นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1250

สรุปบท บทที่ 1250 หงุดหงิด, นี่ไม่เหมือนกับที่ตนเองเป็น: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 1250 หงุดหงิด, นี่ไม่เหมือนกับที่ตนเองเป็น – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1250 หงุดหงิด, นี่ไม่เหมือนกับที่ตนเองเป็น จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ซื่อเฉิงไม่ได้นั่งอยู่บนหลังม้าและมองลงมาอย่างเย่อหยิ่ง แต่เขาลงมาจากหลังม้า จากนั้นก็เดินเข้ามา ยืนอยู่ตรงด้านหน้าของเสด็จอาเก้า รักษาระยะห่างจากเสด็จอาเก้าพอสมควร

ดวงตาทั้งสี่จ้องประสานกัน ใบหน้าของเสด็จอาเก้านิ่งสงบ แต่มือที่ถือดาบอยู่ด้านหลังกระชับขึ้นเล็กน้อย รูม่านตาของซื่อเฉิงดึงตัว รู้สึกได้ถึงเหงื่อเย็นที่ไหลออกมาจากด้านหลัง

ทั้งสองคนยืนเงียบอยู่กลางสนามรบ ทหารคนสนิทและสายลับของเสด็จอาเก้าต่างเฝ้ามองฉากที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีใครก้าวออกมาด้านหน้าแม้แต่คนเดียว

พวกเขาเชื่อใจในตัวนายท่านของตนเอง

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เสด็จอาเก้ายังคงอยู่ในตัวตนที่สูงส่ง จู่ ๆ ซื่อเฉิงก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง “แม่ทัพซื่อเฉิงคารวะเสด็จอาเก้า ขอให้พระองค์อายุยืน พันปี พัน พันปี”

“อ่า” เสด็จอาเก้าตอบรับอย่างมีศักดิ์ศรี มือที่ถือดาบด้านหลังเขาก็คลายลง จิตสังหารที่อยู่รอบกายของเขาก็สงบลงไม่น้อย

ท่าทางของเสด็จอาเก้าทำให้ซื่อเฉิงรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขาค่อย ๆ สลัดเหงื่อบนฝ่ามือ ซื่อเฉิงลุกขึ้นมาด้วยความยากลำบาก การคุกเข่าตอนที่สวมชุดเกราะนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนลุกขึ้นยืนก็เป็นเรื่องยากเช่นกัน ในตอนที่ลุกขึ้นมา ร่างกายของซื่อเฉิงสั่นไหวเล็กน้อย แต่มันก็เป็นจังหวะที่เสด็จอาเก้าเบือนหน้าหนี

นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน

ซื่อเฉิงกล่าวขอโทษด้วยความเคารพ “ข้าไม่ทราบว่าเสด็จอาเก้าอยู่ที่นี่ เข้าใจผิดจนเกือบทำให้เสด็จอาเก้าได้รับบาดเจ็บ เสด็จอาเก้าได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย”

“แม่ทัพหนุ่มซื่อปฏิบัติตามคำสั่ง จะมีโทษได้อย่างไร” ซื่อเฉิงต้องการปกปิดความจริงเรื่องนี้เอาไว้ แต่เสด็จอาเก้าไม่ยอมปล่อยเขาไป ต้องการให้ซื่อเฉิงเปิดเผยเหตุผลการลงมือที่แท้จริงออกมา

เสด็จอาเก้ากล่าวอย่างไม่เร่งรีบ ไม่ได้แสดงความรู้สึกใด ๆ แต่ซื่อเฉิงกลับรู้สึกได้ถึงความเย้ยหยัน ซื่อเฉิงจึงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ขอบคุณเสด็จอาเก้าที่ไม่ทรงโกรธหรือลงโทษข้า ข้าสังหารองครักษ์ของเสด็จอาเก้าไปโดยไม่ตั้งใจ เสด็จอาเก้ายินดีที่จะให้ข้าทำการคุ้มกันเสด็จอาเก้าหรือไม่”

นี่คือความหวังดีของตระกูลซื่อ แต่เสด็จอาเก้ากลับปฏิเสธออกไปโดยไม่คิด “ไม่จำเป็น แม่ทัพหนุ่มซื่อรับคำสั่งมาจากองค์จักรพรรดิ ข้าไม่อยากทำให้ท่านต้องเสียเวลา”

การนำกองทัพขนาดใหญ่ถึงเพียงนี้เดินทางไปยังหนานหลิง มันเป็นเรื่องที่ดูเย่อหยิ่งเกินไป ระหว่างทางคงมีคนสนใจไม่น้อย

ซื่อเฉิงยังคงไม่ท้อแท้ เขาพูดต่อออกมาว่า “เสด็จอาเก้า รอบกายของท่านไม่มีใครคอยคุ้มกัน ข้าคิดว่าให้ทหารม้าสิบแปดแห่งตระกูลซื่อไปส่งท่านอ๋องจะดีกว่าหรือไม่?”

เสด็จอาเก้าไม่ได้พูดอะไร เขาจ้องมองไปยังซื่อเฉิงด้วยสายตาอันเยือกเย็น ราวกับกำลังบอกว่า ตระกูลซื่อของเจ้ากำลังคิดจะทำอะไรกันแน่?

ซื่อเฉิงเองก็ไม่ได้พูดอะไร ก้มหน้าอยู่กับความเงียบ เห็นเสด็จอาเก้าไม่เห็นด้วย ซื่อเฉิงจึงกล่าวออกมาอีกครั้ง “เสด็จอาเก้าโปรดวางใจ ทหารม้าสิบแปดแห่งตระกูลซื่อไม่มีทางทำอันตรายท่านเป็นแน่ ระหว่างช่วงระยะเวลาที่คุ้มกันท่าน ทหารม้าสิบแปดแห่งตระกูลซื่อจะฟังแค่เพียงคำสั่งของท่านเท่านั้น”

การแสดงน้ำใจไมตรีจิตโดยที่ไม่มีสิ่งใดติดค้างกัน มันจะต้องมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องเป็นแน่ เสด็จอาเก้ามั่นใจว่าตนเองไม่เคยมีความสัมพันธ์ใด ๆ กับตระกูลซื่อ การที่ตระกูลซื่อมี “จิตเมตตา” ให้ถึงเพียงนี้ มันทำให้เสด็จอาเก้าไม่เข้าใจจริง ๆ

ไม่เข้าใจก็คือไม่เข้าใจ แต่เสด็จอาเก้าก็ไม่ได้ถามมันออกมาแต่อย่างใด เขาเพียงจ้องมองไปที่ซื่อเฉิงอย่างลึกซึ้ง จากนั้น.....เขาก็ตอบรับทหารม้าสิบแปดแห่งตระกูลซื่อไว้

ดังนั้น แผนการลอบสังหารของจักรพรรดิไม่เพียงแต่จะล้มเหลวเท่านั้น แต่เสด็จอาเก้ายังได้ทหารม้าสิบแปดที่เก่งกาจแห่งตระกูลซื่อเข้ามาร่วมเดินทางในฐานะองครักษ์ส่วนตัวอีกด้วย

หลังจากพูดคุยกันเล็กน้อย เสด็จอาเก้าก็พาทหารม้าสิบแปดแห่งตระกูลซื่อออกเดินทาง ทหารม้าสิบแปดแห่งตระกูลซื่อเต็มไปด้วยความเงียบงัน นอกจากปกป้องเสด็จอาเก้า พวกเขาก็ไม่สนใจเรื่องใดทั้งนั้น

ในคืนนั้น ตอนที่เสด็จอาเก้ากำลังสั่งให้ลูกน้องของตนไปสืบหาจุดประสงค์ของตระกูลซื่อ แต่เขายังไม่ทันได้ถ่ายทอดคำสั่งออกไป เขาก็ได้รับจดหมายจากเฟิ่งชิงเฉินเสียก่อน

เนื้อความในจดหมายมีไม่มาก ประโยคสำคัญมีเพียงแค่ประโยคเดียว “ซู่ชินอ๋องบุกเข้าไปในพระราชวัง สร้างความวุ่นวายให้กับจักรพรรดิ”

“ซู่ชินอ๋องลงมือได้รวดเร็วทันใจเสียจริง” เสด็จอาเก้าไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่เขาตกใจก็คือ อาการของตี๋ตงหมิงเลวร้ายถึงเพียงนั้นเลยงั้นหรือ แม้แต่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยียังต้องใช้ระยะเวลาสามถึงห้าปีในการรักษา

เสด็จอาเก้าส่ายหน้า ไม่ได้เก็บจดหมายฉบับนี้ไว้ เขาเผามันโดยตรง ส่วนคำสั่งที่จะให้คนไปสืบเกี่ยวกับเรื่องตระกูลซื่อ เสด็จอาเก้าก็หยุดมันเอาไว้ก่อน

เวลานี้เขาพอจะเข้าใจมันบ้างแล้ว

และในตอนที่จดหมายฉบับที่สามถึงมือของเสด็จอาเก้า ในที่สุดเสด็จอาเก้าก็มั่นใจ ทั้งหมดที่ตระกูลซื่อทำไปนั้นไม่ได้มีสิ่งใดแอบแฝง

“ซู่ชินอ๋องช่างเด็ดขาดยิ่งนัก” เลี้ยงทหารส่วนตัวไว้ตั้งหลายปี คิดจะมอบให้คนอื่นก็มอบให้ แถมยังมอบมันให้กับเฟิ่งชิงเฉิน นี่ไม่ได้บ่งบอกถึงการเปิดศึกกับจักรพรรดิโดยชัดเจนอย่างนั้นหรือ

ส่วนเรื่องที่ตนเองเผชิญหน้ากับอันตราย เสด็จอาเก้าไม่ได้เอ่ยถึงแม้แต่คำเดียว เขากำชับให้เฟิ่งชิงเฉินดูแลเรื่องความปลอดภัยของตนเองให้ดี อีกไม่นานสงครามระหว่างตงหลิงกับซีหลิงจะเริ่มขึ้นแล้ว หากไม่มีความจำเป็นก็อย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องของทั้งสองประเทศ แต่หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็ให้ติดต่อกับชุยห้าวถิง

น้องสาวของชุยห้าวถิงกำลังจะแต่งงานกับเทียนอวี่ เพื่อประโยชน์ของตระกูลชุยเอง เขาไม่มีทางปล่อยให้ผลประโยชน์ของเขาดำเนินอยู่บนความเสี่ยงเป็นแน่

เมื่อลองคำนวณเวลา จั่วอั้นและโต้วโต้วก็ใกล้จะกลับมาถึงแล้ว ตอนแรกเสด็จอาเก้าก็อยากจะเล่าเรื่องของจั่วอั้นและโต้วโต้วในซีหลิงให้กับเฟิ่งชิงเฉินฟัง แต่เมื่อลองนึกดูแล้วว่าเรื่องนี้นั้นสำคัญเป็นอย่างมาก เมื่อถึงเวลา ให้จั่วอั้นเป็นคนเล่าให้เฟิ่งชิงเฉินฟังโดยตรงคงจะดีกว่า

แค่เลี้ยงเด็กเพียงคนเดียว สำหรับพวกเขาแล้วมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

เสด็จอาเก้าเขียนอย่างกระชับและรัดกุม แม้ว่าจะมีเรื่องราวมากมาย แต่เขาก็สามารถเขียนลงไปได้ในกระดาษแผ่นเดียว เมื่อเห็นพื้นที่ว่างเปล่า เสด็จอาเก้าก็ไม่คิดอะไรทั้งนั้น เขาหยิบพู่กันขึ้นมาอีกครั้งแล้วเขียนไปว่า “ความคิดถึงอันแสนยาวไกล ความคิดถึงอันแสนยาวไกล เฝ้ารอคืนวันที่หวนกลับมา เฝ้ารอค่ำคืนที่ได้พบเจอ ใน......”

เขียนถึงตรงนี้ จู่ ๆ เสด็จอาเก้าก็หยุดมือของเขา ใบหน้าของเขาดูหงุดหงิดเล็กน้อย จากนั้นก็เขาก็ขีดฆ่าข้อความเหล่านั้นไป

เขาจะทำตัวเหมือนกับชายหนุ่มที่เขียนบทกวีอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้อีกได้อย่างไร การกระทำเช่นนี้มันช่าง......

มันไม่เหมือนเขาเอาเสียเลย!

เพื่อไม่เปิดโอกาสให้กับความลังเลของตนเอง เสด็จอาเก้าขีดฆ่ากวีทั้งบท จากนั้นก็ปิดผนึกซองจดหมายโดยตรง

“เอาไปส่ง!” น้ำเสียงเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก

สายลับตื่นตัวขึ้นมาทันใด นายท่านช่างน่ากลัวยิ่งนัก!

สายลับรับจดหมายฉบับนั้นและหายตัวไปในพริบตา ไม่กล้ารอช้าแม้แต่เสี้ยววินาที!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ