นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1236

เวลาของจักรพรรดิมีจำกัด เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ลังเล ให้ความสำคัญกับอาการขององค์ชายแปดอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดจำเป็นต้องเกิดขึ้นที่จวนเฟิ่ง เนื่องจากในจวนเฟิ่งมีอุปกรณ์ทุกอย่างครบครัน

จักรพรรดิไม่เห็นด้วย บอกว่าหากสิ่งใดที่ไม่มีในพระราชวัง ก็แค่สร้างมันขึ้นมาใหม่ เฟิ่งชิงเฉินกล่าวออกมาด้วยความลำบากใจ “ฝ่าบาท พวกเรามีเวลาไม่พอ”

จักรพรรดิขมวดคิ้ว ดวงตาที่จ้องมองมายังเฟิ่งชิงเฉินของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร

จักรพรรดิไม่ใช่คนโง่ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่านี้คือสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินตั้งใจจะทำให้เกิดขึ้น เมื่อถึงเวลานั้น เขาต้องส่งราชองครักษ์ไปยังจวนเฟิ่งเพื่อปกป้องสนมเอกเซี่ยและองค์ชายแปด เช่นนั้นเขายังจะสามารถลงมือกับเฟิ่งชิงเฉินได้อยู่อีกอย่างนั้นหรือ?

แม้ว่าจักรพรรดิจะยุ่งจนหัวหมุน แต่เรื่องแผ่นป้ายคำสั่งที่อยู่ในมือของเฟิ่งชิงเฉิน ถึงตอนนี้เขายังไม่เคยลืม แผ่นป้ายคำสั่งที่สามารถระดมพลของกองพลทหารเสินจีได้ สำหรับจักรพรรดิแล้วสิ่งนี้มันล้ำค่ามากกว่ากองทัพสนับสนุนอันยิ่งใหญ่ เพียงแต่......

จากการลงมือหลายครั้งที่ผ่านมา ทุกครั้งล้วนประสบกับความล้มเหลว

จักรพรรดิจ้องมองเฟิ่งชิงเฉินด้วยสายตาอันเยือกเย็น เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่ได้หลบตา เผชิญหน้ากับจักรพรรดิด้วยใบหน้าอันนิ่งสงบ สนมเอกเซี่ยที่อยู่ข้าง ๆ มองแล้วก็รู้สึกหวาดกลัว นางเข้าใจจักรพรรดิเป็นที่สุด นางรู้ว่าครั้งนี้จักรพรรดิไม่ยอมเห็นด้วยเป็นแน่

สนมเอกเซี่ยแอบกังวลอยู่ในใจ เห็นจักรพรรดิและเฟิ่งชิงเฉินไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน ดวงตาของสนมเอกเซี่ยสะท้อนแสง น้ำตาของนางไหลออกมา พูดออกมาพร้อมกับร่ำไห้ “ฝ่าบาท ฝ่าบาทได้โปรดเมตตาและเห็นแก่ความน่าสงสารของเสี่ยวปาด้วยเถิด ได้โปรดเห็นใจเขาสักครั้ง ให้แม่นางเฟิ่งได้รักษาเขา ร่างกายของเสี่ยวปาบอบบางโดยเนื้อแท้ ถูกลิขิตให้ไม่สามารถทำสิ่งใดได้ในโลก หากแผลที่ริมฝีปากยังรักษาไม่หาย เมื่อเขาเติบใหญ่ขึ้นมา ท่านว่าเขาจะต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไปบนโลกนี้เช่นไร”

คำพูดของสนมเอกเซี่ยทำให้จักรพรรดิหวั่นไหวเล็กน้อย องค์ชายแปดเกือบจะต้องจากไปเพราะปกป้องเขา เขาไม่อาจปฏิบัติกับองค์ชายแปดอย่างไร้ซึ่งความรู้สึกได้ เพียงแต่......

ให้เขาต้องเดินไปตามแผนการของเฟิ่งชิงเฉิน เขาทำใจไม่ได้จริง ๆ เห็นได้ชัดว่ามันคือกับดักของเฟิ่งชิงเฉิน แต่เขายังกระโดดเข้าไป ในฐานะที่เขาเป็นจักรพรรดิ เรื่องนี้ทำให้เขาคับข้องใจเป็นอย่างมาก

เมื่อเห็นสัญญาณการผ่อนปรนของจักรพรรดิ สนมเอกเซี่ยจึงเดินหน้าต่อไป ร้องไห้พร้อมกล่าวออกมา “ฝ่าบาท เสี่ยวปาเป็นลูกกตัญญู เขาคิดถึงท่านที่เป็นจักรพรรดิตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เพื่อท่านแล้ว เสี่ยวปายอมทนต่อความยากลำบากที่ถาโถมเข้ามา ฝ่าบาท เห็นแก่ความรักที่ท่านมีต่อข้าสักครั้ง เห็นแก่ความรักที่มีต่อเสี่ยวปา ข้าไม่สามารถทนเห็นเสี่ยวปาเป็นเช่นนี้ตลอดไปได้”

คำพูดของสนมเอกเซี่ยช่างมีศิลปะยิ่งนัก อะไรคือคิดถึงจักรพรรดิตั้งแต่อยู่ในครรภ์ นั่นมันหมายความว่า ตอนที่องค์ชายแปดอยู่ในครรภ์ เพื่อปัดเป่าหายนะให้กับจักรพรรดิ สิ่งที่เขาต้องแบกรับก็คือริมฝีปากที่แหว่งอยู่ในขณะนี้

นี่ไม่ใช่เรื่องที่อ้างอิงจากวิทยาศาสตร์เลยแม้แต่น้อย มันเกิดจากการทำนายดวงชะตาของสำนักหอดูดาวหลวง ประกอบกับความบังเอิญที่จักรพรรดิถูกวางยาพิษครั้งที่แล้ว ทำให้จักรพรรดิเชื่อจนสนิทใจ

จักรพรรดิเองก็เป็นมนุษย์ เป็นมนุษย์ย่อมมีจุดอ่อน คำพูดของสนมเอกเซี่ยโจมตีไปยังจุดอ่อนของจักรพรรดิโดยตรง เขารู้สึกละอายใจกับเรื่องขององค์ชายแปด เวลานี้สนมเอกเซี่ยพูดออกมาเช่นนี้ ทำให้ความละอายใจที่เขามีอยู่แต่เดิมฝังลึกลงไปอีก

เฟิ่งชิงเฉินนั่งมองอยู่เงียบ ๆ ในใจแอบคิด ผู้หญิงที่อยู่ในพระราชวังล้วนไม่ธรรมดา ทักษะการแสดงของสนมเอกเซี่ยนั้นยอดเยี่ยม หากได้แสดงละคร นางจะต้องได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมเป็นแน่ หากไม่ใช่เพราะนางรู้ความจริง นางคงสงสัยว่าสิ่งที่สำนักหอดูดาวหลวงทำนายออกมา ทั้งหมดนั้นอยู่ในแผนการของสนมเอกเซี่ย

ท้ายที่สุด จักรพรรดิก็พ่ายแพ้ให้กับการแสดงของสนมเอกเซี่ย เขาตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจ ยอมปล่อยให้องค์ชายแปดไปทำการรักษาที่จวนเฟิ่ง แต่ก่อนที่จะจากไป เขาก็ไม่ลืมหันมามองเฟิ่งชิงเฉินด้วยสายตาอันโหดร้าย

เฟิ่งชิงเฉินก้มหน้าและทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว ทำเหมือนกับว่ามองไม่เห็น

อย่างไรเสียจักรพรรดิก็ไม่กล้าเอาชีวิตของนาง

ทันทีที่จักรพรรดิเดินออกไป สนมเอกเซี่ยก็หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตา ดื่มน้ำไปหนึ่งแก้ว จากนั้นก็ใช้มือปาดแก้มของตนเอง “นับวัน จักรพรรดิยิ่งเริ่มพูดยากขึ้นเรื่อย ๆ”

อ่า......เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเงียบ ๆ นี่เรียกว่ายากอย่างนั้นหรือ เห็นกันอยู่ว่าสนมเอกเซี่ยแค่พูดเพียงไม่กี่คำ แต่ก็สามารถจัดการจักรพรรดิได้อยู่หมัด ไม่แปลกใจเลยที่ว่ากันว่าลมเข้าหูนั้นรุนแรง เป็นอย่างที่พูด หูของผู้ชายนั้นไม่อาจทนต่อคำพูดอันอ่อนโยนและนุ่มนวลของผู้หญิงได้

หลังจากเรื่องราวคลี่คลายลงแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่คิดที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป กล่าวลากับสนมเอกเซี่ยเรียบร้อย เฟิ่งชิงเฉินก็เดินออกจากพระราชวัง นางเห็นตี๋ตงหมิงกำลังวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางเร่งรีบจากทางหน้าประตู ดูจากหน้าของตี๋ตงหมิงก็รู้ได้ว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ