นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1245

สรุปบท 1245 โง่เขลา, ซู่ชินอ๋องมาด้วยตัวเอง: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

1245 โง่เขลา, ซู่ชินอ๋องมาด้วยตัวเอง – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง 1245 โง่เขลา, ซู่ชินอ๋องมาด้วยตัวเอง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตี๋ตงหมิงรีบวิ่งออกไปราวกับพายุหมุน ภายใต้การบอกทางของลูกน้อง เขาพบเฟิ่งชิงเฉินที่เดินอยู่แถวห้องผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว รีบพุ่งไปด้านหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน จากนั้นก็รีบกล่าวออกมา “ชิงเฉิน เจ้าจะต้องช่วยข้า!”

“รุนแรงถึงเพียงนั้นเลยงั้นหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินแค่เห็นท่าทางของอีกฝ่ายก็เข้าใจ มอบภาระงานในห้องผู้ป่วยให้กับสาวใช้ที่อยู่ด้านหลัง จากนั้นก็ลากตี๋ตงหมิงออกมาด้านนอก “ที่นี่ไม่สะดวกที่จะคุย พวกเราออกไปคุยกันด้านนอก”

เมื่อมาถึงห้องว่าง เฟิ่งชิงเฉินรินน้ำให้กับตี๋ตงหมิงแก้วหนึ่ง จากนั้นก็พูดปลอบใจออกมาสองสามประโยค เมื่อตี๋ตงหมิงสงบสติอารมณ์ลงได้แล้ว เฟิ่งชิงเฉินจึงถามถึงผลการวินิจฉัยของพวกปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีทั้งสามคน

“เจ้าถูกคนวางยา?” ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยความตกใจ

ตระกูลตี๋มีผู้สืบทอดเพียงคนเดียว แม้ว่าซู่ชินอ๋องจะค่อนข้างเข้มงวดกับตี๋ตงหมิง แต่ก็รักและดูแลราวกับไข่ในหิน ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร

ตี๋ตงหมิงพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพราก “พวกของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีทั้งสามคนต่างพูดออกมาเช่นนี้ มันจะต้องไม่ผิดเป็นแน่ ชิงเฉิน เจ้าว่าข้าควรทำเช่นไรต่อไป?”

“ไม่ต้องรีบร้อน ขอแค่ไม่ได้เป็นมาแต่โดยกำเนิดมันก็มีวิธีการรักษา ถูกวางยา พวกเราแค่รู้ว่าเป็นยาชนิดใด จากนั้นก็ทำยาต้านออกมา แค่นั้นก็รักษาได้แล้ว” เฟิ่งชิงเฉินรีบกล่าวปลอบใจออกมา กลัวว่าตี๋ตงหมิงจะตื่นเต้นและสิ้นหวังมากเกินไป

“ใช่ แค่รู้ว่าถูกวางยาชนิดใดก็พอแล้ว แต่มันก็ผ่านมาตั้งหลายปี ข้าจะรู้ได้อย่างไร พวกปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีบอกว่า ในร่างกายของข้าไม่มีร่องรอยของยาชนิดนั้นหลงเหลืออยู่แล้ว”

เฟิ่งชิงเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวออกมาด้วยใบหน้าจริงจัง “ท่านซื่อจื่อ เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านยังคิดจะปิดบังท่านอ๋องอยู่อีกอย่างนั้นหรือ?”

หากต้องการสืบหาเรื่องที่ตี๋ตงหมิงถูกวางยา เช่นนั้นก็มีแต่ต้องบอกซู่ชินอ๋อง

“ข้า......ท่านปู่เขาร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ข้าไม่อาจให้เขาต้องมีเรื่องทุกข์ใจ” ดวงตาทั้งสองข้างของตี๋ตงหมิงกลายเป็นสีแดง พยายามเป็นอย่างมากเพื่อกลั้นน้ำตาเอาไว้

ท่านปู่ดูแลและห่วงใยเขามาตลอดชีวิต เขาไม่อยากให้ท่านปู่ของเขาต้องการลำบากเพราะเขาในบั้นปลายชีวิต

“ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า แต่เรื่องนี้แค่พวกเราไม่อาจทำอะไรได้ มีเพียงซู่ชินอ๋องเท่านั้นที่รู้ว่าในอดีตมีใครบ้างที่เคยใช้ชีวิตร่วมกับท่าน ท่านซื่อจื่อ เรื่องนี้นั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก ข้าแนะนำให้ท่านไปพูดคุยกับท่านอ๋องให้ชัดเจน ไม่อย่างนั้นการที่พวกเราเอาแต่ปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ก็มีแต่ทำให้เสียเวลาเปล่า”

ด้วยความสามารถของพวกปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีทั้งสามคนยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ายาที่อยู่ในร่างกายของตี๋ตงหมิงคือยาชนิดใด เห็นได้ชัดว่ายาชนิดนี้นั้นสุดยอดแค่ไหน และมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นยาลึกลับที่ใช้กันในเหล่าของราชวงศ์

“ข้าขอคิดให้ดีก่อน” จากนั้นตี๋ตงหมิงก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยความงุนงงราวกลายเป็นก้อนหิน เฟิ่งชิงเฉินเห็นตี๋ตงหมิงในสภาพเช่นนั้นก็ถอยออกมา ปล่อยให้ตรงนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของตี๋ตงหมิง

หลังจากเฟิ่งชิงเฉินออกไป เตรียมตัวที่จะทำงานค้างของตนเองให้สำเร็จ ในตอนที่เดินเข้าไปในห้อง นางก็ได้พบกับซุนซือสิงที่รับหน้าที่ต่อจากนางเดินมาพร้อมกับพวกของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี

ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีไม่ได้จริงจังกับการรักษาตี๋ตงหมิง เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉิน เขาโบกมือทักทายเฟิ่งชิงเฉินอย่างเป็นกันเอง “มานี่เร็ว มานี่เร็ว เจ้าบอกพวกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้าเติมเต็มริมฝีปากที่แหว่งไปได้อย่างไร”

เฟิ่งชิงเฉินมองไปที่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีอย่างไม่สบอารมณ์ ตอนนี้ตี๋ตงหมิงกลัดกลุ้มจนแทบตายแล้ว แต่ทั้งสามคนกลับทำเป็นเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้เฟิ่งชิงเฉินสงสัยว่าที่พวกเขามาที่นี่เพื่ออาการของตี๋ตงหมิงจริง ๆ อย่างนั้นหรือ

แคก แคก......เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องสงสัย พวกเขาทั้งสามเดินทางมาที่นี่เพราะอาการป่วยของตี๋ตงหมิงเป็นแน่ แต่ไม่ได้มาเพื่อทำการรักษา เพียงแค่มาตรวจดูอาการของโรคดังกล่าวด้วยตาของตนเองเท่านั้น

มันก็แค่ไม่สามารถมีลูกได้ มันไม่ใช่โรคที่เป็นอันตรายถึงชีวิต จะรักษาได้หรือไม่ก็เหมือนกัน ยังไงเสียพวกเขาทั้งสามก็ไม่มีใครมีลูก

“ท่านอาจารย์” ซุนซือสิงยิ้มและกล่าวทักทายเฟิ่งชิงเฉิน พร้อมกับนำผลการตรวจที่เพิ่งตรวจเสร็จมารายงานให้กับเฟิ่งชิงเฉินฟัง

เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้า พูดคุยกับซุนซือสิงสองสามประโยค จากนั้นทำการปรับยาตามอาการ อาจารย์และลูกศิษย์สองคนพูดคุยกันราวกับไม่มีใครอยู่แถวนี้ ทำให้พวกของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีหดหู่ใจ แต่......

“ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี หากท่านไม่ได้ยุ่งอะไร เช่นนั้นก็ช่วยข้าตรวจดูอาการขององค์ชายแปดหน่อยได้หรือไม่? เมื่อช่วงเช้าเกิดเรื่องขึ้นกับองค์ชายแปดเล็กน้อย หากมีท่านช่วยไปดูอาการ จักรพรรดิและสนมเอกเซี่ยจะต้องวางใจเป็นแน่” เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงเช้าได้เข้าไปถึงพระราชวังเป็นอันเรียบร้อย เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้กังวลเกี่ยวกับสนมเอกเซี่ย แต่นางกลัวว่าจักรพรรดิจะตำหนินาง

แม้ผู้ลงมือจะเป็นคนของจักรพรรดิ แต่นางก็ไม่อาจผลักดันความรับผิดชอบนี้ออกไปได้

“เจ้ากำลังใช้ข้าเป็นโล่อย่างนั้นหรือ” แค่มองปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีก็เข้าใจ ทำให้เขาหัวเราะออกมาโดยตรง เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้ปฏิเสธ เมื่อพูดคุยกับคนฉลาด มันก็ไม่จำเป็นจะต้องอ้อมค้อม มันจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ

“พวกข้าขอไม่เข้าร่วมแล้วกัน เดินทางมากว่าครึ่งเดือน พวกข้าเองก็รู้สึกเหนื่อยล้าไม่น้อย” ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้ไม่ชอบเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนัก อีกอย่างเรื่องนี้แค่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีคนเดียวก็เกินพอ จะให้พวกเขาทั้งสามคนไปด้วยกัน จักรพรรดิแห่งตงหลิงไม่ได้มีเกียรติถึงเพียงนั้น

“ซือสิง เจ้าพาผู้อาวุโสสองท่านนี้ไปพักผ่อนเสียก่อน” ส่วนเฟิ่งชิงเฉินก็พาปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีไปหาองค์ชายแปด

เหมือนกับที่เฟิ่งชิงเฉินคาดการไว้ เมื่อสนมเอกเซี่ยเห็นเฟิ่งชิงเฉินมาพร้อมกับปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี ดวงตาของนางเป็นประกาย ร่องรอยแห่งความไม่พอใจบนใบหน้าของนางหายไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน

หมอหลวงท่านเห็นปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี พวกเขารู้สึกเลื่อมใสเป็นอย่างมาก เคลื่อนไหวอย่างถ่อมตัว แสดงสีหน้าประจบประแจง พูดคุยกับปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีอย่างระมัดระวัง แต่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีกลับไม่เคยเห็นพวกเขาอยู่ในสายตา

คนกับคนไม่อาจเทียบเทียมกันได้ เฟิ่งชิงเฉินมองไปที่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีด้วยใบหน้าแห่งความอิจฉา สถานะของยุทธจักร คนอย่างนางไม่มีวันเทียบเคียงได้

ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเองก็เป็นคนที่เสแสร้งได้อย่างเป็นธรรมชาติ เขาเดินมาด้านหน้าของสนมเอกเซี่ยอย่างมั่นใจ หลังจากตรวจอาการขององค์ชายแปด เขาก็พูดถึงสภาพทั่วไปออกมาเล็กน้อย ทิ้งใบสั่งยาที่มีไว้เพื่อบำรุงร่างกายขององค์ชายแปดไว้ จากนั้นก็เดินจากไป

สนมเอกเซี่ยขอบคุณเฟิ่งชิงเฉินครั้งแล้วครั้งเล่า หากคนรับใช้ไม่เข้ามารายงานว่าซู่ชินอ๋องเสด็จมา สนมเอกเซี่ยคงไม่มีทางปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินเดินออกไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ