นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1279

สรุปบท บทที่ 1279 กลั่นแกล้ง, การปกป้องของอาจารย์ช่างน่ากลัวยิ่งนัก: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 1279 กลั่นแกล้ง, การปกป้องของอาจารย์ช่างน่ากลัวยิ่งนัก – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1279 กลั่นแกล้ง, การปกป้องของอาจารย์ช่างน่ากลัวยิ่งนัก จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฟิ่งชิงเฉินเข้าร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้ในพระราชวัง แต่มันเป็นครั้งแรกที่ได้เข้าร่วมในฐานะแขกผู้มีเกียรติ

ในฐานะแขกผู้มีเกียรติ สิ่งที่นางต้องทำก็มีเพียงแค่แต่งตัวเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น ๆ เฟิ่งชิงเฉินไม่จำเป็นต้องกังวล มาอยู่ในฐานะคนสำคัญของหวังจิ่นหลิง ราชวงศ์หนานหลิงไม่กล้าแตะต้องนาง ในหนานหลิง นางได้รับการตอบรับดีกว่าเสด็จอาเก้าเสียด้วยซ้ำ

ภายใต้คำชี้นำของหนานหลิงจิ่นฝาน เหล่าขุนนางแห่งหนานหลิงต่างพากันเข้ามาสร้างความลำบากใจให้แกเสด็จอาเก้า หากเป็นผู้ชายคนอื่น เกรงว่าคงจะเอาแต่ปิดประตูไม่ยอมออกมาด้านนอก

แต่หนานหลิงจิ่นฝานประเมินเสด็จอาเก้าต่ำเกินไป เสด็จอาเก้าไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาทั่วไป แม้ว่าอุบายของหนานหลิงจิ่นฝานจะยอดเยี่ยม แต่มันก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเสด็จอาเก้าเลยแม้แต่น้อย

ในช่วงบ่ายวันนั้น แม้ว่าจักรพรรดิจะไม่ได้เชื้อเชิญเสด็จอาเก้า แต่ก็เสด็จอาเก้าไปร่วมงานเลี้ยงพร้อมกับเฟิ่งชิงเฉินราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ก่อนหน้านี้ ไม่มีใครคิดว่าเสด็จอาเก้าจะปรากฏตัวออกมาร่วมงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ ในฐานะแขกคนสำคัญ เฟิ่งชิงเฉินไม่จำเป็นต้องเข้างานเร็วเหมือนกับคนอื่น ๆ นางเพียงแค่ระวังตัวและมาให้ถึงก่อนจักรพรรดิเท่านั้น ในตอนที่ทุกคนเห็นเสด็จอาเก้าปรากฏตัวออกมา พวกเขาก็พากันอ้าปากค้าง

เสด็จอาเก้าผู้ถูกทำลายชื่อเสียงอย่างรุนแรง เดินเข้างานเลี้ยงมาพร้อมกับเฟิ่งชิงเฉินหน้าตาเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เฟิ่งชิงเฉินฝึกเขามาดีจริง ๆ

ขุนนางของหนานหลิงไม่เหมือนตงหลิง พวกเขาไม่ได้หวาดกลัวต่อเสด็จอาเก้า เห็นเสด็จอาเก้าเดินเข้ามาพร้อมกับเฟิ่งชิงเฉิน แต่ละคนต่างซุบซิบนินทา มองไปที่เสด็จอาเก้าด้วยใบหน้าที่มีเลศนัย

ชัดเจนและเปิดเผยถึงเพียงนี้ มีหรือว่าเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินจะไม่สังเกตเห็น เฟิ่งชิงเฉินหันกลับมายิ้มให้กับเสด็จอาเก้าโดยไม่ส่งเสียง “เจ้าเองก็มีวันนี้เช่นกัน!”

เสด็จอาเก้ามองมาที่เฟิ่งชิงเฉินอย่างมีความหมาย เบะปากโดยไม่ใส่ใจ ทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกสบายใจขึ้น

ภายใต้การนำทางของขันทีตัวน้อย ทั้งสองเดินมานั่งอยู่ที่นั่งแถวหน้าสุด มันคือที่นั่งของแขกคนสำคัญ อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเหล่าองค์ชายแห่งหนานหลิง แต่องค์ชายเหล่านั้นยังมาไม่ถึง

ทั้งสองคนนั่งลง จากนั้นก็ได้ยินเสียงขันทีตะโกนรายงานขึ้นมา หนานหลิงจิ่นสิงและจิ่นฝานมาถึงแล้ว

สองพี่น้องที่ต่อสู้แย่งชิงกันอย่างดุเดือด เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น พวกเขายังแสดงให้เห็นถึงเยื่อใยของพี่น้อง แม้ว่าจะมีนิสัยต่างกัน แต่ทั้งสองต่างเป็นคนที่งดงาม ชายหนุ่มรูปงามสองคนยืนอยู่คู่กัน ช่างเป็นภาพที่เลิศล้ำอย่างยิ่ง บางครั้งพวกเขามองหน้ากันและยิ้ม คนที่ไม่รู้เรื่องราวยังคิดว่าทั้งสองคนเป็นพี่น้องที่สนิทสนมกันจากใจจริง

“ก็แค่พวกชอบทำตัวเสแสร้งไม่ใช่หรือ? ลูกหลานของราชวงศ์ก็เป็นเช่นนี้กันทั้งนั้น” เสด็จอาเก้าหยิบถ้วยสุราขึ้นมาเล่น ไม่มีทีท่าว่าจะดื่มมันเข้าไป

“ไม่ได้เสแสร้งเท่ากับองค์ชายแห่งตงหลิงเหล่านั้น” เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอยากให้องค์รัชทายาทคนเก่าตายไปจากโลกนี้ แต่ทุกคนที่องค์รัชทายาทคนเก่าล้มป่วย พวกเขาต่างเดินเข้ามาเยี่ยมด้วยความเป็นห่วง เช่นนั้นแหละที่เรียกว่าจอมปลอม

“เจ้ามีอคติต่อพวกเขา” ไม่ว่าอย่างไรตนเองก็เป็นลูกหลานของราชวงศ์ แน่นอนว่าเสด็จอาเก้าจะต้องปกป้อง

หนานหลิงจิ่นฝานและจิ่นสิงเดินเข้ามา พวกเขาไม่ได้ไปนั่งโดยตรง แต่เดินมาด้านหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน ทำให้เวลานี้เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินต้องหยุดที่จะพูดคุยกันเสียก่อน

หนานหลิงจิ่นฝานจ้องมองไปที่เฟิ่งชิงเฉิน มุมปากของเขายกขึ้น กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มที่น่ารังเกียจ “แม่นางชิงเฉิน พวกเราได้พบกันอีกแล้ว อ่า......เสด็จอาเก้าเองก็อยู่ด้วยงั้นหรือ? ขอโทษที่เสียมารยาท ข้าคิดว่าวันนี้ท่านจะไม่มาแล้วเสียอีก”

น้ำเสียงและท่าทางของเขาราวกับว่าเพิ่งจะเห็นเสด็จอาเก้า แต่ความสุขและความยอกย้อนในดวงตาของเขาไม่อาจปกปิดไว้ได้เลย

“องค์ชายจิ่นฝานสุภาพเกินไปแล้ว” เสด็จอาเก้ารู้อยู่แล้วว่าคนขี้แค้นอย่างหนานหลิงจิ่นฝานไม่มีทางปล่อยโอกาสเช่นนี้ให้หลุดลอยไป เป็นอย่างที่คิด หนานหลิงจิ่นฝานพูดออกมาอีกว่า “เสด็จอาเก้าต่างหากที่ขี้เกรงใจ เพียงแต่นี่เป็นเพียงงานเลี้ยงเล็ก ๆ แม้ว่าท่านจะไม่มาก็คงไม่มีใครพูดถึงบาดแผลที่ท่านเพิ่งจะได้รับมา”

“แคก แคก......” หนานหลิงจิ่นสิงยืนอยู่ด้านข้าง เห็นเฟิ่งชิงเฉินขมวดคิ้วขึ้นมา เขาก็รีบขัดจังหวะ เขาก้าวออกมาด้านหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน “พี่สาว ไม่เจอกันนานเลย ท่านยังสบายดีไหม?”

ในสถานการณ์เช่นนี้ เรียกเฟิ่งชิงเฉินออกมาว่าพี่สาว เห็นได้ชัดว่าหนานหลิงจิ่นสิงไม่เคยคิดที่จะล้ำเส้นที่เฟิ่งชิงเฉินได้ขีดเอาไว้ แต่เมื่อนึกถึงความสำคัญที่เฟิ่งชิงเฉินมีต่อหวังจิ่นหลิง สิ่งนี้มันก็สามารถเข้าใจได้

จากนั้นจักรพรรดิก็กล่าวออกมาอีกสองสามประโยค งานเลี้ยงในยามค่ำคืนก็ได้เริ่มต้นขึ้น ในฐานะที่เฟิ่งชิงเฉินเป็นตัวหลักของงาน มีคนจำนวนมากเดินเข้ามาเพื่อขอดื่มสุราร่วมกับนาง แต่อย่างไรเฟิ่งชิงเฉินก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่มีใครกล้าที่จะบังคับนางให้ดื่ม แค่เข้ามาทักทายและจากไป แม้แต่หนานหลิงจิ่นฝานเองก็ลดความเย่อหยิ่งและบ้าบิ่นของตัวเองลง และถ่อมตัวเป็นอย่างมาก

เมื่อดนตรีเริ่มบรรเลง ดื่มสุราจนได้ที่ ทุกคนต่างผ่อนคลายตัวเอง หันไปหาคนรอบข้างเพื่อพูดคุย จักรพรรดิเองก็ไม่เว้น เดินเข้ามาเหน็บแนมเสด็จอาเก้า “ข้าได้ยินว่าท่านอ๋องเก้าได้รับบาดเจ็บ ไม่รู้ว่าเป็นเช่นไรบ้าง?”

จักรพรรดิแสดงสีหน้าแห่งความเป็นห่วงออกมา ไม่มีร่องรอยแห่งความเย้ยหยันในดวงตาของเขา ราวกับว่าเขาไม่รู้สาเหตุที่ทำให้เสด็จอาเก้าบาดเจ็บ แต่เสด็จอาเก้านั้นสงบนิ่งเสียยิ่งกว่าจักรพรรดิ เขากล่าวออกไปอย่างเฉยเมย “ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของฝ่าบาท ข้าไม่เป็นอะไร แค่บาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น”

ไม่พูด แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมามองเฟิ่งชิงเฉิน ใบหน้าที่ตรงไปตรงมา แม้ทุกคนอยากจะหัวเราะแต่ก็ไม่กล้า ผู้อาวุโสเหวินหยวนที่เงียบมาโดยตลอด โดยนั่งอยู่ถัดลงมาจากจักรพรรดิ แต่เวลานี้กลับพูดออกมาอย่างไม่เกรงใจ “กลัวเมีย เจ้ามันไม่ใช่ลูกผู้ชาย”

คำพูดนี้ถือเป็นการกล่าวหาที่รุนแรง เมื่อคำพูดของผู้อาวุโสเหวินหยวนเงียบลง ทุกคนก็เงียบกันไปหมด พวกเขาหันมามองที่เสด็จอาเก้า ต้องการที่จะดูความสนุกที่จะเกิดขึ้น

สีหน้าของเสด็จอาเก้ายังคงไม่เปลี่ยนไป วางถ้วยในมือลงอย่างไม่รีบร้อน เงยหน้าขึ้นมองผู้อาวุโสเหวินหยวนพร้อมกล่าวว่า “เป็นเรื่องธรรมดาที่ชายหญิงอยู่ด้วยกันจะมีปัญหา ข้าไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยหรือปัญหาที่เกิดจากผู้หญิง มันไม่ถือว่าข้าเป็นลูกผู้ชายอย่างนั้นหรือ”

“เจ้าเล่ห์ เจ้าไม่มีค่าพอที่จะมาพูดคุยกับข้า” ผู้อาวุโสเหวินหยวนไม่ปิดบังความรังเกียจที่เขามีต่อเสด็จอาเก้าเลยแม้แต่น้อย

เสด็จอาเก้าหรี่ตาลง ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น ยกแก้วสุราขึ้นมาด้วยสงบ ไม่เอาคำพูดของผู้อาวุโสเหวินหยวนมาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเผชิญหน้ากับการปกป้องพรรคพวกของตนเองเช่นนี้ ประกอบกับอีกฝ่ายเป็นผู้มีชื่อเสียง เขาจะทำอะไรได้?

ต้องรู้ก่อนว่า เขาไม่เพียงแต่ทำให้ประเทศของชายชราผู้นี้ต้องอับอายเท่านั้น แต่ยังทำให้ลูกศิษย์ที่ภาคภูมิใจของเขาต้องผิดหวังในความรักอีกด้วย การที่ชายชราผู้นี้จะกลั่นแกล้งเขา มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด...... 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ