นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1288

สรุปบท บทที่ 1288 ซุ่มโจมตี, เสด็จอาเก้าไม่มีความสุข: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สรุปตอน บทที่ 1288 ซุ่มโจมตี, เสด็จอาเก้าไม่มีความสุข – จากเรื่อง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

ตอน บทที่ 1288 ซุ่มโจมตี, เสด็จอาเก้าไม่มีความสุข ของนิยายInternetเรื่องดัง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดยนักเขียน อาช้าย เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

มีพ่อแม่และตระกูลคอยให้การปกป้อง จ้านหยานไม่มีความจำเป็นต้องทำตัวให้ลำบากเหมือนกับเฟิ่งชิงเฉิน แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ถือเป็นการเรียนรู้เพื่อทักษะการอยู่รอด

เฟิ่งชิงเฉินยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง ไม่มีใครคอยให้การสนับสนุน เฟิ่งชิงเฉินพึ่งพาได้เพียงแค่ตนเองเท่านั้น แต่สำหรับจ้านหยาน นางมีครอบครัวคอยให้การหนุนหลังและช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา

เมื่อถูกผู้อื่นรังแก เฟิ่งชิงเฉินทำได้เพียงโต้ตอบกลับไปด้วยตัวเอง แต่จ้านหยานไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น นางไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก เนื่องจากมีคนของตระกูลจ้านช่วยระบายความโกรธให้

ในฐานะพ่อคนหนึ่ง ผู้อาวุโสเหวินหยวนชื่นชมในตัวเฟิ่งชิงเฉินเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่มีทางปล่อยให้ลูกสาวของตนเองต้องอยู่อย่างเดียวดายเช่นเดียวกับเฟิ่งชิงเฉิน เพราะเบื้องหลังความแข็งแกร่งนั้นคงเต็มไปด้วยน้ำตาและเลือดของผู้หญิงที่อ่อนแอ

“ท่านพ่อ ข้า......” ดวงตาของจ้านหยานกลายเป็นสีแดง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวเองหรือว่าเป็นเพราะเฟิ่งชิงเฉิน นางรู้สึกว่าในใจของนางนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ไม่สบายใจ น้ำตาของนางไหลออกมาโดยไม่อาจควบคุมได้

นางรู้สึกอิจฉาที่เฟิ่งชิงเฉินได้รับความรักจากพี่จิ่นหลิง แต่นางไม่เคยคิดถึงราคาที่เฟิ่งชิงเฉินต้องจ่ายเพื่อแลกกับความรัก หรือสิ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจของพี่จิ่นหลิงได้

แข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยว เฟิ่งชิงเฉินสามารถขี่ม้าออกไปช่วยพี่จิ่นหลิงซึ่งอยู่ห่างไกลหลายพันลี้ ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นมาแต่โดยกำเนิด สิ่งต่าง ๆ ถูกขัดเกลามาทีละน้อย ทำให้ความกลัวและความอ่อนแอของนางค่อย ๆ ถูกขจัดออกไป

และด้วยเหตุนี้ เฟิ่งชิงเฉินที่เป็นเด็กกำพร้าเพียงคนเดียวถึงสามารถแบกรับตระกูลเฟิ่งทั้งตระกูลเอาไว้ได้ และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้ชายในการใช้ชีวิต

องค์หญิงหมิงเว่ยมองมาที่เฟิ่งชิงเฉิน หลับตาลงเพื่อซ่อนความคิดของนาง

พวกนางเห็นเพียงแค่ความอิสระและความเด็ดเดี่ยวของเฟิ่งชิงเฉิน แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่ด้านเดียวเท่านั้น พวกนางไม่เคยเห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของมัน ไม่ว่าจะเป็นเลือดเนื้อหรือน้ำตา กว่าจะมีวันนี้ได้ เฟิ่งชิงเฉินต้องแลกทุกอย่างมาด้วยชีวิตของนาง

และพวกนางก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเด็ดเดี่ยวหรือมีอิสระเช่นเดียวกับเฟิ่งชิงเฉิน พวกนางเกิดมาจากตระกูลที่สูงส่ง มีชีวิตที่ดีแต่กำเนิด ความยากลำบากที่เกิดขึ้น ชีวิตนี้ของพวกนางไม่จำเป็นต้องเผชิญกับมันเลยด้วยซ้ำ......

ที่จริงชีวิตของเฟิ่งชิงเฉินนั้นไม่ควรค่าแก่ความอิจฉาเลยแม้แต่น้อย หากเป็นไปได้ ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่อยากเป็นเหมือนกับเฟิ่งชิงเฉิน มันเหนื่อยเกินไป ทรมานเกินไป แต่เฟิ่งชิงเฉินไม่มีทางเลือก นางไม่มีพ่อแม่ให้พึ่งพา หากนางไม่อยากเป็นของเล่นของผู้ชาย สิ่งที่นางต้องทำก็คือการยืนหยัดให้ได้ด้วยตัวเอง

ทหารม้าสิบแปดแห่งตระกูลซื่อไม่ได้พูดอะไร แต่พวกเขาเงยหน้าขึ้นสูง แต่เนื่องจากกำลังสนทนาอยู่กับผู้อาวุโสเหวินหยวนและจ้านหยาน พวกเขาจึงต้องถ่อมตัว ทั้งสิบแปดคนแอบมองไปที่เฟิ่งชิงเฉิน จากนั้นก็หันกลับมาทางอีกฝ่าย ความละอายใจเผยออกมาให้เห็นจากสายตาของพวกเขา

หรือว่าพวกเขาจะทำเกินไปจริง ๆ แม้เฟิ่งชิงเฉินจะเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง แต่นางก็ไม่ใช่คนอ่อนแอ ตั้งแต่ออกเดินทางมาถึงตอนนี้ สิ่งที่นางแสดงออกมาให้เห็นนั้นควรค่าแก่การเคารพของพวกเขา นางไม่เคยเข้ามาขอร้องเพราะว่านางเป็นผู้หญิง และก็ไม่เคยแสดงท่าทีที่ต้องการความเห็นอกเห็นใจจากพวกเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว

เพียงแต่......ทหารม้าสิบแปดแห่งตระกูลซื่อมองหน้ากันและยิ้มอย่างขมขื่น เมื่อสักครู่เขากลับปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือเฟิ่งชิงเฉิน นี่มันช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก......

เหวินหยวนยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพดังกล่าว เขาพยักหน้า ด้วยความสามารถของเฟิ่งชิงเฉิน หากต้องการได้รับการยอมรับจากทหารม้าสิบแปด ทั้งหมดมันก็แค่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น เขาแค่ทำให้เรื่องราวนั้นชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้ทหารม้าสิบแปดแห่งตระกูลซื่อได้เข้าใจ เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้เป็นเด็กผู้หญิงที่อ่อนแอเหมือนกับเด็กผู้หญิงทั่วไป ในบางเรื่อง นางอาจจะแข็งแกร่งกว่าผู้ชายเสียอีก......

เสด็จอาเก้ามั่นใจว่าเมื่อมีอันตรายเกิดขึ้น ทหารม้าสิบแปดแห่งตระกูลซื่อจะปกป้องเฟิ่งชิงเฉินด้วยชีวิตของพวกเขา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไว้วางใจทหารม้าสิบแปดแห่งตระกูลซื่อ ว่าทหารม้าสิบแปดพวกนี้จะยอมปกป้องเฟิ่งชิงเฉินโดยไม่ไถ่ถามอะไรแม้แต่คำเดียว

ความไม้วางใจของเสด็จอาเก้านั้นไม่ใช่สิ่งที่ได้มาง่าย ๆ นอกจากทหารม้าสิบแปดที่คอยให้การปกป้องเฟิ่งชิงเฉินแล้ว ในที่ลับยังคงมีคนคอยให้ความช่วยเหลืออยู่ รวมถึงมีคนที่คอยทำหน้าที่รายงานเรื่องราวทั้งหมดให้เสด็จอาเก้าได้รับรู้

เมื่อรู้ว่าทหารม้าสิบแปดแห่งตระกูลซื่อรักษาสัญญาที่จะปกป้องเฟิ่งชิงเฉิน แต่กลับปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือเฟิ่งชิงเฉิน เสด็จอาเก้าไม่ได้โกรธหรือโมโหแต่อย่างใด และไม่ได้ส่งคนมาแจ้งเตือนทหารม้าสิบแปด เขาเพียงแค่ยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็นพร้อมกับกล่าวว่า “ข้ารู้แล้ว”

อากาศเริ่มเลวร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้ชัดว่าเวลานี้เป็นช่วงเวลากลางวัน แต่ท้องฟ้ากลับมืดครึ้มจนน่ากลัว มองเห็นได้ไม่เกินสามเมตร ราวกับว่าเปลี่ยนเป็นช่วงเวลากลางคืนอย่างกะทันหัน

ลมพัดแรง เสียงใบไม้สองข้างทางดังสนั่น กิ่งก้านที่เปราะบางร่วงหล่นลงพื้นเป็นครั้งคราว และเสียงของพวกมันก็เหมือนกับเสียงแห่งการปรากฏกายของภูตผีวิญญาณ

บนเส้นทาง นอกจากพวกของเสด็จอาเก้า ผ่านไปนานก็ไม่เห็นวี่แววของใครอื่น ทหารคนสนิทของเสด็จอาเก้า แต่ละคนล้วนสวมเสื้อกันฝนสีดำไว้บนร่างกาย

ในสภาพอากาศที่ย่ำแย่เช่นนี้ คนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินทางไปบนถนนที่รกร้าง พวกเขาดูเหมือนผีดิบที่ขึ้นมาจากยมโลก ทำให้ผู้ที่ได้เห็นรู้สึกหวาดกลัวไปจนถึงก้นบึ้งของหัวใจ

แต่คนกลุ่มนี้กลับไปไม่รู้สึกเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย แต่ละคนขับดาบที่อยู่ข้างเอวไว้แน่น ดูอาฆาตพยาบาท มันยิ่งทำให้บรรยากาศดูหม่นหมองขึ้นไปอีกหลายเท่า

กลุ่มผู้คนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดเริ่มตื่นตระหนกเมื่อเห็นพวกของเสด็จอาเก้าเดินเข้ามาใกล้ ผู้นำหญิงชุดแดงจ้องมองกันโดยไม่กะพริบตา ในตอนที่พวกของเสด็จอาเก้าอยู่ห่างจากพวกเขาเพียงไม่กี่สิบเมตร ผู้หญิงชุดแดงก็กล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา “เตรียมตัว!”

จ๊อบ แจ็บ จ๊อบ แจ๊บ...... พวกของเสด็จอาเก้ายังคงเดินไปข้างหน้า ระยะห่างยิ่งใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเห็นม้าที่อยู่ด้านหน้ายกขาขึ้นและกำลังก้าวสู่กับดัก ผู้หญิงชุดแดงก็ตะโกนออกมาทันใด “ดึงเชือก!”

บูม บูม บูม......จู่ ๆ พื้นดินก็จมลง ขาของม้าเหยียบลงบนอากาศ ทรุดตัวลงไปด้านหน้า จากนั้นก็ตกลงไปในหลุมที่เต็มไปด้วยปลายดาบอันแหลมคม หากตกลงไปถูกดาบแทงทะลุเข้าสู่หัวใจ ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางรอด...... 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ