นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1324

สรุปบท บทที่ 1324 รับคน เส้นทางหลังขององค์หญิงหมิงเว่ย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 1324 รับคน เส้นทางหลังขององค์หญิงหมิงเว่ย – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1324 รับคน เส้นทางหลังขององค์หญิงหมิงเว่ย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

สุดท้ายเสด็จอาเก้าก็ไม่ได้สมปรารถนา เรื่องบางเรื่องเฟิ่งชิงเฉินมีความคิดความเด็ดขาดของตัวเอง แม้นว่าจะเป็นเสด็จอาเก้าก็ไม่สามารถทำให้นางยอมแพ้ได้

เสด็จอาเก้าหมดหนทางทำได้เพียงปล่อยตัวนางออกอย่างเชื่อฟัง แต่ว่ามีเรื่องที่ควรดีใจเรื่องหนึ่งคือความขัดแย้งระหว่างทั้งสองได้คลี่คลายแล้ว อย่างน้อยเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้โกรธเขาแล้ว

คืนวันนั้น เสด็จอาเก้าพาเฟิ่งชิงเฉินออกไปนอกเมืองทันที โดยไม่ได้ตรวจเอกสารต่อ เพื่อชมดาวอันงดงามบนท้องฟ้า

บุรุษใจแคบ

เฟิ่งชิงเฉินก่นด่าในใจ ทว่าปากกลับไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงแค่ยื่นมือออกไปตรงหน้าเสด็จอาเก้าให้เขาดึงขึ้นหลังม้า

ทั้งสองขี่ม้าอยู่บนเส้นทางหลวงอันไร้ผู้คน เสียงลมพัดดังหวีดหวิวอยู่ในหู เฟิ่งชิงเฉินซุกศีรษะเข้าไปในอ้อมกอดของเสด็จอาเก้า เพื่อป้องกันไม่ให้ลมบาดใบหน้า

ความเร็วยิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนมีจังหวะหนึ่งเกือบจะบินหลุดออกไปอย่างไรอย่างนั้น ความรู้สึกนี้กับตอนที่ขี่ม้าเองนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง เฟิ่งชิงเฉินหลุดเสียงตกใจออกไปโดยห้ามไม่อยู่ ทำให้เสด็จอาเก้าหลุดหัวเราะออกมา “ที่แท้ ชิงเฉินเองก็กลัวเป็นนี่นา”

“ข้าไม่ได้กลัวสักหน่อย ทักษะการขี่ม้าของข้าดีกว่าท่านเสียอีก” เฟิ่งชิงเฉินใช้มือทุบไปที่เสด็จอาเก้าหนึ่งที “ท่านตั้งใจทำเช่นนี้นี่”

“เปิ่นหวังเพียงแค่ไม่อยากเสียเวลาบนถนนเท่านั้น” เสด็จอาเก้าไม่เพียงแต่ไม่ลดความเร็ว แต่กลับยิ่งเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เฟิ่งชิงเฉินต้องกอดเสด็จอาเก้าไว้แน่นๆ ไม่กล้าพูดอะไรอีก ไม่อยากกินดินกินทรายเข้าไป

ไม่นานทั้งสองก็มาถึงตีนเขานอกเมือง มีเสด็จอาเก้าอยู่ด้วย เฟิ่งชิงเฉินจึงไม่จำเป็นต้องปีนเขาเอง เสด็จอาเก้าอุ้มตัวนาง แล้วพุ่งขึ้นไปยังยอดเขาทันที

“ถึงแล้ว”

เฟิ่งชิงเฉินยืนบนยอดเขาแหงนมองดูท้องฟ้า แล้วยิ้มหน้าแป้นอย่างมีความสุข

ภูเขาลูกนี้ไม่สูงและไม่มีดินแดนที่สามารถหยิบดวงดาวได้ด้วยมือเปล่า แต่ทว่า…บรรยากาศบนภูเขาบริสุทธิ์ ทั้งยังไม่มีแสงไฟรบกวน ทำให้สามารถมองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน

เฟิ่งชิงเฉินใช้นิ้วชี้ไปบนท้องฟ้าแล้วเริ่มนับดวงดาวขึ้นมาทีละดวงๆ ในปากพึมพำอะไรบ้างไม่รู้ เสด็จอาเก้าได้ยินไม่ชัดนัก จากนั้นพลันล้มตัวลงนอนบนพื้นพร้อมหนุนตักเสด็จอาเก้า “ท้องฟ้าที่นี่งามนัก”

ทั้งกว้างขวางและเงียบสงบ ไม่ว่าจะอารมณ์ไม่ดีมากเพียงใด วินาทีนี้ย่อมใจเย็นลงในทันใด เฟิ่งชิงเฉินมองดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวพลางพึมพำอยู่เบาๆ

แต่ก่อนนางมักจะนั่งมองดวงดาวอยู่บนพื้นบ่อยๆ เพราะในสนามรบไม่มีความบันเทิงอื่นๆ ความกดดันจึงสูง ดังนั้นการมองดวงดาวจึงดูเหมือนเป็นวิธีเดียวที่สามารถบรรเทาความกดดันได้

ดวงดาวในสนามรบสวยยิ่งกว่าในเมือง แต่ทว่าทุกๆ ครั้งกลับมีเพียงแค่นางคนเดียว

“หากเจ้าชอบ ต่อไปเปิ่นหวังจะพาเจ้ามาอีก” ชายแดนนี้พวกเขาต้องมาอีกแน่ไม่ช้าก็เร็ว เสด็จอาเก้าไม่ได้พูดเล่น

“อืม ข้าจะจำไว้” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด เพียงแต่ในใจไม่ได้คาดหวังขนาดนั้น

เสด็จอาเก้ายอมง้อนางเช่นนี้ แสดงว่าพวกเขากำลังทะเลาะกันอยู่ นางไม่กลัวการทะเลาะ แต่ก็ไม่อยากให้ทั้งสองทะเลาะกันสามวันดีสี่วันร้ายเช่นกัน

เฟิ่งชิงเฉินชี้ไปยังดวงดาวบนท้องฟ้าแล้วเริ่มแนะนำให้เสด็จอาเก้า “ท่านดูสิ นั่นคือดาวจื่อเวยหยวน เป็นดวงดาวแห่งราชวัง ส่วนนั่นคือดาวจักรพรรดิ นั่นคือดาวไท่จื่อ นั่นคือดาวเทียนซู นั่นคือดาวอวี้หนี่ว์ และนั่นคือดาวหวาไก้…”

เฟิ่งชิงเฉินชี้เบาๆ ด้วยมือเปล่าพร้อมบอกชื่อดวงดาวเหล่านั้นออกมาโดยไม่ต้องคิดเลยแม้แต่นิด ทำเอาเสด็จอาเก้าจ้องเฟิ่งชิงเฉินอย่างตะลึงจนอ้าปากตาค้างอยู่นานกว่าจะดึงสติกลับมาได้แล้วถามออกไปว่า “เจ้ารู้เรื่องโหราศาสตร์ด้วยหรือ”

หรือว่าแท้จริงแล้วเฟิ่งชิงเฉินจะเป็นทายาทตระกูลฝู ไม่ใช่ทายาทตระกูลเฟิ่งหลี?

“เปล่านี่ ข้ารู้เท่านี้แหละ ใช้หลอกคนไม่รู้เรื่องน่ะ” เฟิ่งชิงเฉินเอ่ยอย่างซุกซน เมื่อเห็นสีหน้าของเสด็จอาเก้าเปลี่ยนจากตะลึงตกใจมาเป็นผิดหวัง แล้วค่อยมาเป็นสงบนิ่งแล้ว เฟิ่งชิงเฉินพลันหลุดหัวเราะออกมา ในศีรษะนึกถึงทหารผิวคล้ำผู้นั้น

เฟิ่งชิงเฉินอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “นั่นไม่ใช่ว่าอยู่ในเขตซีหลิงหรอกหรือ”

“รอให้เทียนอวี่ขึ้นครองราชย์ก็สามารถไปได้แล้ว” เสด็จอาเก้าเอ่ยอย่างมั่นใจ

“เทียนอวี่? สถานการณ์ที่ซีหลิงสงบลงแล้วหรือ” ทั้งซีหลิง ทั้งตงหลิงแล้วยังมีหนานหลิงอีก เสด็จอาเก้าช่างยุ่งเสียจริง

“กษัตริย์แห่งซีหลิงไม่มีตัวเลือกอื่น” สังหารผู้สืบทอดทั้งหมด มีเพียงเทียนอวี่ผู้เดียว ถึงกษัตริย์แห่งซีหลิงจะไม่พอพระทัยอย่างไร ก็ทำได้เพียงให้ซีหลิงเทียนอวี่ขึ้นครองราชย์เท่านั้น เพราะซีหลิงเทียนอวี่เป็นพงศ์พันธุ์ของเขา

“เทียนอวี่เองก็ร่วมหวานร่วมขมจริงๆ เขาจะเข้าพิธีอภิเษกสมรสเมื่อใด” เฟิ่งชิงเฉินเอ่ยถอนหายใจประโยคหนึ่ง

จากองค์ชายผู้พิการขาทั้งสองข้างมาถึงบัดนี้ได้นั้น ซีหลิงเทียนอวี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ

“วสันตฤดูปีหน้า เทียนอวี่อายุไม่น้อยแล้ว หากไม่ใช่ว่าเสด็จแม่ของเขาขัดขวางไว้ก่อนล่ะก็ ป่านนี้เขาคงมีพระชายาไปแล้ว” ซีหลิงเทียนอวี่ไม่ใช่เขา ในฐานะที่เป็นองค์ชาย เขาอภิเษกสมรสตั้งแต่อายุยังน้อยเป็นเรื่องธรรมดา

“ถึงครานั้นท่านจะไปหรือไม่”

ระหว่างทางทั้งสองสนทนากันอย่างไม่จบสิ้น เพลาเช้าตรู่แทบจะไม่มีผู้คนสัญจร ทั้งสองจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าการที่ขี่ม้าด้วยกันจะดึงดูดความสนใจอันไม่พึงประสงค์ของผู้คน

ก่อนที่จะรับสำรับเช้า ทั้งสองกลับไปที่พัก เดิมเฟิ่งชิงเฉินอยากไปล้างหน้าสีฟันสักหน่อย ทว่าทันทีที่ไปถึงห้องโถงใหญ่ มู่เหลียวก็วิ่งแจ้นเข้ามารายงานว่า “ท่านอ๋อง แม่นาง องครักษ์ส่วนพระองค์ของลั่วอ๋องมีพระบัญชาจากฮองเฮาให้มารับองค์หญิงหมิงเว่ย อ้างว่าไม่เชื่อว่าเราจะดูแลองค์หญิงหมิงเว่ยได้ขอรับ”

แบบนี้มันตบหน้าเสด็จอาเก้าซึ่งๆ หน้าชัดๆ ถึงแม้จะคาดเดาไว้ตั้งแต่ต้นแล้วก็ตาม แต่ทว่ามู่เหลียวก็อดไม่ได้ที่จะอารมณ์เสีย อีกฝ่ายช่างเหิมเกริมนัก!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ