นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1237

สรุปบท บทที่ 1237 ฆาตกร, พลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุด: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สรุปเนื้อหา บทที่ 1237 ฆาตกร, พลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุด – นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

บท บทที่ 1237 ฆาตกร, พลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุด ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย อาช้าย อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

โยงหยิงโหวเติบโตมาจากครอบครัวทหาร เขาไม่เข้าใจในเรื่องของการใช้คำพูด ทันทีที่พูดออกไป สีหน้าของหมอเหล่านั้นก็เปลี่ยนไปทันที ในตอนที่พวกเขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินถือกล่องยาเข้ามา สีหน้าของพวกเขาก็น่าเกลียดขึ้นไปอีกขั้น

“ท่านโหวจะให้แม่นางผู้นี้ทำการรักษาให้ซื่อจื่องั้นหรือ จะกล้าหาญเกินไปหรือไม่” หมอคนหนึ่งมองตรงไปที่เฟิ่งชิงเฉินผ่านปลายจมูกของเขา

“ที่แท้ก็เป็นหมอเฟิ่ง ข้าได้ยินชื่อเสียงหมอเฟิ่งมานานแล้วว่าเป็นหมอที่มีทักษะในการรักษาที่ยอดเยี่ยม แต่ท่านซื่อจื่อได้รับบาดเจ็บสาหัส หมอเฟิ่งคงต้องระมัดระวังให้มาก” หมออีกคนเองก็พูดจาถากถางออกมา

สรุปก็คือ ไม่มีใครชอบใจในตัวของเฟิ่งชิงเฉิน โยงหยิงโหวได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็รู้สึกกังวลขึ้นมาในหัวใจ

แม่นางที่ชื่อเฟิ่งชิงเฉินผู้นี้ จะกล้าดึงมีดออกมาอย่างนั้นหรือ?

เรือนหลัง โยงหยิงโหวฮูหยินได้ยินว่าสามีของตนเองเชิญหมอผู้หญิงคนหนึ่งมาทำการรักษาให้กับลูกชาย นางไม่สนใจว่าในเวลานั้นด้านนอกจะมีผู้ชายอยู่หรือไม่ นางรีบวิ่งออกมาทันใด ทันทีที่เข้ามาก็พูดออกมาว่า “คุณท่าน ชีวิตของจี้เอ๋อร์ไม่ใช่เรื่องตลก หมอหลวงใกล้จะมาถึงแล้ว รอให้หมอหลวงมาถึงก่อนแล้วค่อยจัดการจะดีกว่า แม่นางเฟิ่งเป็นหมอ นางมีความอดทนมากพอ”

คำพูดนี้เป็นการบอกอย่างชัดเจนว่าไม่เชื่อใจในตัวของเฟิ่งชิงเฉิน แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้โกรธ นางมีความรับผิดชอบในคนไข้ของตนเอง แต่หากญาติของคนไข้ไม่เชื่อในตัวนาง ไม่ต้องการให้นางรักษา เช่นนั้นต่อให้คนไข้จะเป็นหรือตายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนาง นางไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบหรือรู้สึกผิดแต่อย่างใด คนที่ทำร้ายผู้ป่วยไม่ใช่นาง แต่เป็นพ่อแม่ของเขา......

แน่นอน ในฐานะหมอคนหนึ่ง แม้จะไม่ได้ทำการรักษา แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ลืมที่จะเตือนญาติของผู้ป่วย แม้จะไม่ได้วินิจฉัยอย่างละเอียดก็ตาม

เฟิ่งชิงเฉินเหลือบมองไปที่โยงหยิงโหวซื่อจื่อ เห็นว่าอีกฝ่ายหายใจลำบากก็รู้ได้ทันทีว่าคงจะทนได้อีกไม่นาน นางจึงเตือนออกมาด้วยความหวังดี “ท่านโหว ท่านซื่อจื่อเสียเลือดมาก จำเป็นต้องทำการรักษาในทันที ท่านโหว ท่านรีบตัดสินใจจะดีกว่า ว่าจะให้ชิงเฉินทำการรักษาหรือไม่?”

“หมอเฟิ่ง เจ้ามั่นใจมากแค่ไหนว่าจะสามารถรักษาลูกชายของข้าได้?” โยงหยิงโหวแค่เคยได้ยินว่าเฟิ่งชิงเฉินมีความสามารถในการรักษาบาดแผลภายนอก แต่เขาไม่เคยเห็นมันด้วยตาของตัวเองมาก่อน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกลังเลใจในเวลาเช่นนี้

เฟิ่งชิงเฉินอายุยังน้อย ในตอนที่เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต หมอหลวงน่าจะพึ่งพาได้มากกว่า แต่หมอหลวงต้องออกมาจากพระราชวัง จำเป็นต้องรอให้พวกเขาเดินทางมา

“มีดอยู่ห่างจากหัวใจเพียงขนาดของเส้นผมเท่านั้น ข้าไม่กล้ารับประกัน แต่หากให้ข้าทำการรักษาในเวลานี้ ข้ามีความมั่นใจประมาณหกส่วน” เฟิ่งชิงเฉินยังคงตอบกลับไปอย่างนิ่งสงบ

นางเป็นหมอไม่ใช่เทพเจ้า ตำแหน่งของมีดมันอันตรายมากเกินไป หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ หมอพวกนี้ก็คงเอามันออกมาแล้ว

“มั่นใจหกส่วน? นายท่าน พวกเรารอหมอหลวงจะดีกว่า อีกอย่างแม่นางเฟิ่งก็ยังอายุน้อย ทักษะในการรักษามีจำกัด” โยงหยิงโหวฮูหยินกล่าวออกมา เน้นย้ำอีกครั้งว่านางไม่เชื่อใจในตัวของเฟิ่งชิงเฉิน

รูปร่างของโยงหยิงโหวฮูหยินดูมีน้ำมีนวล ดวงตาสามเหลี่ยม เห็นได้ชัดว่าเป็นคนชอบพูดจาเหน็บแนม แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้สนใจนาง การที่ญาติของคนไข้มีทัศนคติเช่นนี้ มันเป็นเรื่องที่นางสามารถเข้าใจได้

“ท่านโหว ในช่วงเวลาสองก้านธูป ข้ายังคงมีความมั่นใจอยู่หกส่วน แต่หากหลังจากสองก้านธูป ความมั่นใจของข้าจะเหลือเพียงแค่สามส่วน และสิบห้านาทีหลังจากนั้น ก็ต้องขอโทษด้วยที่ข้าไร้ความสามารถ” เฟิ่งชิงเฉินเลือกที่จะมอบอำนาจในการตัดสินใจให้กับโยงหยิงโหว เห็นโยงหยิงโหวลังเลไม่ยอมพูดอะไร เฟิ่งชิงเฉินก็มั่นใจได้ว่าท่านโหวผู้นี้เองก็ไม่เชื่อใจนาง

เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่ได้อธิบายอะไรออกมามากมาย นางเพียงแค่กล่าวออกมาว่า “ท่านโหว ข้าจะรอท่านอยู่ท่านนอก ได้โปรดรีบตัดสินใจ”

เฟิ่งชิงเฉินหันหลังและเดินจากไป คนที่เหลืออยู่ในห้องต่างมองหน้ากัน

หมอเฟิ่งผู้นี้จะไม่โอหังไปหน่อยงั้นหรือ

ความไม่พอใจปรากฏออกมาจากแววตาของโยงหยิงโหว ตอนแรกเขาก็ไม่ได้เชื่อในทักษะในการรักษาของเฟิ่งชิงเฉินอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะหวังจิ่นหลิงเป็นคนพามา เขาไม่มีทางยอมให้เฟิ่งชิงเฉินเข้ามาทำการรักษา แต่ตอนนี้......

ความมั่นใจเพียงหกส่วนทำให้นางเย่อหยิ่งได้ถึงเพียงนี้ ฮึ......เป็นเพราะเสด็จอาเก้ายอมให้นางมากเกินไปจนเสียนิสัย บางทีทักษะในการรักษาของนางที่ร่ำลือกันอาจจะเป็นเพราะข่าวลือจากปากของเสด็จอาเก้า ผู้หญิงตัวเล็กอายุอย่างน้อยเช่นนี้จะไปมีทักษะในการรักษาที่เก่งกาจได้อย่างไร

เกี่ยวกับทักษะในการรักษาของเฟิ่งชิงเฉิน นอกจากคนที่อยู่ในวงในแล้ว ด้านนอกก็มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ถึงความสามารถของนาง แต่ถึงแม้ว่าจะรู้ พวกเขาก็ปฏิบัติกับเฟิ่งชิงเฉินเหมือนกับหมอหญิงคนหนึ่งเท่านั้น โยงหยิงโหวไม่เห็นนางอยู่ในสายตา มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินเดินออกมา ความประหลาดใจปรากฏขึ้นมาในแววตาของหวังจิ่นหลิง แต่เขาก็เก็บมันอย่างรวดเร็ว เพียงยิ้มและถามออกมาว่า “ทำไมงั้นหรือ? พวกเขาไม่ยอมให้เจ้ารักษา?”

“อ่า......” เหล่าหมอหลวงยังอยากที่จะพูดอะไรออกมา แต่พวกเขาก็ไม่มีโอกาส

“หมอเฟิ่งออกมาแล้ว ขนาดนางยังช่วยไม่ได้ เช่นนั้นพวกเราจะสามารถช่วยได้อย่างนั้นหรือ” หมอหลวงคนหนึ่งที่เห็นเฟิ่งชิงเฉินเดินออกมาเป็นคนกล่าว

“บางทีอาจจะไม่ได้เป็นเพราะช่วยไม่ได้ แต่เป็นเพราะไม่ให้ช่วย มนุษย์นั้นมีความสัมพันธ์กับโชคชะตา พวกเราเข้าไปด้านในก่อนแล้วค่อยว่ากัน” หมอหลวงอีกคนหนึ่งถอนหายใจออกมา เขามีความมั่นใจเป็นอย่างมาก

บาดแผลภายนอก เฟิ่งชิงเฉินมีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก หากแม้แต่เฟิ่งชิงเฉินยังไม่สามารถรักษาได้ เช่นนั้นพวกเขาเข้าไปก็ไร้ประโยชน์ แต่พวกเขามาที่นี่เพื่อคำสั่งอันศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้ไม่มีประโยชน์ก็ต้องเข้าไปเพื่อทำการรักษา

หมอหลวงทั้งสามวิ่งเข้าไปในห้องผู้ป่วย โยงหยิงโหวและฮูหยินเห็นว่าในที่สุดหมอหลวงก็มาถึง พวกเขารู้สึกโล่งใจ รีบออกมาต้อนรับหมอหลวงในทันที หมอที่อยู่ในห้องให้ความเคารพกับหมอหลวงทั้งสามเป็นอย่างมาก ซึ่งแตกต่างจากการต้อนรับเฟิ่งชิงเฉินอย่างสิ้นเชิง

“หมอหลวง ท่านรีบดูเร็ว สามารถรักษาลูกชายของข้าได้หรือไม่” โยงหยิงโหวฮูหยินกล่าวออกมาพร้อมกับน้ำตาบนใบหน้า ช่างน่าสงสารยิ่งนัก

หมอหลวงก้าวมาด้านหน้า เขายังไม่ได้ตรวจชีพจรเลยด้วยซ้ำ แค่มองก็ส่ายหน้าออกมาทันใด “ขอโทษที่ข้าไร้ความสามารถ เตรียมจัดเสียเถิด”

ตุบ......โยงหยิงโหวฮูหยินแทบจะเป็นลม จับมือของหมอหลวงเอาไว้แน่น “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ลูกของข้าต้องไม่เป็นอะไร ขอร้อง ข้าขอร้อง ได้โปรดช่วยรักษาลูกชายของข้าด้วย ต่อให้ข้าคุกเข่าก็ยอม”

พูดจบนางก็คุกเข่าลงต่อหน้าหมอหลวง หมอหลวงท่านนั้นรีบพยุงนางขึ้นมา หมอหลวงที่อยู่ด้านข้างเองทนดูต่อไปไม่ได้ เขาจึงกล่าวแทรกขึ้นมาว่า “เจ้าขอร้องพวกเราไปก็ไร้ประโยชน์ หากจะขอร้องจริง ๆ ก็จงไปขอร้องหมอเฟิ่ง หากนางยอมช่วย ไม่แน่ว่าอาจจะพอมีหนทางรอด”

“หมอเฟิ่ง? หมอเฟิ่งที่ท่านพูดถึงก็คือเฟิ่งชิงเฉินอย่างนั้นหรือ?” โยงหยิงโหวได้ยินเช่นนั้นลูกตาของเขาก็แทบทะลักออกมา เขาเดินโซซัดโซเซราวกับว่าถูกโจมตีอย่างหนัก...... 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ