นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1247

สรุปบท บทที่ 1247 เจียงหนาน, ทุกคนต่างอยากไปที่นั่น: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สรุปเนื้อหา บทที่ 1247 เจียงหนาน, ทุกคนต่างอยากไปที่นั่น – นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

บท บทที่ 1247 เจียงหนาน, ทุกคนต่างอยากไปที่นั่น ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย อาช้าย อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ซู่ชินอ๋องเข้าในไปในพระราชวังในค่ำคืนนี้เพื่อทำสิ่งใด พูดคุยอะไรกับจักรพรรดิ แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะไม่รู้ แต่นางก็คาดเดาได้เจ็ดถึงแปดส่วน

เรื่องนี้ค่อนข้างรุนแรง เฟิ่งชิงเฉินคิดไปคิดมา นางกลับไปที่ห้องและเขียนจดหมายหาเสด็จอาเก้า เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กับเสด็จอาเก้าฟัง

ในฐานะที่ซู่ชินอ๋องเป็นอ๋องเพียงคนเดียวที่มีแซ่ต่างจากผู้อื่น ดังนั้นสถานะของเขาค่อนข้างพิเศษ และจักรพรรดิก็ต้องให้เกียรติเขาเป็นอย่างมาก ครั้งนี้มีความเป็นไปได้มากว่าซู่ชินอ๋องจะทะเลาะกับจักรพรรดิ ซึ่งมีความจำเป็นที่เสด็จอาเก้าควรจะได้รับรู้

เฟิ่งชิงเฉินเขียนจดหมายเสร็จก็เรียกสายลับออกมา บอกให้พวกเขานำจดหมายไปส่งถึงมือของเสด็จอาเก้า สายลับรับจดหมายมา พึมพำอยู่ในใจ “เขียนจดหมายวันละฉบับ แม่นางเฟิ่งมีอะไรพูดคุยกับนายท่านมากมายถึงเพียงนั้นเลยงั้นหรือ?”

แต่เมื่อนายท่านได้รับจดหมายจากแม่นางเฟิ่ง เขาจะต้องดีใจมากเป็นแน่

เฟิ่งชิงเฉินเขียนจดหมายเสร็จ จากนั้นก็เดินไปหาชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้ ทั้งสองคนเป็นผู้รับผิดชอบในสำนักศึกษาหมอแห่งเจียงหนาน นางต้องการส่งคนของนางเข้าไปเล่าเรียน แน่นอนว่าต้องกล่าวทักทายทั้งสองคนนั้น

เป็นไปตามที่เฟิ่งชิงเฉินคาดการไว้ เมื่อคนงี่เง่าทั้งสองได้ยินว่าจะมีคนเข้าไปร่วมด้วย พวกเขาดีใจจนไม่อาจควบคุมได้ กัวเป่าจี้ยังดี ยังสงวนท่าทีของตนเองไว้บ้าง แต่ชื่อเลี่ยนฉุ่ยกลับกล่าวออกมาโดยตรงเลยว่า “ไป เจ้ารีบไปพาสองคนนั้นมา พาพวกเขามาให้ข้าดูหน่อย”

บ้าที่สุด......เส้นเลือดสีดำปรากฏบนใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน มองไปที่ชื่อเลี่ยนฉุ่ยอย่างหมดคำพูด “พรุ่งนี้ไม่ได้หรือ?”

ดึกดื่นป่านนี้แล้ว ไม่ใช่ทุกคนจะเหมือนกับพวกเขา ที่ชอบไปไหนมาไหน ทำอะไรในเวลากลางคืนจนเป็นเรื่องปกติ

“ไม่ได้ บอกว่าวันนี้ก็ต้องวันนี้ ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้ข้าอาจจะกลับแล้วก็ได้” ชื่อเลี่ยนฉุ่ยเป็นคนที่ค่อนข้างรับมือยาก ช่วยไม่ได้ เขาพักผ่อนมามากพอแล้วในช่วงเวลากลางวัน ตอนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง และพวกเขาก็ไม่สามารถอยู่เฉย ๆ ได้โดยไม่ทำอะไร

ผู้ชายสองคนนี้ นอนอยู่บนเตียงเฉย ๆ ไม่เป็นหรือไง

กัวเป่าจี้เองก็แสดงความเห็นด้วยออกมา บอกว่าหนุ่มสาวต้องมีแรงบันดาลใจ ไม่อาจใช้ข้ออ้างว่าเป็นยามดึกได้ หลังจากนี้จะเกิดเรื่องราวซับซ้อนมากมายขึ้นในเจียงหนาน มีเรื่องเกิดขึ้นในยามกลางคืนบ่อย ๆ เวลานี้ทำให้คุ้นชินเป็นนิสัยก็ถือเป็นเรื่องดี

ด้วยสาเหตุอันสูงส่งเหล่านี้ คนอย่างเฟิ่งชิงเฉินจะไปทำอะไรได้ นางทำได้เพียงบอกให้องครักษ์ของตนเองเดินทางไปยังตระกูลหวังกับตระกูลหยุน หวังว่าพ่อบ้านของตระกูลหวังและตระกูลหยุนจะยังไม่นอน ไม่อย่างนั้น......

พวกเขาจะต้องตำหนิคนในตระกูลเฟิ่งจนตายเป็นแน่

ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าการคาดเดาของเฟิ่งชิงเฉินนั้นถูกต้อง เนื่องจากคนของจวนเฟิ่งไปหาผู้อื่นในยามกลางคืน ตระกูลหวังและตระกูลหยุนตกใจเป็นอย่างมาก มีคนมากมายถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา ขมวดคิ้วด้วยความงุนงง ไม่อาจปิดบังความไม่พอใจของตนเองได้

ผู้อาวุโสของตระกูลหยุนและตระกูลหวังแต่ก็ตื่นขึ้นมาเช่นกัน แต่ละคนแสดงสีหน้าไม่พอใจ แต่เมื่อได้ยินว่าเป็นคำเชิญของหมอเทวดาชื่อเลี่ยนฉุ่ยและหมอพิษกัวเป่าจี้ ผู้ใหญ่ในตระกูลหยุนและผู้ใหญ่ในตระกูลหวังก็ดีใจเป็นอย่างมาก

ผู้ใหญ่ในตระกูลหยุนพูดกับหยุนเซียวว่า “ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม พวกเราต้องทำให้ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้เป็นหมอที่คอยปรนนิบัติตระกูลหยุนของพวกเราให้จงได้”

หยุนเซียวก้มหน้าพร้อมกับรอยยิ้มอันเยือกเย็น เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ผู้ใหญ่ในตระกูลหยุนคิดว่าหยุนเซียวเห็นด้วยกับความคิดของเขา

พ่อของหวังชียังดี เมื่อได้ยินว่าชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้ต้องการพบหวังชี เขาก็กำชับกับหวังชีทันทีให้ปฏิบัติตัวให้ดีเมื่ออยู่ต่อหน้าของสองคนนั้น น้ำเสียงในการพูดต้องอ่อนน้อม ทางที่ดีที่สุดก็ทำให้พวกเขาสองคนยอมรักษาให้กับหวังชี และเพื่อความปลอดภัย ผู้ใหญ่ในตระกูลหวังยังบอกให้หวังจิ่นหลิงไปเป็นเพื่อนหวังชีด้วย

ระหว่างที่ทุกคนในเมืองหลวงกำลังหลับสนิท รถม้าสองคนจากตระกูลหวังและตระกูลหยุนมุ่งหน้าไปยังจวนเฟิ่งด้วยความเร็ว และไม่ได้สร้างความวุ่นวายให้กับใครอื่น คนที่คอยเคาะไม้บอกเวลาเห็นฉากดังกล่าว ทำให้เขาคิดว่าตนเองได้เห็นรถวิญญาณ

หากเจ้านายยังไม่นอน เช่นนั้นคนรับใช้จะนอนได้อย่างไร?

คนผู้นี้เป็นคนที่มากไปด้วยความรู้!

ไม่เพียงมากไปด้วยความรู้เท่านั้น แต่ยังเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ได้ดี และถ่อมตัวเป็นอย่างมาก เมื่อเผชิญหน้ากับนิสัยอันน่ารังเกียจของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเป่าจี้ หวังจิ่นหลิงอดทนได้ดีเป็นอย่างมาก ใบหน้าของเขายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มตั้งแต่ต้นจนจบ ต่อหน้าดวงตาของคนทั้งสาม เขาสามารถรักษาความสง่างามไว้ได้เป็นอย่างดี

พวกเขาทั้งสี่พูดคุยกันอย่างมีความสุข ตอนแรกปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีและชื่อเลี่ยนฉุ่ยจงใจทำให้หวังจิ่นหลิงลำบากใจ แต่ไม่ว่าคำถามจะยุ่งยากเพียงใด หวังจิ่นหลิงก็สามารถให้คำตอบที่พอใจกับพวกเขาทั้งสองคนได้ แม้ว่าจะไม่ใช่คำตอบที่ชัดเจน แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกผิดแปลกแต่อย่างใด

ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินรู้จักกับหวังจิ่นหลิง หวังจิ่นหลิงก็ได้ชื่อว่าเป็นคุณชายใหญ่ของทั่วทั้งใต้หล้า สำหรับความรู้ที่หวังจิ่นหลิงมีอยู่ เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้สัมผัสอะไรกับมันมากนัก

ในฐานะบัณฑิตที่ได้รับการชื่นชมจากคนทั่วทั้งใต้หล้า แน่นอนว่าความสามารถของหวังจิ่นหลิงนั้นเป็นของจริง แต่เมื่อได้มาเห็นทั้งสี่คนพูดคุยกันในวันนี้ เฟิ่งชิงเฉินถึงได้รู้ว่าความรู้ของหวังจิ่นหลิงนั้นมากมายและกว้างขวางเพียงใด และมันล้ำลึกมากแค่ไหน

ไม่ว่าพวกของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีทั้งสามคนจะพูดอะไรออกมา หวังจิ่นหลิงสามารถให้คำตอบกับพวกเขาได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวรรณกรรม ดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ หรือประเพณีมนุษยนิยม รวมถึงเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่เพียงแค่นั้น หวังจิ่นหลิงยังมีความเชี่ยวชาญในด้านการอภิปรัชญาที่รุนแรงทุกประเภทและฮวงจุ้ยอีกด้วย

ความสามารถเช่นนี้ ความรู้เช่นนี้ หากคนจะไม่นับถือก็คงจะไม่ได้ เฟิ่งชิงเฉินอยากจะผ่าสมองของหวังจิ่นหลิงออกมาดูว่าด้านในนั้นมีอะไรอยู่บ้าง และมีสิ่งใดบ้างที่หวังจิ่นหลิงไม่รู้หรือไม่สามารถให้คำตอบได้......

แต่น่าเสียดายที่เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ถามคำถามนั้นกับหวังจิ่นหลิง ถามว่ามีอะไรที่เขาไม่รู้ หากเฟิ่งชิงเฉินถามออกไป หวังจิ่นหลิงจะต้องตอบเฟิ่งชิงเฉินกลับมาเป็นแน่ว่า เขาไม่เข้าใจเรื่องของความรัก

หากเขาเข้าใจมัน เขาคงไม่มีทางพ่ายแพ้ให้กับเสด็จอาเก้าเป็นแน่!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ