นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1280

เสด็จอาเก้ารู้มาโดยตลอดว่าเจ้าสำนักศึกษาจี้เซี่ยต้องการสร้างความลำบากให้กับเขา ดังนั้นเขาจึงปฏิบัติกับเจ้าสำนักผู้นี้อย่างสุภาพมาโดยตลอด ให้ความสำคัญกับอีกฝ่ายโดยเว้นระยะห่าง แต่ก็ไม่ยอมเอาหน้าของตนเองไปให้อีกฝ่ายทุบตี

แต่สิ่งที่เสด็จอาเก้ารู้ มันไม่ได้แปลว่าคนอื่นจะรู้ จักรพรรดิหนานหลิงและขุนนางของเขาคิดว่า ผู้อาวุโสเหวินหยวนไม่พอใจเรื่องที่เสด็จอาเก้ามาทำตัวเย่อหยิ่งที่หน้าประตูเมืองหนานหลิงเท่านั้น และต้องการที่จะทวงคืนศักดิ์ศรีให้กับหนานหลิง

ทุกคนเห็นว่าคำพูดเพียงไม่กี่คำของผู้อาวุโสเหวินหยวนทำให้เสด็จอาเก้าสงบลงได้ พวกเขามีความสุขอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ชื่นชมผู้อาวุโสเหวินหยวนอย่างต่อเนื่อง ผู้อาวุโสเหวินหยวนก็ยิ้มและพยักหน้าน้อมรับต่อคำชื่นชมเหล่านั้น แต่ความเป็นจริงแล้ว ในใจของเขาไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย

เสด็จอาเก้าผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจิ่นหลิงจึงไม่อาจต่อกรกับเขาได้

ในความเป็นจริงผู้อาวุโสเหวินหยวนก็ไม่ได้เปรียบเสด็จอาเก้าอะไรมากถึงเพียงนั้น แต่มันก็ยากที่จะอธิบายให้คนอื่นได้รับรู้ ทำได้เพียงเก็บความหดหู่เหล่านี้ไว้ในใจ ยกถ้วยสุราขึ้นมาดื่มจนหมด ขุนนางเห็นเช่นนั้นจึงรีบรินสุราให้กับผู้อาวุโสเหวินหยวนใหม่อีกครั้ง จากนั้นผู้อาวุโสเหวินหยวนก็ยกขึ้นถ้วยขึ้นมาดื่มเหมือนเช่นเคย

คนที่มีนิสัยเฉพาะตัวที่ดีกว่าย่อมเป็นฝ่ายได้เปรียบ ผู้อาวุโสเหวินหยวนเป็นคนที่อ่อนโยนและสง่างาม แม้พฤติกรรมการดื่มของเขาจะน่าหดหู่ แต่มันก็สูงเกินกว่าที่ลูกศิษย์ของเขาจะเข้าใจได้ เขาเหมือนกับคนที่อยู่บนจุดสูงสุดของโลกใบนี้ที่กำลังจ้องมองลงมายังผู้คนด้วยสายตาอันเยือกเย็น

ไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติของผู้อาวุโสเหวินหยวน มีแต่คนชื่นชมว่าผู้อาวุโสเหวินหยวนนั้นไม่ธรรมดา มีเพียงเฟิ่งชิงเฉินเท่านั้นที่รู้สึกถึงความผิดปกติ นางขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย จากนั้นกระซิบถามเสด็จอาเก้าเบา ๆ ว่า “ผู้อาวุโสเหวินหยวนเป็นอะไรไปอย่างนั้นหรือ?”

เสด็จอาเก้าเงยหน้าขึ้นด้วยสายตาแห่งการแจ้งเตือน กล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ “ลูกศิษย์ถูกรังแก คิดจะแก้แค้นด้วยตัวเอง สุดท้ายกลับล้มเหลวอีกครั้ง”

คำพูดของเสด็จอาเก้าชัดเจนในตัวเอง แม้ผู้อาวุโสเหวินหยวนจะมีลูกศิษย์อยู่มากมาย แต่ทันทีที่เฟิ่งชิงเฉินได้ยินเช่นนี้ นางก็รู้ทันทีว่าเสด็จอาเก้าหมายถึงหวังจิ่นหลิง นางจึงปิดปากและไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น

ในหนานหลิง นางได้บารมีของหวังจิ่นหลิงมาคุ้มครอง แม้เสด็จอาเก้าจะไม่ได้พูดอะไร แต่เฟิ่งชิงเฉินก็รู้ดีว่าเสด็จอาเก้าไม่สบอารมณ์ ดังนั้นนางจึงพยายามไม่พูดถึงเรื่องหวังจิ่นหลิงต่อหน้าเสด็จอาเก้า

เพียงแต่......

แม้ว่านางจะไม่พูดถึง มันก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะยอมปล่อยนางไป ตัวอย่างเช่นผู้อาวุโสเหวินหยวน

หลังจากผู้อาวุโสเหวินหยวนดื่มสุราไปสองสามถ้วย ความคับแค้นในใจของเขาลดลงไปไม่น้อย มองมาที่เฟิ่งชิงเฉิน ผู้อาวุโสเหวินหยวนก็นึกถึงหวังจิ่นหลิงขึ้นมาทันใด เมื่อเห็นใบหน้าที่งดงามของเฟิ่งชิงเฉิน น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร “เจ้าก็คือลูกสาวของแม่ทัพเฟิ่งแห่งตงหลิงงั้นหรือ?”

ลูกสาวของแม่ทัพเฟิ่ง!

เฟิ่งชิงเฉินตะลึงงัน เงยหน้าขึ้นไปมองผู้อาวุโสเหวินหยวนทันที

นานแค่ไหนแล้ว? นานแค่ไหนที่แล้วที่ไม่มีใครเรียกตนเองเช่นนี้ในทางที่เป็นทางการ

ตั้งแต่นางรักษาดวงตาของหวังจิ่นหลิง และได้รับชื่อเสียง ก็มีคนจำนวนน้อยมากที่เรียกนางว่าลูกสาวของแม่ทัพเฟิ่ง ทุกคนต่างเรียกนางว่าเฟิ่งชิงเฉิน เมื่อพูดถึงพ่อแม่ของนาง เขาก็เปรียบเสมือนพ่อแม่ของเฟิ่งชิงเฉินด้วย

ได้รับความสำเร็จเช่นนี้ นางควรจะรู้สึกดีใจ แต่......นางกลับไม่รู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อย นางหวังว่านางจะมีชีวิตที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของพ่อแม่ ไม่ใช่การใช้ชีวิตอยู่ลำพังและทุกข์ทรมานเช่นนี้

เมื่อได้ยินผู้อาวุโสเหวินหยวนกล่าวถึงพ่อของนางอย่างเคร่งขรึม เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ ลุกขึ้นยืนในทันใด ทำความเคารพต่อผู้อาวุโสเหวินหยวนอย่างสุภาพ “เรียบผู้อาวุโสเหวินหยวน ข้ามาจากตระกูลเฟิ่งแห่งตงหลิง มีนามว่า เฟิ่งชิงเฉิน”

ไม่สนว่าระหว่างเสด็จอาเก้าและผู้อาวุโสเหวินหยวนจะบาดหมางกันอย่างไร เมื่อผู้อาวุโสเหวินหยวนกล่าวถึงพ่อของเขา แน่นอนว่านางต้องให้เกียรติบัณฑิตอาวุโสท่านนี้

“ไม่เลว เจ้ามีลักษณะที่สง่างามและเย่อหยิ่งราวกับเสือขาว” ผู้อาวุโสเหวินหยวนจ้องมองมาที่เฟิ่งชิงเฉิน พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ โดยเฉพาะเมื่อได้ยินว่าเฟิ่งชิงเฉินเตะเสด็จอาเก้าจนล้มลงพื้น ผู้อาวุโสเหวินหยวนก็ยิ่งรู้สึกพอใจเสียยิ่งกว่าเดิม

แม้ว่าบัณฑิตผู้ยิ่งใหญ่อย่างขงจื๊อจะกล่าวเอาไว้ถึงกฎเกณฑ์อันแน่ชัดว่าบัณฑิตที่แท้จริงจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่สามารถสั่งสอนลูกศิษย์ที่เหมือนกับหวังจิ่นหลิงออกมาได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ