หญิงของเขา เขาสามารถปกป้องด้วยตัวเองได้ หวังจิ่นหลิงนี่มันเข้ามายุ่งโดยไม่ใช่เรื่องจริง ๆ

“ในเมื่อเจ้าอยากจะลองเล่น เช่นนั้นก็มาเล่นกันให้ยิ่งใหญ่ไปเลย หากไม่ทำให้ท้องพระคลังว่างเปล่า เกรงว่าจักรพรรดิคงไม่สงบใจ” เสด็จอาเก้าหยิบพู่กันขึ้นมา เขียนจดหมายให้กับเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองที่ทำงานอยู่ตามชายแดน

จักรพรรดิยังคงกังวลเกี่ยวกับเรื่องของซีหลิง ไม่ง่ายเลยกว่าจะชิงความได้เปรียบมาได้ เหยาหวาถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมทายาทจวนชุนอ๋อง กำลังที่จะปล่อยวางเรื่องนี้เพื่อไปแย่งชิงป้ายคำสั่งจากมือของเฟิ่งชิงเฉิน แต่ในตอนนั้น ทุกหัวเมืองกลับส่งจดหมายมาถึงโต๊ะทำงานของเขา

“เกิดน้ำท่วมขึ้นในเขตหนิงฉวน ราษฎรหลายร้อยคนล้มตาย ที่นาจำนวนมากถูกน้ำท่วม จึงขอลดหย่อนและละเว้นภาษี และจัดหาเงินมาเพื่อบรรเทาภัยพิบัติ”

“เมืองอันยากำลังประสบกับภัยแล้ง ฤดูใบไม้ร่วงในปีนี้ไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ จึงขอลดหย่อนและละเว้นภาษี และจัดหาเงินมาเพื่อบรรเทาภัยพิบัติ”

“เมืองอี้เว่ยพังทลายจนไม่อาจพลิกตัว บ้านเรือนพังทลายนับไม่ถ้วน ประชาชนจำนวนมากได้รับบาดเจ็บล้มตายและสูญเสียอย่างหนัก......”

“เขตซานตงเต็มไปด้วยความอดอยาก......”

“เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในซีหนาน......”

......

ทิศตะวันออกเกิดน้ำท่วม ทิศตะวันตกเกิดภัยแล้ง ราษฎรเสียหายหนัก โจรปล้นชุกชุมทั่วพื้นที่ แม้แต่องค์รัชทายาทที่เพิ่งสละตำแหน่งเองก็ยังไม่เว้น เอ่ยปากถึงความยากจน บอกว่าเจียงหนานไม่มั่นคง มีเรื่องราวมากมายในเจียงหนานที่ต้องจัดการ และต้องการงบประมาณจากจักรพรรดิ

จดหมายภัยพิบัติถูกส่งมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดถูกนำมาวางกองไว้บนโต๊ะทำงานของจักรพรรดิ เมื่อเห็นจดหมายเหล่านี้ ดวงตาของจักรพรรดิก็เบิกกว้าง

เขารู้ว่าในแต่ละปีมีภัยพิบัติเกิดขึ้นไม่น้อย แต่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นส่วนใหญ่ก็ปกปิดมันไม่ยอมรายงาน เพราะกลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อหน้าที่ทางการเมือง แต่เวลานี้?

คนพวกนี้ไม่เพียงแต่จะไม่ปิดบังเท่านั้น แต่ยังเอ่ยถึงผลกระทบของภัยพิบัติอย่างชัดเจน แต่ละคนต่างร้องขอเงินจากท้องพระคลัง ไม่คำนึงถึงผลการประเมินในช่วงสิ้นปีที่จะมาถึงเลยแม้แต่น้อย

แค่หนึ่งหรือสองเมืองจักรพรรดิยังพอคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แต่นี่มันเกิดขึ้นพร้อมกันเป็นสิบเมือง หากจักรพรรดิคิดยังคงคิดว่าเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ เขาก็คงไม่ต้องมานั่งอยู่บนตำแหน่งนี้

จะต้องมีคนคอยชักใยอยู่เบื้องหลังเป็นแน่ และจุดประสงค์ของมันก็ชัดเจนในตัวเอง

“เจ้าพวกไม่ได้เรื่อง” จักรพรรดิโยนจดหมายเหล่านั้นทิ้งด้วยความโกรธ เขาสบถออกมา แต่เรื่องราวมันหนักหนากว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก เนื่องจากหลายวันต่อจากนั้น จักรพรรดิยังคงได้รับจดหมายร้องขอความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาภัยพิบัติ

จักรพรรดิกังวล เขารู้ว่านี่จะต้องเป็นฝีมือของหวังจิ่นหลิงเป็นแน่ แต่เขาไม่มีหลักฐาน รายงานเรื่องภัยพิบัติเหล่านี้ มันก็ไม่ได้เกินความเป็นจริงไปทั้งหมด มันมีความจริงมากกว่าหกส่วน เพียงแต่ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่เหล่านั้นไม่เคยรายงานขึ้นมา เนื่องจากต้องการคลายความกังวลให้กับองค์จักรพรรดิ แต่เวลานี้พวกเขากลับรายงานเรื่องราวทั้งหมดมาถึงองค์จักรพรรดิ

ในฐานะผู้มีความรับผิดชอบ เขาไม่สามารถนิ่งดูดายได้ แต่ในท้องพระคลังไม่เหลือเงินอยู่แล้ว ต่อให้เขาคิดจะทำ มันก็ไร้ประโยชน์หากเขาไม่สามารถหาเงินเหล่านี้มาได้

หลายวันที่ผ่านมานี้ จักรพรรดิได้เรียกเสนาบดีมากมายมาเข้าเฝ้า ต้องการให้เสนาบดีออกความเห็นในการแก้ปัญหา แต่เสนาบดีทุกคนเองก็กำลังประสบกับปัญหาอยู่เช่นกัน

นี่จักรพรรดิต้องการแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจังอย่างนั้นหรือ? หรือว่าต้องการลงโทษอย่างหนัก?

ไม่มีใครสามารถควบคุมภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ ก่อนหน้านี้เหล่าเจ้าหน้าที่ช่วยกันหาหนทางในการแก้ปัญหาด้วยตัวเอง แต่เวลานี้พวกเขาไม่สามารถหาหนทางแก้ปัญหาได้ การที่มาหาจักรพรรดิก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว

หลังจากนั้นใต้เท้าไท่เป่าก็ทนดูต่อไปไม่ไหว เห็นจักรพรรดิเครียดจนผมหงอก ใต้เท้าไท่เป่าสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นพูดกับจักรพรรดิเป็นการส่วนตัว ว่าให้คนที่เสนอเรื่องขึ้นมาเป็นคนจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง

ความหมายของมันก็คือ ต้องการให้จักรพรรดิไปหาหวังจิ่นหลิง ให้หวังจิ่นหลิงออกหน้าเพื่อทำให้เจ้าหน้าที่พวกนี้สงบลง ก่อนหน้านี้เคยทำอย่างไร ตอนนี้ก็ทำเช่นนั้นต่อไป ไม่อย่างนั้น......

เงินที่เหลืออยู่ในท้องพระคลังคงหมดสิ้น ลดหย่อนภาษีพวกนี้ ก็อย่าหวังว่าอีกสองสามปีข้างหน้าจะสามารถเก็บกลับคืนมาได้ แถมยังมีปัญหาเรื่องของการทหารอีก......

ในเวลานี้ เรื่องราวทั้งหมดในราชสำนักถูกเปิดเผยต่อหน้าจักรพรรดิ แต่จักรพรรดิกลับไม่สามารถจัดการอะไรได้เลย หากเจ้าหน้าที่ชั้นล่างไม่ทำงานให้กับจักรพรรดิ เช่นนั้นจักรพรรดิก็คงต้องเหนื่อยไปจนตาย......

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ อย่าว่าแต่ไปแย่งชิงแผ่นป้ายคำสั่งจากเฟิ่งชิงเฉินเลย แค่เวลานอนจักรพรรดิยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ