นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1322

ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินมีความโศกเศร้าเล็กน้อย เธอวางข้อศอกไว้บนเข่าและจับคางไว้ในมือ มองไปทางทิศตะวันออกราวกับกำลังรอให้ดวงอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้า แต่หวังจิ่นหลิงพบว่าดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินนั้นว่างเปล่าราวกับตุ๊กตาที่ไร้วิญญาณ

หวังจิ่นหลิงทำท่าจะเปิดปากพูดอะไร แต่ในที่สุดก็พูดอะไรไม่ออก

ตั้งแต่ที่ตัดสินใจเป็นแค่เพื่อนกัน บางคำพูดก็ไม่สมควรพูด และเรื่องบางเรื่องก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องไปกังวล หากเข้าไปยุ่งเกี่ยวมากเกินไปจะยิ่งทำให้ทั้งสองคนเจ็บปวดได้ ถ้าไม่อย่างนั้นเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่หนีออกมาจากเมืองจักรพรรดิ โดยไม่กล่าวคำอำลา

หวังจิ่นหลิงนั่งเงียบ ๆ กับเฟิ่งชิงเฉินบนหลังคา มองดูพระอาทิตย์ขึ้นอย่างช้า ๆ จากขอบฟ้า แสงสีทองสาดส่องลงมาบนพื้นดิน อุณหภูมิเพิ่มขึ้นทีละน้อยๆ แต่ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของหวังจิ่นหลิงและเฟิ่งชิงเฉินอบอุ่นขึ้นมาได้เลย

ทั้งสองขึ้นมาบนหลังคาเพื่อที่จะชมพระอาทิตย์ขึ้น แต่จนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้น พวกเขาก็ไม่แม้แต่จะมองเลย พวกเขานั่งหลับตาอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ครุ่นคิดเกี่ยวกับความในใจของตัวเอง จมอยู่ในโลกของตัวเอง

จนกระทั่งแสงตะวันส่องมาถึงหลังคา แสงจ้าจนทำให้ไม่สามารถลืมตาได้ เฟิ่งชิงเฉินถึงได้สติขึ้นมาอีกครั้ง และพูดกับหวังจิ่นหลิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอว่า "พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เราลงไปกันเถอะ"

หวังจิ่นหลิงไม่ได้ถามอะไรมากมายนอกจากพยักหน้า รอจนกระทั่งเฟิ่งชิงเฉินปีนบันไดลงไปแล้ว เขาจึงได้ปีนบันไดลงมาอย่างช้า ๆ ด้วยท่าทางที่สง่างาม ท่าทางการปีนบันไดของเขาช่างมีเสน่ห์ยิ่งนัก สาวใช้หลายคนถึงหลงไหล

เฟิ่งชิงเฉินแสดงรอยยิ้มติดตลก รอให้หวังจิ่นหลิงลงมาแล้ว เธอจะบอกเรื่องนี้ให้เขาฟัง

หวังจิ่นหลิงดูเขินอาย: "ชิงเฉิน เจ้าหยุดหัวเราะข้าได้แล้ว เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นนักวิชาการที่ไร้ความสามารถ พวกเธอไม่ได้ชื่นชมท่าทางลงบันไดที่สง่างามของข้าหรอก พวกเธอรอที่จะหัวเราะเยาะข้าตอนที่ข้าตกบันไดลงมามากกว่า"

หวังจิ่นหลิงดูกังวลและแตะหน้าผากของเขาเพื่อดูว่ามีเหงื่อออกมาหรือไม่ ท่าทางตลก ๆ ของเขาทำให้เฟิ่งชิงเฉินยิ้ม เฟิ่งชิงเฉินหยุดหยอกล้อเขา เมื่อดูเวลาสายมากแล้วจึงชวนเขาไปทานอาหารเช้าด้วยกัน แต่หวังจิ่นหลิงส่ายหัวปฏิเสธ: "ไม่ล่ะ"

เขาไม่อยากสร้างปัญหาให้ใครต้องไม่พอใจ

เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินนั้นมีปัญหากันอยู่ พวกเขาแค่ต้องการเวลาและโอกาสในการพูดคุยทำความเข้าใจกัน เขาไม่มีความตั้งใจที่จะไปทำร้ายความสัมพันธ์ของใคร

“ก็ได้ งั้นข้าไปนะ ” เฟิ่งชิงเฉินโบกมือและจากไปอย่างสง่าผ่าเผย

หวังจิ่นหลิงถอนหายใจเบา ๆ แล้วกลับไปที่ห้องพักของตัวเอง หลังจากที่หวังจิ่นหลิงล้างหน้าเสร็จแล้ว ถึงได้ไปที่ห้องโถงดอกไม้เพื่อทานอาหารเช้า ทันทีที่เขาเข้ามาก็เห็นจั่นเหยียนนั่งรอเขาอยู่ด้านในแล้ว

“พี่จิ่นหลิง” จั่นเยียนลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าและก้มศีรษะ เหมือนเด็กน้อยที่รู้สึกผิด

รอยยิ้มบนใบหน้าของหวังจิ่นหลิงค้างอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น: "เหยี่ยนเอ๋อร์ ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ได้? หรือเจ้าจะมาทานอาหารเช้าที่นี่?"

“ไม่ใช่ พี่ชายจิ่นหลิง ข้ามาที่นี่เพื่อรอพบท่านโดยเฉพาะ” จั่นเหยียนรับรู้ถึงความห่างเหินของหวังจิ่นหลิง รู้สึกเจ็บปวดอยู่ในใจ

หลังจากที่พ่อของเธอเสียชีวิต ไม่เพียงแต่คนของตระกูลจั่นจะดูหมิ่นเธอ หรือว่าพี่จิ่นหลิงก็จะไม่สนใจเธอแล้วงั้นเหรอ?

“รอพี่งั้นเหรอ? เจ้ามีเรื่องอะไรงั้นหรือเปล่า?” หวังจิ่นหลิงแสร้งทำเป็นไม่รู้ จั่นเหยียนกัดริมฝีปากแล้วพูดว่า: "พี่จิ่นหลิง ข้ามาที่นี่เพื่อจะมาขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อคืนนี้ เมื่อคืนเป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น แค่อยากพบท่านเพื่อถามเกี่ยวกับบางสิ่งเท่านั้น ท่านโปรดให้อภัยข้าด้วย”

“ไม่ใช่เรื่องให้อภัยหรือไม่ให้อภัย มันก็เป็นความผิดของพี่ที่เมื่อคืนใช้อารมณ์มากเกินไป” เมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาพูดเมื่อคืนนี้ หวังจิ่นหลิงก็รู้ว่าเขาพูดจารุนแรงเกินไปหน่อย จึงรู้สึกละอายใจมาก

“เหยียนเอ๋อร์ เจ้าอย่าโกรธพี่จิ่นหลิงเลยนะ พี่จิ่งหลิงไม่ได้ตั้งใจ” ไม่ว่าอย่างไร เหยียนเอ๋อร์ไม่ใช่คนผิด แผ่นการของจั่นเหล่าฮูหยินไม่เกี่ยวข้องกับเหยียนเอ๋อร์

จั่นเหยียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก: "พี่จิ่นหลิงไม่โกรธข้าก็ดีแล้ว พี่จิ่นหลิงท่านย่าของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?"

“เหยียนเอ๋อร์เจ้าไปดูแล้วเจ้าจะรู้เอง ” หวังจิ่นหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเข้าใจดีว่าจั่นเหล่าฮูหยินจงใจปฏิเสธจั่นเหยียนเข้าพบอย่างแน่นอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ