หวังจิ่นหลิงและลุงจ้านพูดคุยกันเรื่องอะไร คนนอกไม่มีทางรู้ และจะรู้เพียงแค่ว่าหลังจากที่ได้พูดคุยกับหวังจิ่นหลิงในช่วงบ่าย ลุงจ้านก็เลิกบ่นถึงผู้หญิงสารเลว และก็ไม่ได้ไปสร้างปัญหาให้กับจ้านหยาน ท่าทางของเขาดูสดใสและมีพลังขึ้นมาก
ตามความเข้าใจส่วนตัวของเสด็จอาเก้า ลุงจ้านน่าจะเห็นด้วยกับเรื่องการแต่งงานของจ้านหยาน ที่จ้านหยานสามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง หากจ้านหยานไม่เห็นด้วย ก่อนที่นางจะอายุครบยี่สิบปี ตระกูลจ้านก็ไม่อาจบังคับให้นางแต่งงานได้
เนื่องจากพ่อของจ้านหยานเสียชีวิต นางจะต้องปฏิบัติตามกฎแห่งความกตัญญู ห้ามแต่งงานก่อนสามปีหลังจากนั้น แต่หากต้องรอถึงสามปี อายุของนางก็เกินกว่าที่จะแต่งงาน หวังจิ่นหลิงต้องการนำเงื่อนไขนี้ออกมา และถือว่ามันเป็นความตั้งใจของผู้อาวุโสเหวินหยวนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
ไม่ว่านางจะเป็นลูกสาวของตระกูลผู้สูงศักดิ์หรือลูกสาวของตระกูลบัณฑิตผู้โดดเด่น แต่เมื่อเลยช่วงอายุของการแต่งงานไปแล้ว หากจะหาผู้ชายดี ๆ มันก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย คนเราต่างถูกกำหนดให้หมั้นหมายและแต่งงานตั้งแต่เนิ่น ๆ ต่อให้เจ้าดีแค่ไหนก็ไม่อยากหาคนที่คู่ควรและเหมาะสมได้
หลังจากผ่านไปสามปี ด้วยความเกลียดชังที่ลุงจ้านและลุงใหญ่จ้านมีต่อจ้านหยาน จ้านหยานจะต้องทำการแต่งงานใหม่อีกครั้ง หวังจิ่นหลิงเองก็จำเป็นต้องทุ่มเทไม่น้อยถึงทำให้ลุงใหญ่จ้านยอมผ่อนคลายและไม่ทำให้เรื่องการแต่งงานกับของจ้านหยานเป็นเรื่องยาก
คำพูดประโยคหนึ่งของผู้อาวุโสเหวินหยวนนั้นผิดไป เขาไม่สามารถปกป้องจ้านหยานไปได้ทั้งชีวิต จ้านหยานจะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยลำแข้งของตัวเอง
ก่อนที่ผู้หญิงจะแต่งงาน ไม่ว่าจะครอบครัวไหนต่างก็มีชีวิตที่สุขสบายเช่นเดียวกัน แต่หลังจากแต่งงานออกไปแล้ว ชีวิตของพวกนางก็จะแตกต่างกันออกไป ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับโชคชะตา
สำหรับเฟิ่งชิงเฉินแล้ว ชีวิตนี้ของนางไม่เคยคิดว่าจะแต่งงาน ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับนาง ซึ่งมันต่างจากจ้านหยาน นางเกิดมาจากตระกูลจ้าน ไม่ว่านางอยากจะแต่งงานหรือไม่ สุดท้ายแล้วนางก็ไม่อาจเลือกได้ และการแต่งงาน มันก็ไม่ได้หมายความว่านางจะแต่งงานกับใครก็ได้ และการที่หวังจิ่นหลิงทำเช่นนี้ ทั้งหมดก็เพื่อสร้างอำนาจในการตัดสินใจให้กับนาง
“เจ้าทุ่มเทถึงเพียงนี้ ทั้งหมดก็เพื่อทำให้จ้านหยานมีสิทธิ์ที่จะเลือกคู่แต่งงาน ดวงวิญญาณของผู้อาวุโสเหวินหยวนที่อยู่บนสวรรค์ เมื่อรู้ว่าเจ้าทุ่มเทให้กับจ้านหยานมาเพียงนี้ เขาก็คงตายตาหลับแล้ว” เสด็จอาเก้าจ้องมองหวังจิ่นหลิงด้วยรอยยิ้มครึ่ง ๆ กลาง ๆ “น่าเสียดายที่สถานะของจ้านหยานนั้นไม่ค่อยดี ไม่เช่นนั้นหลังจากผ่านไปสามปี เจ้าได้แต่งงานกับนาง ไม่แน่ว่าอาจจะสร้างช่วงเวลาที่ดีต่อกันก็เป็นได้”
“ข้าไม่ใช่เจ้า ข้าไม่มีทางรับใครมาเป็นภรรยาสุ่มสี่สุ่มห้า” หวังจิ่นหลิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย บ่งบอกถึงการเสียดสี แต่เสด็จอาเก้าไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ “เจ้าจะรักษาความซื่อสัตย์และขาวสะอาดไร้ที่ติเหมือนหยกแล้วมันอย่างไร? หวังจิ่นหลิง แม้ว่าชีวิตนี้เจ้าจะได้กลายเป็นสุภาพบุรุษ แต่เจ้าก็เป็นสุภาพบุรุษที่ล้มเหลว”
“จะเป็นสุภาพบุรุษหรือไม่ข้าไม่รู้ ข้ารู้เพียงแค่ว่า ชีวิตนี้ของข้ามีเพียงแค่ใจดวงเดียวเท่านั้น” หวังจิ่นหลิงไม่ได้โกรธ ท่าทางของเขาดูสงบ ราวกับว่าไม่เห็นเรื่องใดอยู่ในสายตา
ในความเป็นจริงมันก็เป็นเช่นนี้ แม้แต่สิ่งที่ทำลายชื่อเสียงของสำนักศึกษาจี้เซี่ยเขายังมองข้ามได้ เช่นนั้นจะมีสิ่งใดที่เขาไม่สามารถมองข้ามได้
“ใจเดียว? ชีวิตมันต้องเหนื่อยถึงเพียงนั้นเลยงั้นหรือ มันไม่ใช่สิ่งจำเป็น” สิ่งที่หวังจิ่นหลิงคาดหวังมีมากมาย มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาไม่อาจปล่อยวางได้ หรือพูดอีกอย่างก็คือ......พวกเขานั้นเป็นคนประเภทเดียวกัน
“คำพูดเช่นนี้ออกมาจากปากของเจ้า มันช่างเป็นเรื่องน่าแปลกใจยิ่งนัก เจ้าคิดว่าเจ้าดีกว่าข้ามากอย่างนั้นหรือ?” อารมณ์ของหวังจิ่นหลิงดีขึ้นในทันใด
เมื่อเทียบกับเสด็จอาเก้าแล้ว เขาค่อนข้างจะโชคดีกว่า เขาได้ทุกสิ่งที่เขาต้องการ แต่สิ่งที่เสด็จอาเก้าอยากได้มากที่สุด เวลานี้มันยังห่างไกล
“แข็งแกร่งกว่าเจ้าเล็กน้อย แต่ก็แข็งแกร่งกว่า” เสด็จอาเก้านึกขึ้นได้ว่าเฟิ่งชิงเฉินยังคงโกรธเขาอยู่ มุมปากของเขาแข็งขึ้นเล็กน้อย และไม่มีอารมณ์มาต่อปากต่อคำกับหวังจิ่นหลิง หลังจากพูดคุยกับหวังจิ่นหลิงอีกเล็กน้อยว่าจะจัดการกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับสำนักศึกษาจี้เซี่ยอย่างไร เสด็จอาเก้าก็บอกเป็นนัยว่าหวังจิ่นหลิงสามารถออกไปได้แล้ว
แต่ในวันนี้ ดูเหมือนหวังจิ่นหลิงจะต้องการต่อต้านอย่างสุดกำลัง ไม่ว่าเสด็จอาเก้าจะแสดงออกมาอย่างไร เปิดเผยหรือบ่งบอกอย่างลับ ๆ หวังจิ่นหลิงก็ไม่ยอมไป หยิบยกหัวข้อมาพูดคุยกับเสด็จอาเก้าอยู่เสมอ จนกระทั่งมีคนใช้เข้ามารายงานว่าฮูหยินอาวุโส จ้านอยากพบกับหวังจิ่นหลิง หวังจิ่นหลิงถึงต้องยอมจากไปอย่างไม่เต็มใจ
“ได้เข้าไปยุ่งกับปัญหาของตระกูลจ้าน ข้ายินดีกับเจ้าด้วย” ใบหน้าของเสด็จอาเก้าเป็นสีดำ
หลังจากถูกหวังจิ่นหลิงทำให้เสียเวลามาหลายชั่วโมง เวลานี้ยังไม่ได้จัดการหน้าที่การงานของเขาเลยแม้แต่น้อย คืนนี้ไม่รู้ว่าเขาจะได้พักผ่อนเมื่อใด
หวังจิ่นหลิงค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน ปัดรอยพับของเสื้อผ้าแล้วกล่าวออกมาว่า “สำหรับข้า ตระกูลจ้านนั้นไม่ใช่ปัญหา ตระกูลจ้านไม่ได้บังคับให้ข้าทำในสิ่งที่ข้าไม่ต้องการ ใช่แล้ว ข้าลืมบอกเจ้าไปเรื่องหนึ่ง สาวใช้ที่อยู่ข้างกายขององค์หญิงหมิงเว่ยนั้น มีความพิเศษเป็นอย่างมาก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...