นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1296

สรุปบท บทที่ 1296 คลาดกัน, ปรากฎตัวที่ศาลาเสวียนชิงในฐานะทายาทตระกูลหลาน: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

อ่านสรุป บทที่ 1296 คลาดกัน, ปรากฎตัวที่ศาลาเสวียนชิงในฐานะทายาทตระกูลหลาน จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

บทที่ บทที่ 1296 คลาดกัน, ปรากฎตัวที่ศาลาเสวียนชิงในฐานะทายาทตระกูลหลาน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย อาช้าย อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ชีวิตของเฟิ่งชิงเฉินนั้นโชคดีจริงๆ เธอคาดเดาได้ถูกต้อง ทั้งสิบสองคนนี้ไม่ใช่คนของหนานหลิงจิ่นฝาน แต่พวกเธอเป็นศิษย์ของศาลาเสวียนชิง

ชุดสีม่วงเป็นสัญลักษณ์ว่าพวกเขาเป็นคนของสำนักเสื้อสีม่วง เป็นสำนักผู้หญิงที่ถูกผู้ชายทำร้าย พวกเธอมีความเห็นอกเห็นใจต่อเพื่อนร่วมชะตากรรมด้วยกัน เมื่อเห็นสภาพของเฟิ่งชิงเฉิน พวกเธอก็ไม่มีทางนิ่งดูดายได้

จินตการของผู้หญิงมักเหนือการคาดหมาย เมื่อเฟิ่งชิงเฉินเป็นลมสลมไปโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ พวกเธอก็จินตนาการไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเฟิ่งชิงเฉินต่างๆนาๆ

เมื่อพวกเธอเห็นเสื้อผ้าของเฟิ่งชิงเฉินขาด มุมปากของเธอก็บวมแดงและมีแผลหมือนถูกกัด จึงสรุปว่าเธอน่าจะเจอเข้ากับคนร้ายและเกือบถูกล่วงละเมิด

“ช่างน่าสงสารจริง ๆ ”

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเธอไม่ได้ระแวงเฟิ่งชิงเฉินเลย ผู้หญิงที่รูปร่างแข็งแกร่งคนหนึ่งถึงกับก้าวไปและแบกเฟิ่งชิงเฉินขึ้นบนหลังของเธอโดยไม่ได้รังเกียจเลย

“ผู้หญิงคนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เราต้องส่งเธอไปหาหมอ”

“ไปในเมืองกัน ที่นั่นเรามีบ้านพักอยู่” หญิงชราคนหนึ่งพยักหน้าเห็นด้วย

ดังนั้น เฟิ่งชิงเฉินจึงถูกแบกไว้บนหลังอย่างสบาย เธอถูกพาไปที่บ้านพักลึกลับแห่งหนึ่งในเมือง

เฟิ่งชิงเฉินแสร้งทำเป็นสลมมาตลอดทาง โดยหวังว่าจะได้รับข่าวสารอะไรบ้างจากการสนทนาของพวกเธอ แต่ทั้งสิบสองคนนี้ไม่ได้พูดอะไรเลยตลอดทาง มีแต่เร่งฝีเท้าในการเดินทางเท่านั้น จะมีพูดบ้างเพียงสองสามคำแต่ก็ล้วนเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของเธอ

เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกละอายใจและขอโทษผู้หญิงทั้งสิบสองคนนี้อยู่ในใจเธออย่างเงียบ ๆ เธอไม่ได้ตั้งใจจะโกหกจริงๆ เพียงแค่...

เธอเพิ่งหนีออกมาจากถ้ำหมาป่า และเธอก็กลัวจริงๆ!

มีคนแบกไว้บนหลังและไม่ได้มีอันตรายอะไร เฟิ่งชิงเฉินก็ผ่อนคลายอย่างรวดเร็ว จากนั้น... เธอก็หลับตาและเผลอหลับหลับไปจริง ๆ

เมื่อเธอตื่นขึ้นมา ก็มีคนช่วยทำความสะอาดเนื้อตัวและใส่เสื้อผ้าที่สะอาดให้เธอเรียบร้อย แผลบนตัวก็ได้รับการรักษาทำแผลแล้วเช่นกัน

เฟิ่งชิงเฉินแอบต่อว่าตัวเองที่ไม่ระมัดระวังเลย แต่เธอก็เข้าใจว่าเธอได้รับบาดเจ็บไม่ใช่น้อย ไม่เช่นนั้นเธอคงจะไม่หมดสติไปนานขนาดนี้

เฟิ่งชิงเฉินขยับตัวเล็กน้อย คนที่คอยดูแลเธอสังเกตเห็น: "น้องสาว เจ้าตื่นแล้วเหรอ อย่าเพิ่งขยับนะ ท่านหมอบอกว่าเจ้ามีเลือดออกในปอด เจ้าต้องพักรักษาตัว"

“แค๊ก ๆ …” เฟิ่งชิงเฉินไอเบา ๆ แล้วเอามือขวาวางที่หัวใจ

ให้ตายเถอะ มันเจ็บมาก บาดเจ็บสาหัสจริง ๆ

“ขอบคุณ ขอบคุณแม่นาง ต้องลำบากพวกเจ้าแล้ว ข้าควรเรียกเจ้าว่าอะไร?” แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะไม่ได้อ่อนเพลียมากนัก แต่ก็แสร้งทำเป็นอ่อนแอมาก แต่อันที่จริงเธอก็ได้รับบางเจ็บจริงๆ

“ข้าชื่อจื่อฉิง เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล ในเมื่อเราเจอเจ้าแล้ว ก็ต้องดูแลเจ้าจนกว่าจะหายดีหรือคนในครอบครัวของเจ้ามารับ”

“ขอบคุณ” เฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยความสับสน คนๆ นี้ช่างใจดีจริง ๆ เดิมทีเธออยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อคิดว่าตัวเองก็เป็นเพียงผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง และยังได้รับบาดเจ็บถ้าไม่มีคนดูแลอยู่ข้าง ๆ มันก็อันตรายอย่างมาก จึงนิ่งเงียบสงบลง

ดังนั้น ภายใต้การดูแลของผู้หญิงทั้งสิบสองคนจากสำนักเสื้อสีม่วงแห่งศาลาเสวียนชิง เฟิ่งชิงเฉินจึงพักรักษาอาการบาดเจ็บของเธอด้วยความสบายใจ ในขณะที่เธอรู้สึกสบายใจแต่คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้รู้สึกสบายใจไปด้วย

ไม่ต้องพูดถึงทหารม้าสิบแปดคนของตระกูลซือจะตำหนิตัวเองมากแค่ไหน ยังมีเหวินหยวนและจั่นเหยียนจะเป็นกังวลแค่ไหนนั่นก็ไม่ต้องไปพูดถึง แค่พูดถึงเสด็จอาเก้าคนเดียวก็พอ ว่าหลังจากที่เขาระเบิดพระราชวังของหนานหลิงจิ่นสิงแล้วหาตัวเฟิ่งชิงเฉินไม่เจอนั้น เขาเป็นกังวลแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว

เธอรู้ว่านี่ถือเป็นการหลอกลวง แต่ทำให้เข้าใจผิดก็ดีกว่าหลอกลวงผู้มีพระคุณ

เมื่อคนของศาลาเสวียนชิงเห็นเป็นเช่นนี้ พวกเขาจึงคาดเดาและสรุปว่าเฟิ่งชิงเฉินต้องพบกับความยากลำบาก แต่พวกเธอก็ไม่ได้เป็นผู้หญิงที่โง่เขลา เมื่อดูลักษณะของเฟิ่งชิงเฉินก็บอกได้เลยว่าเธอไม่ใช่สาวพรหมจารีอีกต่อไป แต่เธอก็แต่งตัวเหมือนสาวแรกรุ่น เลยคิดว่าเธอคงโดนผู้ชายหลอกมา

เฟิ่งชิงเฉินแทบไม่ต้องเอ่ยปากพูดอะไร ผู้หญิงทั้งสิบสองคนในชุดสีม่วงผลัดกันปลอบใจเฟิ่งชิงเฉิน บอกให้เธออย่าคิดมาก พวกเธอก็ใช้ชีวิตได้ดีโดยไม่มีผู้ชาย เมื่อเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้แล้ว ก็สามารถไปแก้แค้นพวกผู้ชายเหล่านั้นได้

ครึ่งเดือน เธอฟังมาเกือบครึ่งเดือน รอจนรู้ตัวว่าสิ่งต่างๆเริ่มผิดปกติ ต้องการกล่าวลาก็พบว่าเธอออกไปไม่ได้อีกแล้ว หญิงสาวพวกนี้เชื่อว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เคยโดนผู้ชายรักแก เป็นตายยังไงก็จะให้เธอเข้าร่วมสำนักให้ได้ แล้วค่อยไปแก้แค้นผู้ชายเหล่านั้น

เฟิ่งชิงเฉินหลั่งน้ำตา ถ้าเสด็จอาเก้ารู้เขาจะโกรธผู้หญิงศาลาเสวียนชิงแค่ไหนที่ไปว่าเขาเป็นผู้ชายไร้ยางอายทรยศและไร้ความรับผิดชอบ

เฟิ่งชิงเฉินมองไปที่หญิงสาวที่มาเกลี้ยกล่อมเธออย่างเงียบๆ แม้แต่คำปฏิเสธเธอก็ขี้เกียจที่จะพูดแล้ว ผู้หญิงเหล่านี้ เหมือนนักขายสินค้าที่ไม่สนใจคำปฏิเสธของเธอเลย แม้ว่าเธอจะแสดงออกอย่างแข็งขืนก็ตาม พวกเธอกลับส่งคนมาจับตาดูเธอตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

เป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่เธอเอาชนะพวกเขาไม่ได้ ที่สำคัญเธอยังบาดเจ็บอยู่ เธอจึงอาศัยจังหวะที่ยังอ่อนแออยู่กักตัวอยู่แต่ในบ้าน ตราบใดที่เธอไม่ยินยอมเธอก็จะไม่ได้ออกไป ยังไงก็จะบีบบังคับเธอเข้าร่วมศาลาเสวียนชิงให้ได้...

เฮ้อ เสด็จอาเก้า ข้าคิดถึงท่านมากเลย ได้โปรดรีบมาช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากเข้าร่วมกับศาลาเสวียนชิง และข้าไม่ต้องการไปแก้แค้นท่านด้วย และยิ่งไม่อยากเหมือนผู้หญิงเหล่านี้ อาศัยความเกลียดชังผู้ชายเพื่อมีชีวิตอยู่

หากวันหนึ่งท่านจะทิ้งข้าจริงๆ ข้าจะไม่มีวันเหมือนผู้หญิงเหล่านี้ที่เหยียดหยามท่าน เพราะว่าข้าจะลืมท่าน และข้าจะไปตามหาความสุขของข้าอีกครั้ง แทนที่จะฝากความสุขทั้งหมดไว้กับท่านเพียงคนเดียว...

น่าเสียดายที่เสด็จอาเก้าไม่ได้ยินเสียงเรียกของเฟิ่งชิงเฉิน ในขณะที่เฟิ่งชิงเฉินคิดถึงเสด็จอาเก้าอยู่นั้น หลานจิ่วชิงสวมใส่ชุดสีดำและหน้ากากสีเงินที่ปกปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งปรากฏตัวที่ศาลาเสวียนชิงในฐานะทายาทตระกูลหลาน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ