นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1287

สรุปบท บทที่ 1287 สอนลูกสาว ไม่อยากให้เธอต้องเป็นเหมือนเฟิ่งชิงเฉิน: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 1287 สอนลูกสาว ไม่อยากให้เธอต้องเป็นเหมือนเฟิ่งชิงเฉิน – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1287 สอนลูกสาว ไม่อยากให้เธอต้องเป็นเหมือนเฟิ่งชิงเฉิน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

คนที่รู้จักเขาดีที่สุดนั้นไม่ใช่ญาติแต่เป็นศัตรูของเขาเอง เสด็จอาเก้าไม่รู้แผนการของหนานหลิงจิ่นฝาน แต่เขารู้ดีว่างูพิษอย่างหนานหลิงจิ่นฝาน จะไม่มีวันปล่อยเขาไปง่าย ๆ และไม่ยอมปล่อยเขาเดินทางกลับไปตงหลิงได้อย่างราบรื่นแน่นอน

ทันทีที่เขาเดินออกจากเมืองจักรพรรดิหนานหลิง เสด็จอาเก้าก็วางแผนให้กองทหารม้าสิบแปดคนของตระกูลซืออารักขา เฟิ่งชิงเฉินและเหวินหยวนให้เดินทางไปก่อน เขาและองครักษ์ส่วนตัวเดินทางไปอีกทางหนึ่ง เพื่อดึงดูดความสนใจคนของหนานหลิง

เฟิ่งชิงเฉินได้รับคำสั่งกระทันหันแต่เธอก็ไม่ได้ตื่นตระหนก และไม่ได้โกรธเสด็จอาเก้า ยอมรับคำสั่งที่ยากลำบากนี้อย่างใจเย็น

หลังจากอธิบายสั้น ๆ ให้เหวินหยวนฟังแล้ว ก็นำทหารม้าทั้งสิบแปดคนเดินทางไปด้วยกัน ตลอดทางเธอจัดการได้เรียบร้อยดี เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทหารม้าสิบแปดคนเธอก็ไม่ได้ประหม่าแต่อย่างใด เธอออกคำสั่งอย่างเป็นระบบ แม้ตลอดทางทหารม้าสิบแปดคนจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือมากนักก็ตาม แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้อารมณ์เสียและโต้เถียงกับพวกเขาแต่อย่างใด

เฟิ่งชิงเฉินและพรรคพวกไม่ทันเข้าไปในเมืองในคืนนั้น พวกเขาจึงต้องพักค้างคืนในป่า ในเวลานี้พวกเขาตั้งค่ายและกางเต็นท์ แต่ทหารม้าสิบแปดนายของตระกูลซือกลับนิ่งเฉยไม่ทำอะไรเลย โดยพวกเขาให้เหตุผลว่าทำไม่เป็น

ทำไมทหารจะตั้งค่ายกางเต็นท์ไม่เป็น พวกเขาแค่ใช้วิธีนี้เพื่อระบายความไม่พอใจก็เท่านั้น

ทหารม้าสิบแปดนายแห่งตระกูลซือได้รับคำสั่งจากซือเฉิงให้มาคุ้มครองเสด็จอาเก้าเท่านั้น พวกเขารับรู้และยินยอมคำสั่งเพียงแค่นั้น แต่เสด็จอาเก้ากลับสั่งให้พวกเขามาคุ้มครองเฟิ่งชิงเฉิงและคนอื่น ๆ ทำให้พวกเขาไม่พอใจอย่างมาก

แม้ว่าจะเป็นคำสั่งของซือเฉิงว่าพวกเขาต้องฟังคำสั่งของเสด็จอาเก้า แต่เสด็จอาเก้าไม่ใช่เจ้านายของพวกเขา จะมาสั่งให้พวกเขาทำอะไรเช่นนี้ ก็ไม่แปลกที่ทหารม้าสิบแปดคนของตระกูลซือจะไม่ยอมรับ

ทหารม้าสิบแปดคนของตระกูลซือมีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา พวกเขาก็ทะนงตัวพอ ๆ กับซือเฉิง พวกเขาเชื่อมั่นในความแข็งแกร่ง และมุ่งมั่นปกป้องเสด็จอาเก้า แต่จะให้พวกเขามาคุ้มครองเฟิ่งชิงเฉิง ฟังคำสั่งของผู้หญิงที่ชื่อเฟิ่งชิงเฉิน พวกเขายอมรับไม่ได้จริง ๆ

พวกเขาสามารถปกป้องเฟิ่งชิงเฉินได้ แต่ถ้าให้เฟิ่งชิงเฉินสั่งพวกเขาทำทุกอย่างตามที่สั่ง นั่นมันย่อมเป็นไปไม่ได้!

เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าคนทั้งสิบแปดคนนี้จงใจกลั่นแกล้งเธอ เธอจึงยิ้มหนึ่งครั้งแล้วไม่พูดอะไรต่อ เธอเรียกองครักษ์ทั้งสองคนที่เสด็จอาเก้าให้ไว้มาช่วยกันกางเต็นท์

ผู้หญิงในยุคนี้แต่ล่ะคนถูกดูแลประคบประหงมอย่างดี แต่เธอที่อยู่ในสนามรบมานาน และเรียนรู้ที่จะพึงพาตัวเองได้ เฟิ่งชิงเฉิงเลยไม่รู้สึกลำบากเลยเมื่อต้องกางเต็นท์ด้วยตัวเอง

เธอนำเต็นท์สามหลังออกมาจากรถม้า เต็นท์เหล่านี้ทำขึ้นมาโดยเสด็จอาเก้า ตามแบบเต็นท์กลางแจ้งในกระเป๋าแพทย์ของเฟิ่งชิงเฉิน พวกมันมีขนาดกะทัดรัดและใช้งานง่าย

เฟิ่งชิงเฉินบอกวิธีให้องครักษ์ทั้งสองคนฟังหนึ่งรอบ แล้วจึงกางเต็นท์ออกแล้วให้องครักษ์ทั้งสองคนคอยช่วย

ในหมู่คณะมีคนร่วมเดินทางมากกว่ายี่สิบ แต่มีผู้หญิงแค่สามคนเท่านั้น หมิงเว่ยและจั่นเหยียนยืนอยู่ข้างหลังของเหวินหยวนทางซ้ายและขวา ในขณะที่ทหารม้าสิบแปดคนของตระกูลซือก็ล้อมรอบเป็นวงกลมเพื่อปกป้องพวกเขา เฟิ่งชิงเฉินก็มั่วแต่ยุ่งกับการกางเต็นท์ของเธอภายใต้การจ้องมองของทุกคน

“ท่านพ่อ ข้าจะไปช่วยชิงเฉิน” จั่นเหยียนทนดูไม่ได้ จึงลงจากรถม้าไป

ต่างก็เป็นผู้หญิงเหมือน พวกเธอกลับยืนเพลิดเพลินกับสายลมและทิวทัศน์อยู่ที่นี่ แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับวุ่นอยู่กับการจัดเตรียมที่พักค้างคืนสำหรับพวกเขา นี่มันช่างแตกต่างกันมาก เฟิ่งชิงเฉิงไม่ใช่คนของพวกเขา สถานะของเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ด้อยไปกว่าพวกเขา

“เจ้าจะไปช่วยทำอะไรได้?” เหวินหยวนมองลูกสาวของเขาด้วยรอยยิ้ม: “แล้วเจ้าทำเป็นเหรอ?”

เสด็จอาเก้ารู้นิสัยของพวกเขาแล้วยังกล้าที่จะทิ้งพวกเขาไว้กับเฟิ่งชิงเฉิน นี่แสดงให้เห็นว่าเขารู้ความสามารถของเฟิ่งชิงเฉิน แม้ว่าจะไม่มีทหารม้าสิบแปดคนนี้ เฟิ่งชิงเฉินก็ยังสามารถทำจัดการสิ่งต่างๆ ได้ดี เหยียนเอ๋อร์เจ้ายังจำสิ่งที่จิ่นหลิงพูดเกี่ยวกับเฟิงชิงเฉินที่ขี่ม้าไปที่หุบเขาคนเดียวเพื่อช่วยเขาได้ไหม "

เหวินหยวนถือโอกาสบอกจั่นเหยียนว่าเฟิ่งชิงเฉินนั้นแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีความรู้ความสามารถมากมายและพูดจาไม่เก่ง แต่สำหรับผู้ชายอย่างเสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงแล้วนั้น ผู้หญิงที่แข็งแกร่งสามารถพึ่งพาตนเองได้ และเป็นผู้หญิงที่สามารถดูแลตัวเองได้ดี คือผู้หญิงที่พวกเขาต้องการ

ดวงตาของจั่นเหยียนเป็นประกาย และพูดด้วยความชื่นชมว่า: "ข้าจะลืมได้อย่างไร นี่คือสิ่งที่ข้าชื่นชมชิงเฉินมากที่สุด แต่เธอเห็นพี่จิ่นหลิงเป็นเพียงแค่เพื่อนเท่านั้น และเธอสามารถอุทิศชีวิตมิตรสหายของเธอได้ แต่... ท่านพ่อ ข้าก็สามารถทำได้เหมือนกัน” เพื่อจิ่นหลิงแล้วแม้กระทั่งชีวิตก็สามารถเสียสละได้

“ไม่ เจ้าจะเลือกทำแบบนั้น แต่เจ้าไม่สามารถทำได้” ใบหน้าเหวินหยวนที่ดูมุ่งมั่น เมื่อเห็นว่าจั่นเหยียนไม่เห็นด้วย เขาจึงให้เหตุผลต่อ: "เหยียนเอ๋อร์ ก่อนที่จะทำอะไร เราต้องกลับมาคิดก่อน ว่าเรื่องนั้นมันเกินกำลังของตัวเองหรือไม่ แทนที่จะช่วยกลับมีแต่จะสร้างความวุ่นวายเพิ่มมากขึ้น

ที่เฟิ่งชิงเฉินขี่ม้าไปคนเดียว เพราะว่าเธอรู้ว่าเธอทำได้ เธอสามารถปกป้องตัวเองได้ เธอสามารถรับประกันว่าเธอจะปลอดภัย และไม่เป็นภาระให้ผู้อื่น แล้วถ้าเป็นเจ้าล่ะ? เจ้าแค่ได้แสดงออกถึงความมีน้ำใจ แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะกลับกลายเป็นเจ้าไม่เพียงแต่จะช่วยจิ่นหลิงไม่ได้ เจ้ายังเอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยง แม้กระทั่งคนในครอบครัวหรือจิ่นหลิงต้องเป็นฝ่ายมาช่วยเจ้าแทน” เหวินหยวนไม่พลาดโอกาสที่จะได้อบรมสั่งสอนลูกสาวของเขา เขาเพียงแต่หวังว่าจั่นเหยียนจะไม่หมกมุ่นอยู่กับรักข้างเดียว และไปเลียนแบบเฟิ่งชิงเฉินอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า

“ท่านพ่อ ถ้าข้าเรียนรู้ตอนนี้มันจะสายเกินไปไหม?” จั่นเหยียนเห็นการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล้วของเฟิ่งชิงเฉิน มองแล้วก็รู้ได้เลยว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ก่อนเฟิ่งชิงเฉินต้องทำสิ่งเหล่านี้อยู่บ่อย ๆ แน่

เหวินหยวนยิ้มและส่ายหัว: "เหยียนเอ๋อร์ เจ้าไม่จำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องพวกนี้หรอก เจ้าไม่เหมือนเฟิ่งชิงเฉิน เธอเป็นเด็กกำพร้าเธอจำเป็นต้องพึ่งพาตัวเอง นี่คือหนทางเอาชีวิตรอดของเธอ เธอต้องพึ่งพาตัวเองให้มีชีวิตรอด หากไม่มีสิ่งเหล่านี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะใช้ชีวิตได้อย่างสง่าผาเผยเช่นนี้ แต่เจ้าไม่เหมือนกัน เจ้าคือคุณหนูจั่นเจ้าไม่จำเป็นต้องทำเรื่องพวกนี้เลย ตราบใดที่มีตระกูลจั่นอยู่ เจ้าก็แทบจะไม่ต้องกังวลอะไรไปตลอดชีวิต”

เขาชื่นชมเฟิ่งชิงเฉิน แต่เขาก็ไม่ได้ปรารถนาให้ลูกสาวของเขาต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดเหมือนกับเฟิ่งชิงเฉิน เป็นดั่งไข่มุกที่พ่อแม่ดูแลเอาใจใส่ไม่ดีกว่าเหรอ ทำไมจะต้องเป็นนกอินทรีที่ต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดอยู่เพียงลำพัง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ