นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1239

เช้าวันต่อมา สนมเอกเซี่ยและองค์ชายแปดก็เสด็จมายังจวนเฟิ่งภายใต้การคุ้มกันของตี๋ตงหมิง กองทหารเกียรติยศและทหารคุ้มกันเรียงแถวกันยาวเป็นหางว่าว ซึ่งทำให้เฟิ่งชิงเฉินปวดหัวเป็นอย่างมาก ทั้งต้องทุกเข่าและทำความเคารพ ยุ่งอยู่กับการต้อนรับทั้งช่วงเช้า เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเหนื่อยล้ากับการกระทำเช่นนี้เป็นอย่างมาก

นี่ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาผู้ป่วยเลยแม้แต่น้อย แต่มันเป็นการต้อนรับผู้สูงส่งสองท่านเข้ามาในจวน หากไม่ใช่เพราะเฟิ่งชิงเฉินต้องการรักษาความสงบ เฟิ่งชิงเฉินก็คงไม่มีทางยอมให้สนมเอกเซี่ยและองค์ชายแปดมาอยู่ในจวนเฟิ่ง

สนมเอกเซี่ยและองค์ชายแปดดีใจเป็นอย่างมาก ในฐานะนางสนม มันไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ออกมานอกพระราชวังในแต่ละครั้ง และนี่ก็เป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่นางได้ออกมาจากพระราชวัง

ส่วนองค์ชายแปด เมื่อเห็นความครื้นเครงเขาก็แสดงความสุขออกมาด้วยการกระโดดโลดเต้น ดวงตาเล็ก ๆ เปียกชื้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เฟิ่งชิงเฉินที่ได้เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกจั๊กจี้หัวใจ อยากจะเข้าไปอุ้มและหอมสักสองสามครั้ง เพียงแต่......

เมื่อเห็นสาวใช้แปลกหน้าสองคนที่อยู่ข้างกายของสนมเอกเซี่ย เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น พาสนมเอกเซี่ยเข้าไปยังที่พัก บอกให้นางพักผ่อนเป็นเวลาหนึ่งวัน เพื่อจะได้พร้อมสำหรับการผ่าตัดในวันพรุ่งนี้

หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินออกมาจากลาน นางก็ถูกตี๋ตงหมิงขวางทางเอาไว้ ตี๋ตงหมิงลากเฟิ่งชิงเฉินมาที่หัวมุม จากนั้นก็ถามเฟิ่งชิงเฉินออกมาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาเกี่ยวกับเรื่องอาการป่วยของเขา

เฟิ่งชิงเฉินตบหน้าผากของนาง......บ้าที่สุด นางเพียงแค่ส่งจดหมายไปหาปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี แต่ลืมที่จะบอกเรื่องนี้กับตี๋ตงหมิงไปเสียสนิท

“ท่านซื่อจื่อ สถานการณ์ของท่านข้าได้ทำการตรวจสอบแล้ว ปัญหามันอยู่ที่ร่างกายของท่านจริง ๆ มันยากมากที่ท่านจะทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์” แม้จะพูดอยาก แต่มันก็เป็นการพูดที่สุภาพมากที่สุดแล้ว ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ของตี๋ตงหมิง แน่นอนว่ามันทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ได้ยาก

แม้ว่าตี๋ตงหมิงจะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่เมื่อได้ยินความจริงจากปากของเฟิ่งชิงเฉิน หัวใจของเขาก็อดที่จะรู้สึกตกต่ำไม่ได้ ถามออกมาด้วยความหดหู่ “สามารถรักษาได้หรือไม่?”

เกิดเป็นลูกผู้ชาย แต่กลับไม่สามารถสืบเชื้อสายวงศ์ตระกูลได้ เช่นนั้นเขายังเป็นผู้ชายอยู่อีกงั้นหรือ

เฟิ่งชิงเฉินอยากพูดออกไปว่าได้ เพียงแต่......

“ข้าไม่ชำนาญในการรักษาทางด้านนี้ ข้าได้ส่งกรณีของเจ้าไปให้ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเรียบร้อยแล้ว หมอเทวดาชื่อเลี่ยนฉุ่ยและหมอพิษกัวเป่าจี้เองก็อยู่ที่นั่น มีพวกเขาสามคนอยู่ มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” นี่คือการรวมตัวกันของหมอชั้นสูง หากไม่สามารถรักษาอาการให้ตี๋ตงหมิงได้ เช่นนั้นตี๋ตงหมิงก็คงหมดหวังแล้วจริง ๆ เพราะนางเองก็ไม่มีความสามารถในหารรักษาทางด้านนี้

“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” สีหน้าของตี๋ตงหมิงดูดีขึ้น แต่น้ำเสียงของเขายังคงตกต่ำ

เฟิ่งชิงเฉินแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เรื่องเช่นนี้นางไม่รู้จริง ๆ ว่าควรจะปลอบใจตี๋ตงหมิงอย่างไร มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศักดิ์ศรีของผู้ชาย เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากให้ตี๋ตงหมิงเศร้าสร้อยหรือหมกมุ่นไปกับมัน นางจึงเปลี่ยนหัวข้อ

“ท่านซื่อจื่อ ท่านกำลังยุ่งอยู่กับเรื่องการทะเลาะกันระหว่างราชองครักษ์กับองครักษ์เสื้อโลหิตไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงได้มีเวลาว่างมาคุ้มกันสนมเอกเซี่ย?” ตี๋ตงหมิงเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ในการคุ้มกันเมือง ดังนั้นจะใช้คนที่มีภาระหน้าที่ถึงเพียงนี้มาปกป้องเหนียงเหนียงและองค์ชายได้อย่างไร

“อย่าพูดถึงมันเลย” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มันก็ยิ่งทำให้ตี๋ตงหมิงรู้สึกหดหู่ใจมากกว่าเดิม “หลานชายของแม่ทัพอันเหล่า และโยงหยิงโหวซื่อจื่อต่างเสียชีวิตไปหมดแล้ว ทั้งสองตระกูลมีผู้สืบทอดเพียงแค่คนเดียว หลายชายและลูกชายตายไป ทั้งสองตระกูลก็ไร้ซึ่งผู้สืบทอด เวลานี้ทั้งสองคนก่อความวุ่นวายในราชสำนักกันยกใหญ่ ต้องการให้จักรพรรดิชดใช้ให้กับพวกเขา

หัวหน้าขององครักษ์เสื้อโลหิตและราชองครักษ์ต่างร่วมกันรับผิดชอบ พวกเขาถูกปลดจากตำแหน่ง และเหล่าทหารที่เข้าร่วมการต่อสู้ก็ถูกคุมขัง ส่วนข้าก็ถือว่าเป็นผู้โชคร้ายที่ถูกจับเข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่องนี้

ความปลอดภัยของเมืองจักรพรรดิอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของข้า เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา ข้าไม่สามารถเข้าไปในที่เกิดเหตุได้ทันเวลา ทำให้ผู้คนต้องบาดเจ็บล้มตาย ข้าจึงต้องรับผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท่านปู่บอกให้ข้ามอบอำนาจทางการทหารที่อยู่ในมือออกมา หลังจากนั้นก็ลงจากตำแหน่งด้วยตัวเอง เท่านี้......แม่ทัพอันเหล่าและโยงหยิงโหวก็จะไม่มารังควานข้า จักรพรรดิจึงถีบให้ข้ามาคุ้มกันสนมเอกเซี่ยและองค์ชายแปด”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ