นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1264

สรุปบท บทที่ 1264(2) เอาเปรียบ, อารมณ์แห่งความคิดถึง: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 1264(2) เอาเปรียบ, อารมณ์แห่งความคิดถึง – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1264(2) เอาเปรียบ, อารมณ์แห่งความคิดถึง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

จักรพรรดิแห่งหนานหลิงออกพระราชโองการให้กับตนเอง แต่เสด็จอาเก้ากลับไม่ให้เกียรติเขาเลยแม้แต่น้อย แน่นอนว่าเขาต้องโกรธ เขาทิ้งเสด็จอาเก้าไว้ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนั้น และจากไปโดยไม่บอกกล่าว

“ท่านอ๋อง เห็นได้ชัดว่าหนานหลิงต้องการสังหารพวกเรา หรือว่าพวกเราจะต่อสู้กับพวกเขาในที่แห่งนี้อย่างนั้นหรือ?” ตอนแรกทหารคนสนิทก็ยังพอทนไหว แต่เมื่อผ่านไปแล้วเจ็ดแปดวัน ก็ไม่เห็นว่าหนานหลิงจะส่งคนมารับ ดังนั้นจึงเห็นได้เลยว่าจักรพรรดิแห่งหนานหลิงนั้นต้องการทำให้พวกเขาอับอาย

“จะรีบร้อนไปทำไม” ใบหน้าของเสด็จอาเก้าเต็มไปด้วยความเงียบสงบ ไม่ใส่ใจกับการเคลื่อนไหวของหนานหลิงเลยแม้แต่น้อย

มาถึงหนานหลิงแล้ว คิดจะกลับไปคงไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนนี้การต่อสู้ระหว่างตงหลิงกับซีหลิงได้เริ่มขึ้นแล้ว ต่อให้เขากลับไปยังตงหลิง เขาก็ทำอะไรได้ไม่มากอยู่ดี

“ท่านอ๋อง พวกเราไม่สามารถทนการสิ้นเปลืองได้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ใบหน้าของทหารคนสนิทเต็มไปด้วยความยากลำบาก เขาแอบคิดอยู่ในใจว่า : ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องกับแม่นางเฟิ่งมีเรื่องผิดใจกันไม่ใช่หรือ เหตุใดท่านอ๋องจึงไม่รับกลับไปอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้กับแม่นางเฟิ่งเข้าใจ

เสด็จอาเก้าไม่สนใจคำพูดของทหารคนสนิท เขาถามกลับไปว่า “ตอนนี้ทหารม้าทมิฬอยู่ที่ไหน?”

“อีกสามวันจะไปถึงชายแดนระหว่างตงหลิงกับซีหลิง” เมื่อพูดถึงทหารม้าทมิฬ จิตวิญญาณของทหารคนสนิทก็สั่นคลอน

เขาลืมไปได้อย่างไรว่าในมือของพวกเขายังมีทหารม้าทมิฬอยู่ ด้วยความแข็งแกร่งของทหารม้าทมิฬ การเดินทางครั้งนี้ของพวกเขาไม่มีทางเป็นอันตรายถึงชีวิต

“นำนามบัตรของข้าไปขอพบกับหนานหลิงจิ่นสิง บอกให้เขาหาพาทหารม้าทมิฬเข้ามาในหนานหลิงให้ได้” เสด็จอาเก้าหลับตาลง ท่าทางของเขาดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าระยะเวลาเจ็ดแปดวันที่เขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ เขาไม่ได้ทำตัวให้ว่างเลยแม้แต่น้อย

ในเมื่อมาถึงหนานหลิงแล้ว เขาก็ต้องมีเหตุผลที่จะอยู่ที่นี่ แน่นอนว่าเขาต้องการสร้างสถานการณ์ในหนานหลิง หนานหลิงไม่ได้ดีไปกว่าซีหลิง ในหนานหลิงเขาไม่ได้มีเพียงแค่องครักษ์เสื้อแพรเท่านั้น แต่ยังมีซีหลิงเทียนอวี่และผู้อาวุโสหยินหลี่คอยให้ความช่วยเหลือ

ในหนานหลิง เขามีเพียงแค่สายลับธรรมดาเท่านั้น ส่วนในตอนนั้น ส่วนใหญ่ก็จะยกให้หนานหลิงจิ่นสิงเป็นคนจัดการ หลายปีที่ผ่านมาก็ถูกหนานหลิงจิ่นสิงกลืนกินไปหมดแล้ว แม้จะไม่ถูกกลืนกิน เขาก็ไม่เลือกที่จะหยิบคนพวกนั้นมาใช้งาน

แน่นอน คนที่เสด็จอาเก้ามอบให้หนานหลิงจิ่นสิงในตอนนั้นเป็นเพียงแค่ขุนนางที่เขาซื้อมาจากหนานหลิง ส่วนคนที่เขาไว้วางใจ เขาไม่มีทางมอบให้กับหนานหลิงจิ่นสิงเป็นแน่

ทหารคนสนิทรู้ว่าเสด็จอาเก้ามีแผนอยู่ในใจ เขาจึงไม่ได้ถามอะไรมากมาย หยิบนามบัตรดังกล่าวแล้วเดินออกไปปฏิบัติตามคำสั่ง เขาแอบภาวนาอยู่ในใจ หวังว่าเสด็จอาเก้าจะจัดการเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในหนานหลิงอย่างรวดเร็ว และสามารถพาพวกเขาเดินทางกลับตงหลิงอย่างปลอดภัยในเร็ววัน

ใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดน แม้ข้างกายจะมีองครักษ์ที่แข็งแกร่งคอยให้การคุ้มกัน แต่ในใจกลับไม่มีความสุข ดินแดนแห่งนี้ช่างไม่น่าอยู่เสียจริง

ทหารคนสนิทอย่างจะกลับไปยังเมืองจักรพรรดิโดยเร็ว แต่เสด็จอาเก้ากลับไม่คิดเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย เวลานี้เขายังไม่รู้ว่าตัวอักษรที่เฟิ่งชิงเฉินลบไปเหล่านั้นคืออะไร และสายลับที่ส่งไปสืบหาก็ยังไม่กลับมา

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เสด็จอาเก้ารู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก หันหลังและเดินกลับไปในห้องหนังสือ หยิบกระดาษแผ่นใหญ่ขึ้นมา ขีดเขียนลายเส้นบนแผ่นกระดาษ ไม่นานภาพของผู้หญิงคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาบนหน้ากระดาษแผ่นนั้น ในตอนที่เสด็จอาเก้าลงลายเส้นอีกสองสามครั้ง ลักษณะและอารมณ์ของเฟิ่งชิงเฉินก็ปรากฏออกมา

ไม่มีการบรรยายรายละเอียด มีเพียงแค่ลายเส้น ภาพของเฟิ่งชิงเฉินกลับปรากฏออกมาบนกระดาษแผ่นนั้นอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าในใจของเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินนั้นสำคัญเพียงใด

หลังจากวาดภาพเรียบร้อย เสด็จอาเก้ายังคงไม่เก็บพู่กันของเขา แต่เขียนบทกวีอีกบทหนึ่งไว้ด้านข้าง หลังจากครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ สุดท้ายเขาก็หยิบตราประทับส่วนตัวลงมาประทับลงบนนั้น

เสด็จอาเก้าจ้องมองภาพวาดดังกล่าว จ้องมองอยู่นานกว่าจะเก็บมันโดยไม่เต็มใจ

ในขณะเดียวกัน เฟิ่งชิงเฉินเองก็นั่งอยู่ริมหน้าต่าง จ้องมองแสงจันทร์อย่างว่างเปล่า ดวงตาของนางเต็มไปด้วยหมอก สีหน้าของนางดูโดดเดี่ยว ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่

สายลับเฝ้ามองอยู่เงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ก็แอบร้อนรนอยู่ในใจ

หวังชีทำอะไรไม่ถูก แต่หวังจิ่นหลิงไม่คิดจะพูดถึงมันอีกต่อไป เขาทำได้เพียงเก็บเรื่องนี้ไว้ในส่วนลึกของหัวใจ และรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในหนานหลิงออกมาให้กับหวังจิ่นหลิงได้รับรู้อย่างละเอียดถี่ถ้วน

“ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เขาก็ทำตัวเย่อหยิ่ง ข่มขู่องค์ชายแห่งหนานหลิงที่หน้าประตูเมืองหนานหลิง สมแล้วที่เป็นเสด็จอาเก้า ในเมื่อเสด็จอาเก้าไม่ได้รีบร้อน เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ต้องไปสนใจ ให้พวกเขาสนใจแต่เรื่องที่จำเป็นเท่านั้น ให้พวกเขาพูดแทนเสด็จอาเก้าในยามจำเป็น อย่าให้เจ้าวังสร้างปัญหาให้กับเสด็จอาเก้าเป็นอันขาด” เสด็จอาเก้าคือคนที่ต้องการขึ้นไปนั่งบนตำแหน่งนั้น หวังจิ่นหลิงไม่อยากให้เขาต้องแบกรับความอับอาย

“ข้าจะให้พวกเขาจับตาดูเป็นพิเศษ บัณฑิตที่เลื่อมใสในชื่อเสียงเกียรติยศเหล่านั้น ข้าจะให้คนไปดึงดูดพวกเขามายังตงหลิง จะไม่ให้พวกเขาสร้างปัญหาให้เสด็จอาเก้าเป็นอันขาด” การปกป้องเจ้าวังนั้นเป็นปัญหาอันยิ่งใหญ่ กลุ่มบัณฑิตนั้นไม่รู้อะไรเลยนอกจากการพูดคุย เกรงว่าความโกรธของเสด็จอาเก้าคงอาจฆ่าใครบางคนได้

การจัดการกับบัณฑิตที่มีชื่อเสียงนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบาก ต่อให้เสด็จอาเก้าทำได้ดีแค่ไหนเขาก็คงไม่เต็มใจที่จะทำ เนื่องจากบัณฑิตที่มีชื่อเสียงล้วนแต่ชอบดูถูกผู้คน ไม่เห็นค่าของผู้อื่น ครั้งสองครั้งเสด็จอาเก้าอาจจะพอทนได้ แต่หากหลาย ๆ ครั้งเกรงว่าก็คงไม่อาจทนไหว

หวังจิ่นหลิงพยักหน้า “เรื่องนี้เจ้าทำได้ดีมาก ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนอื่น เจ้าเตรียมตัวให้พร้อม เหลืออีกไม่กี่วันพวกของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีก็จะออกเดินทางไปยังเจียงหนาน เมื่อถึงเวลาเจ้าจะต้องเดินทางไปกับพวกเขา”

เดินทางออกจากเมืองหลวงไปยังเจียงหนาน แม้จะไม่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จ แต่อย่างน้อยก็อยู่ห่างจากแผนการที่กำลังจะดำเนินต่อไป

“ข้ารู้แล้วท่านพี่ ท่านเองก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี” สีหน้าของหวังชีดูไม่เต็มใจ เขาไปแล้ว......น้องสาวของเขาแต่งงานไปแล้ว บ้านตระกูลหวังแห่งนี้ก็คงเงียบเชียบ ไม่มีอะไรน่าสนใจทั้งนั้น

หวังชีมีพี่ชายที่จัดการเรื่องราวทุกอย่าง ปูเส้นทางให้เขาเติบใหญ่ในเจียงหนาน แต่หยุนเซียวไม่ได้โชคดีเช่นนั้น สิ่งที่เขาต้องการ เขาจะต้องแย่งชิงมันมาด้วยมือของตนเองเท่านั้น และเรื่องราวมันก็ไม่ได้ราบรื่นเท่าไหร่นัก

ไม่ใช่ว่าตระกูลหยุนไม่ยอมรับในตัวของหยุนเซียว แต่เมื่อหยุนเซียวเข้ามารับธุรกิจของตระกูลหยุน ระยะเวลาเพียงไม่ถึงถึงเดือน ธุรกิจของตระกูลหยุนตกต่ำ เหล่าขุนนางที่ปฏิบัติต่อตระกูลหยุนด้วยความเคารพ เวลานี้เริ่มมีท่าทีไม่พอใจ

ตระกูลหยุนกลับมาสู่สถานการณ์ก่อนหน้านี้อีกครั้ง พวกเขากำลังมุ่งเป้าไปที่เฟิ่งชิงเฉิน ต้องการให้หยุนเซียวชักชวนอีกฝ่าย......  

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ