นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1290

เสด็จอาเก้าต่อสู้ด้วยดาบในมือของเขาด้วยท่าทางที่สง่าผ่าเผย ผมที่เปียกชุ่มของเขาปลิวไปตามสายลม ทุกสิ่งรอบตัวเขาพร่ามัว มีเพียงร่างของเสด็จอาเก้าเท่านั้นที่ยังคงชัดเจนอยู่ในสายตาของทุกคน

ในตอนนั้น บนท้องฟ้าและพื้นดินราวกับว่ามีเพียงเสด็จอาเก้าผู้เดียวเท่านั้น ฝนที่โหมกระหน่ำลงมา มันก็ไม่อาจต้านทานจิตสังหารอันแรงกล้าและเยือกเย็นของเสด็จอาเก้าเอาไว้ได้

สายลับและทหารคนสนิทถูกแรงกดดันของเสด็จอาเก้าหยุดการเคลื่อนไหว แม้ว่าพวกเขาจะเป็นห่วงเสด็จอาเก้า แต่ภายใต้แรงกดดันของเสด็จอาเก้า พวกเขาไม่มีความกล้ามากพอที่จะก้าวออกไปด้านหน้า และก็ไม่กล้าพอที่จะขัดคำสั่งของเสด็จอาเก้า

สายลับกัดฟันและถอยกลับไป สายตาของพวกเขาจับจ้องไปยังร่างของเสด็จอาเก้าที่อยู่ท่ามกลางวงล้อมของเหล่าสตรี ท่าทางที่เสด็จอาเก้าแสดงออกมา มันดูน่ารังเกียจมากขึ้นเรื่อย ๆ

แม้ว่าฝนจะถาโถมลงมา แต่การที่ถูกสตรีเหล่านั้นล้อมเอาไว้ เสด็จอาเก้าก็อดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทีแห่งความเกลียดชัง ใบหน้าของเขามืดมนเสียยิ่งกว่าท้องฟ้าในเวลานี้เสียอีก

สายลับและทหารไม่กล้ามองไปตรง ๆ สตรีแห่งศาลาเสวียนชิงเหล่านั้นเองก็เหมือนกับคนบ้า พวกนางไม่หวั่นกลัวจิตสังหารที่แผ่ซ่านออกมาของเสด็จอาเก้าเลยแม้แต่น้อย บุกโจมตีเข้ามาพร้อมกับ คนที่ไม่รู้เรื่องราวก็อาจคิดว่าเสด็จอาเก้าเป็นชายที่รังแกสตรีเหล่านี้

เสด็จอาเก้าพ่นลมหายใจออกมาอย่างเยือกเย็น ยกดาบขึ้นมาเพื่อรับการโจมตี แสงแห่งดาบฟันผ่านสายฝนและเมฆหมอก เม็ดฝนกระจายตัวออกไปทั่วทิศทาง พุ่งไปยังใบหน้าของสตรีเหล่านั้น ทำให้ใบหน้าของพวกนางเต็มไปด้วยเลือด

แม้ว่ากระบวนท่าดังกล่าวของเสด็จอาเก้าจะรุนแรงเป็นอย่างมาก แต่มันก็ไร้ซึ่งไอสังหาร เขาต่อสู้ไปพร้อมกับเคลื่อนย้ายตำแหน่ง ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกห่างจากรถม้าและทหารของเขา มู่เหลียวเริ่มเข้าใจความคิดของเสด็จอาเก้า และแอบชื่นชมความกล้าหาญของเสด็จอาเก้าอยู่ในใจ

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่คนที่เฝ้ามองสถานการณ์อยู่ยังรู้สึกสับสน แม้ว่าสตรีแห่งศาลาเสวียนชิงนั้นจะไม่ได้โง่เขลา และมีวรยุทธ์ที่ไม่ธรรมดา แต่พวกนางในเวลานี้ถูกบดบังด้วยความโกรธ จึงไม่อาจรับรู้ถึงความผิดปกติใด ๆ ได้

พวกนางต้องการสังหารเสด็จอาเก้าอย่างสุดหัวใจ แต่กลับถูกเสด็จอาเก้าล่อลวงมาให้ติดกับดักโดยไม่รู้ตัว ในตอนที่พวกนางตอบสนอง เวลานี้เสด็จอาเก้าก็พาพวกนางมาถึงต้นไม้ใหญ่ที่ถูกฟ้าผ่าซึ่งยังมีกลิ่นเหม็นไหม้หลงเหลืออยู่อย่างชัดเจน

ระยะห่างเริ่มไกลขึ้นเรื่อย ๆ ประกอบกับฝนที่ตกลงมา ทำให้สายลับและทหารมองเห็นร่างของเสด็จอาเก้าไม่ชัดเท่าที่ควร เสด็จอาเก้าหลบการโจมตีของสตรีเหล่านั้นได้อย่างราบรื่น ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก มู่เหลียวพอจะเข้าใจความคิดของเสด็จอาเก้า ดังนั้นเขาจึงออกคำสั่งในทันใด “พวกเจ้าไปนำระเบิดเทียนเหล่ยมาเดี๋ยวนี้”

“ขอรับ” สายลับไร้ซึ่งความลังเล เนื่องจากฝนตกหนัก เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวจุดระเบิดเปียกน้ำจนใช้งานไม่ได้ สายลับจึงนำพวกมันมาผูกเข้าด้วยกันและกอดไว้ในอ้อมแขน

เสียงฝีเท้าจำนวนมากดังขึ้นท่ามกลางสายฝนอันรุนแรง ทำให้ถูกกลบจนแทบไม่ได้ยิน และต่อให้ตั้งใจฟังก็ได้ยินไม่ชัดเจนอยู่ดี แต่เมื่อสายลับมาถึง เสด็จอาเก้าก็รู้สึกตัวในทันใด เสด็จอาเก้าไม่ถ่วงเวลาอีกต่อไป เขาปลีกตัวออกมาพร้อมกับสั่งสายลับเหล่านั้นว่า “จุดระเบิด!”

เสด็จอาเก้าอยู่ในวงล้อมของการต่อสู้ แต่สายลับกลับไม่กล้าละเลยคำสั่งของเสด็จอาเก้า พวกเขาจุดระเบิดในทันใด เพื่อป้องกันไม่ชนวนเปียกน้ำ พวกเขาจึงรอเวลา ในตอนที่ระเบิดใกล้จะทำงาน พวกเขาถึงจะโยนระเบิดเทียนเหล่ยออกมา

“บูม บูม บูม......” ระเบิดเทียนเหล่ยถูกขว้างออกไปกลางอากาศ ก่อนที่จะตกลงสู่พื้น มันก็ระเบิดออกมา เสียงระเบิดดังลั่น เปลวไฟลุกโชน กลิ่นดินปืนอบอวลไปทั่วท้องฟ้า แต่ทุกสิ่งก็หายไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีสายฝนคอยชะล้าง แต่ก็ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือล้มตายแต่อย่างใด

“มันคืออะไรงั้นหรือ? พลุสัญญาณ?” คนของศาลาเสวียนชิงหันไปมอง พบว่าสิ่งของดังกล่าวไม่ได้ทำร้ายผู้คน จึงไม่เห็นพวกมันอยู่ในสายตา และมุ่งหน้าโจมตีเสด็จอาเก้าต่อไป

เมื่อการโจมตีพลาดเป้า สายลับเตรียมการโจมตีอีกครั้ง แต่โชคดีก็ไม่ได้อยู่ในฝ่ายของพวกเขา หลังจากโยนระเบิดเทียนเหล่ยออกมาเจ็ดถึงแปดลูก ก็ไม่มีแม้แต่ลูกเดียวที่ระเบิดออกมา ทั้งหมดถูกน้ำฝนทำให้หมดสภาพ ระเบิดเทียนเหล่ยตกลงพื้น ถูกปกคลุมไปด้วยโคลน ซึ่งไม่ได้ต่างอะไรกับลูกบอลเหล็กธรรมดา

มันจะโชคร้ายขนาดนั้นเลยงั้นหรือ ไม่มีลูกไหนระเบิดออกมาเลย?

ดวงตาของสายลับเบิกกว้าง หันมามองซึ่งกันและกัน ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับระเบิดเทียนเหล่ยที่เหลืออยู่ในมือเหล่านี้ดี

ในตอนที่พวกเขากำลังลังเล เสียงคำสั่งอันแสนเยือกเย็นก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “จุดระเบิด!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ