จวนเฟิ่งมีชีวิตชีวามากขึ้น แม้ว่าผู้ดูแลจวนช่วงจะยุ่งมากก็ตาม ยุ่งแต่ก็มีความสุข สภาพจิตใจก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ มีเสียงหัวเราะทุกวัน จวนเฟิ่งเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
เนื่องจากการมาถึงของท่านปรมาจารย์กู่,ชื่อเหลียนสุ่ยและกัวเป่าจี้, หยุนเซียวและ หวังฉีเพื่อเข้ามาอาศัยอยู่ในจวนเฟิ่ง พวกเขาล้วนมีเหตุผลที่ดี หยุนเซียวกล่าวว่าเขาโน้มน้าวให้ ชื่อเหลียนสุ่ยและกัวเป่าจี้ หวังฉีบอกว่าท่านปรมาจารย์กู่กำลังช่วยเขาฟื้นฟูร่างกาย และเรื่องที่เจียงหนานทุกคนก็มีความเข้าใจไปโดยปริยายที่จะไม่บอกใครในเรื่องนี้
หลังจากที่องค์ชายซูกลับมาพระราชวังในวันนั้น ก็ไม่ไปไหนอีกเลย ตี๋ตงเหมินก็ได้รับเรื่องที่ให้ต้องจัดการ องค์ชายซูถูกลดตำแหน่งให้เป็นสามัญชนคนธรรมดา คนอื่น ๆ มาคุ้มกันสนมเอกเซี่ยและองค์ชายแปด ญาติพี่น้องทั้งหมดล้วนมาที่จวนเฟิ่งเพื่อรับประทานอาหารกัน
เมื่อเห็นจวนเฟิ่งมีชีวิตชีวา ในตอนกลางคืนผู้ดูแลจวนก็แอบร้องไห้อย่างเงียบ ๆ ในที่สุดความโกรธแค้นในจวนก็น้อยลง และมันก็ไม่ได้ถูกทิ้งร้างอีกต่อไป
แต่เมื่อมีคนจำนวนมากและสิ่งต่าง ๆ จึงมีความวุ่นวายจึงไม่เหมาะกับสนมเอกเซี่ยที่จะอาศัยอยู่ในจวนเฟิ่ง ในตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินกำลังพูดคุยกับสนมเอกเซี่ยและขอให้ สนมเอกเซี่ยกลับพระราชวังก่อน เธอจะเข้าวังทุกวันเพื่อไปตรวจดูองค์ชายน้อยด้วยตนเอง
สนมเอกเซี่ยคิดอยู่นาน เลือกปฏิเสธที่จะตกลง เฟิ่งชิงฉฺน รู้ว่าสนมเอกเซี่ยต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อทำความรู้จักกับปรมาจารย์กู่และขอให้เขาช่วยนางดูแลองค์ชายแปดหรือตัวนางเอง
เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้พูดแนะอะไรถึงความต้องการของนางสนมเซี่ย เธอไม่ได้บอกนางสนมเอกเซี่ยว่าไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากท่านปรมาจารย์กู่ได้แล้ว เป็นเรื่องยากที่ปรมาจารย์กู่จะให้ใบสั่งยาให้กับองค์ชายแปดอีก
เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจความคิดของสนมเอกเซี่ยและรู้ว่าทุกสิ่งที่นางทำไม่ได้เป็นอันตรายและเป็นเพียงเพื่อประโยชน์ขององค์ชายแปดเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้น ไม่ควรโลภจนเกินไป ท่านปรมาจารย์กู่ได้สั่งยาสำหรับเจ้าชายแปดไปแล้ว ถ้าต้องการให้ ปรมาจารย์กู่ทำอีกครั้ง มันจึงเป็นไปไม่ได้
หลังจากหว่านล้อมสนมเอกเซี่ยแล้ว ไม่เกิดประโยชน์ เฟิ่งชิงเฉินก็บอกปรมาจารย์กู่ให้หาทางที่จะพานางสนมเอกเซี่ยออกไป เดิมทีเธอพาสนมเอกเซี่ยและองค์ชายแปดมาที่จวนของเธอเพื่อให้พวกเขาปลอดภัย แต่ตอนนี้.....
ด้วยปรมาจารย์กู่และคนอื่น ๆ ที่นี่ มีผู้ชายต่างอาณาจักรมากเกินไปและไม่เหมาะหากสนมเอกเซี่ยที่จะอาศัยอยู่ในจวนเฟิ่ง หากเกิดอะไรขึ้น นางจะไม่ใช่คนเดียวที่จะเดือดร้อน
“เรื่องนี้ปล่อยเป็นหน้าที่ข้าเถอะ ” หวังจินหลิงตอบรับเรื่องนี้ทันที ปรมาจารย์กู่คิดว่าหวังจินหลิงกำลังช่วยเหลือเขา ดังนั้นเขาจึงบอกว่าหวังจินหลิงเป็นคนดี หวังจินหลิงไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม ปรมาจารย์กู่จึงเข้าใจผิด....
ในไม่ช้า พระราชโองการของจักรพรรดิก็ลงมา จักรพรรดิเรียกสนมเอกเซี่ยและองค์ชายแปดกลับไปที่พระราชวัง หลังจากที่สนมเอกเซี่ยได้รับพระราชโองการของจักรพรรดิ นางก็ตกตะลึง นางรีบมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินที่ด้านหลังนาง และมองใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินที่มีท่าทางสงบ ในสายตาเต็มไปด้วยความห่างเหินและความเฉยเมย
สนมเอกเซี่ยสะดุ้ง และหลังของนางก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อทันที มองในดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกผิด ไม่สบายใจ และขอโทษ เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจหันหลังกลับก่อนจะเดินจากไป
ก่อนที่สนมเอกเซี่ยจะจากไป นางมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินและขอโทษเฟิ่งชิงเฉินอย่างจริงใจ: “ชิงเฉิน ข้าขอโทษ” ในฐานะแม่ นางแค่อยากให้เสี่ยวปา(องค์ชายแปด)ดีขึ้น ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่นางจะทำเรื่องต่างๆมากเกินพอดีไปหน่อย
“คำพระสนมหนักแน่น พระสนมทรงมีหัวใจของความเป็นแม่ และองค์ชายแปดจะเข้าใจอย่างแน่นอน” ท่าทางเฟิ่งชิงเฉิน เย็นชาและไม่แยแส ไม่เป็นมิตรเหมือนเมื่อก่อน
เธอคิดว่าทำเพื่อองค์ชายแปดทำมามากพอแล้ว หากเธอไม่ได้พาท่านปรมาจารย์กู่มา สนมเอกเซี่ย คงไม่มีทางได้รับใบสั่งยาจากปรมาจารย์กู่แน่ในชีวิตนี้
หลังจากที่ได้เห็นสนมเอกเซี่ยและทหารยามหลายคนจากไปแล้ว ทุกคนในจวนเฟิ่ง ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เฟิ่งชิงเฉินก็มีความสุขมากเช่นกัน เธอโบกมือบอกว่าเธอจะนำเหล้าที่เธอปรุงก่อนหน้านี้ออกมา ทำให้คืนนี้ทุกคนคาดว่าไม่เมาไม่กลับอย่างแน่นอน
กลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในจวนเฟิ่ง ยกเว้นองค์ชายซูต่างเห็นด้วยอย่างบ้าคลั่งกันหมด ชื่อเหลียนสุ่ยดูหมิ่นเฟิ่งชิงเฉินที่ตระหนี่ พวกเขาอยู่ที่นี่มานาน แต่พึ่งคิดที่จะเลี้ยงพวกเขาด้วยอาหารและเครื่องดื่มดีๆ
แม้ว่าตี๋ตงเหมินจะรู้สึกหดหู่เล็กน้อยด้วยเหตุผลทางสภาพร่างกาย แต่เขาได้ยิน เฟิ่งชิงเฉิน พูดว่าปรมาจารย์กู่ทั้งสามเต็มใจที่จะรักษาเขา ตราบใดที่เขาไปที่เจียงหนาน พร้อมกับปรมาจารย์ทั้งสาม ใช้เวลาปรับร่างกายสามถึงห้าปี แม้เขาจะต้องทิ้งลูกหลานไป ความรู้สึกครึ่งหนึ่งตี๋ตงเหมินไม่มีความสุขเลยแต่อีกครึ่งเขามีความสุขมากเพราะเขากำลังจะออกจากเมืองหลวงไป
ตี๋ตงเหมิน, หยุนเซียวและหวังฉีมารวมตัวกันทุกวันในช่วงนี้ และทั้งสามคนก็คุยกันเรื่องการไปที่เจียงหนาน เมื่อองค์ชายซู เห็นรอยยิ้มร่าเริงของหลานชาย เขาไม่ได้แสดงออกบนใบหน้าแต่เขามีความสุขมากในใจ
แม้ว่าเขาจะออกจากเมืองหลวงและไปที่เจียงหนาน เพื่อเห็นแก่กองทหารส่วนตัวมากกว่าหนึ่งหมื่นนาย เสด็จอาเก้าจะไม่ลงโทษตงหมิงรุนแรง
ด้วยบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาเช่นนี้ จะไม่เชิญซูเหวินชิงได้อย่างไร เฟิ่งชิงเฉิน ขอให้ผู้ดูแลจวนเขียนข้อความถึงซูเหวินชิงแต่ซูเหวินชิงไม่เพียงมาเท่านั้น แต่ยังมีที่อะไรแอบที่ด้านท้ายมาด้วย - ซูเหวินหัง
ซูเหวินหัง ซึ่งเป็นแอบมองเฟิ่งชิงเฉินเป็นครั้งคราว เมื่อเฟิ่งชิงเฉินสังเกตเห็น ก็รีบเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างเขินอาย
“แรงกดดันเสด็จอาเก้ามากจริงๆ”หยุนเซียวพูดอย่างไม่สุภาพนัก แต่หวังจินหลิงกลับยิ้มและไม่พูดอะไร....
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...