องค์หญิงหมิงเว่ยโน้มตัวไปทางสาวใช้อย่างอ่อนแอ ความเจ็บปวดและการดิ้นรนในดวงตาของนางทำให้ผู้คนรู้สึกน่าสงสาร แต่น่าเสียดายที่เฟิ่งชิงเฉินนั้นไม่ใช่ผู้ชาย
“คำพูดนี้ องค์หญิงเอาไปพูดกับจ้านหยานจะดีกว่า องค์หญิงจะทำสิ่งใดมันก็ไม่เกี่ยวข้องกับข้า เพราะคนที่องค์หญิงสังหารนั้นไม่ใช่พ่อของข้า” คำพูดของเฟิ่งชิงเฉินบ่งชี้ไปถึงการตายของผู้อาวุโสเหวินหยวน ใบหน้าขององค์หญิงหมิงเว่ยซีดขาว เดินเซไปด้านหลัง “ไม่ใช่ข้า ไม่ใช่ข้า การตายของท่านอาจารย์ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับข้า ข้าไม่ได้......”
“ความจริงเป็นเช่นไร ท่านก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ท่านจะพูดอะไรกับข้ามันก็ไร้ประโยชน์ หากไม่ใช่เพราะการตายของผู้อาวุโสเหวินหยวน ท่านจะเอาอะไรไปผูกมิตรกับลั่วอ๋อง” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวออกมาอย่างเย้ยหยัน กล่าวออกมาอย่างไม่เกรงใจ ทำลายความเสแสร้งขององค์หญิงหมิงเว่ยอย่างสิ้นซาก
“องค์หญิง ท่านต้องดูแลตัวเองให้ดี คนอย่างผู้นำตระกูลหวังไม่มีทางปล่อยคนที่ทำร้ายผู้อาวุโสเหวินหยวนให้ลอยนวลเป็นแน่” เฟิ่งชิงเฉินทิ้งประโยคนี้ไว้และเดินจากไป ส่วนแท้จริงแล้วองค์หญิงหมิงเว่ยต้องการจะพูดคุยอะไรกับนาง นางไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจแม้แต่น้อย
อีกไม่นานพวกนางก็มีโอกาสจะได้พบกันอีก องค์หญิงหมิงเว่ยที่ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับลั่วอ๋อง เวลานี้ได้ตัดความสัมพันธ์กับพวกเขาอย่างสิ้นเชิง......
เฟิ่งชิงเฉินคิดว่าองค์หญิงหมิงเว่ยจะจากไปอย่างเชื่อฟัง เนื่องจากนางได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนไปแล้วว่า หวังจิ่นหลิงได้รับรู้ถึงเรื่องการตายของผู้อาวุโสเหวินหยวนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง เพราะไม่อยากให้องค์หญิงหมิงเว่ยสร้างความวุ่นวายก่อนที่จะออกเดินทาง หรือไม่ก็สั่งให้ทหารของลั่วอ๋องสร้างความวุ่นวายขึ้นมา
ทหารของลั่วอ๋องไม่ยอมไป บอกว่าเสด็จอาเก้าใช้อำนาจในการกลั่นแกล้งพวกเขา โรงม้าแห่งนี้ จักรพรรดิจัดเตรียมไว้ให้เหล่าขุนนางที่เดินทางไปมาได้พักอาศัย มันไม่ใช่สถานที่ของเสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้ เหตุใดพวกเขาจึงไม่สามารถอาศัยอยู่ได้
เสด็จอาเก้าต้องการให้เขาไปรับองค์หญิงหมิงเว่ยมาดูแล เรื่องนี้ไม่มีปัญหา แต่เสด็จอาเก้าห้ามมายุ่งกับช่วงเวลาออกเดินทางของพวกเขา เพราะพวกเขาต้องการพักอยู่โรงม้าแห่งนี้อีกช่วงเวลาหนึ่ง
ทหารของลั่วอ๋องฉลาดมาก พวกเขาโจมตีหลังจากได้ตัวขององค์หญิงหมิงเว่ยไปแล้ว เขาไปเรียกหัวหน้าโรงม้าแห่งนี้มา แต่อีกฝ่ายเป็นเพียงแค่รองแม่ทัพเท่านั้น เมื่อแม่ทัพที่มีหน้าที่ดูแลโรงม้าแห่งนี้ได้ยินเรื่องนี้ เขาก็รีบปลีกตัวออกไปตั้งแต่แรก และโยนปัญหาทั้งหมดให้ลูกน้องของเขาเป็นคนจัดการ
รองแม่ทัพโชคร้ายเป็นอย่างมาก เขาถูกหัวหน้าผลักออกมาให้เผชิญหน้ากับปัญหา และพูดคนของลั่วอ๋องผลักออกไปให้ไปเผชิญหน้ากับเสด็จอาเก้า
ความต้องการของทหารของลั่วอ๋องนั้นง่ายมาก พวกเขาเพียงแค่อยากอาศัยอยู่ในโรงม้าแห่งนี้อีกสองวัน โดยจะไม่มีการยุ่งเกี่ยวกับระหว่างพวกเขากับเสด็จอาเก้า
คำขอของทหารคนสนิทของลั่วอ๋องนั้นไม่ได้มากเกินไป เนื่องจากโรงม้าไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่ชัด ไม่ได้ระบุไว้ว่าในช่วงระยะเวลาที่เสด็จอาเก้าอาศัยอยู่ คนอื่นจะไม่สามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้ รองแม่ทัพรู้สึกลำบากใจ เขาไม่กล้ามีปัญหากับฝ่ายใดทั้งนั้น ภายใต้คำขอจากทหารของลั่วอ๋อง เขาทำได้เพียงแค่แบกหน้าไปหาเสด็จอาเก้าเท่านั้น
แน่นอน เขาไม่มีทางได้พบกับเสด็จอาเก้า มีเพียงมู่เหลียวเท่านั้นที่คอยต้อนรับเขา เมื่อได้ยินคำของจากทหารของลั่วอ๋อง มู่เหลียวจึงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ใต้เท้า ความหมายของท่านอ๋องนั้นชัดเจนในตัวเอง ต้องการให้พวกเขาออกจากเมืองภายในครึ่งชั่วโมง ไม่อย่างนั้นก็อย่ามากล่าวหาว่าท่านอ๋องของพวกเราไม่เตือน”
มู่เหลียวไม่ได้โอหังแต่อย่างใด ในความเป็นจริง ทหารคนสนิทของลั่วอ๋องนั้นเป็นฝ่ายที่ทำเกินกว่าเหตุ เป็นฝ่ายที่มาดูถูกพวกเขาก่อน
“ทหารคนสนิทของลั่วอ๋องเพิ่งจะเข้ามาในเมืองแห่งนี้ในตอนเช้า การที่ให้ออกเดินทางในวันนี้ มันฟังดูไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่” รองแม่ทัพเหงื่อตก
บังคับให้คนที่เพิ่งมาถึงเดินทางออกจากเมือง เท่ากับการไล่ทหารของลั่วอ๋อง แน่นอนว่าเขาไม่กล้าทำสิ่งเหล่านี้
“เป็นทหารแค่ต่อสู้เป็นก็เพียงพอแล้ว ฟังเข้าหูหรือไม่เข้าหูมันมีประโยชน์อะไร และเรื่องนี้มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับใต้เท้า ใต้เท้าก็แค่ไปบอกพวกเขาว่าให้ออกไปจากเมืองนี้ภายในครึ่งชั่วโมง ไม่เช่นนั้น ทหารที่ไร้ความสามารถอย่างพวกข้าจะเป็นคนลากพวกเขาไปจากเมืองแห่งนี้เอง” มู่เหลียวระงับความโกรธของตนเองเอาไว้ เมื่อเห็นเสด็จอาเก้าทิ้งคนขององค์หญิงหมิงเว่ยไว้นอกประตู เขาก็ปรบมือขึ้นมา แล้วจะยอมปล่อยให้คนพวกนี้กลับเข้ามาได้อีกอย่างไร
นี่ไม่ใช่ปัญหาว่าจะให้พวกเขาเข้ามาอยู่หรือไม่ แต่ปัญหามันอยู่ที่การเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่าย คนของลั่วอ๋องเป็นฝ่ายตบหน้าพวกเขาก่อน หากพวกเขาไม่ตอบโต้กลับไปบ้าง พวกเขาก็จะกลายเป็นคนขี้ขลาด
“นี่ นี่มัน......” ความลำบากใจปรากฏออกมาบนใบหน้าของรองแม่ทัพ แต่มู่เหลียวก็ไม่สนใจเขา ส่งอีกฝ่ายกลับไปอย่างสุภาพ จากนั้นกลับไปรายงานเรื่องราวให้เสด็จอาเก้าฟัง เสด็จอาเก้าพยักหน้าตอบรับเพื่อบ่งบอกว่าตนเองเข้าใจแล้ว
มู่เหลียวรู้ว่าสิ่งที่ตนเองทำลงไปนั้นไม่เลวเลยทีเดียว ทันทีที่เดินออกมาจากประตู เขาสะบัดแขนเสื้อของเขา จากนั้นเรียกหัวหน้าองครักษ์เข้ามา “เหล่าพี่น้องทั้งหลาย เตรียมเปิดศึก!”
คนของลั่วอ๋องไม่มีทางยอมจากไปง่าย ๆ จากไปเช่นนี้มันช่างขายหน้ายิ่งนัก การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น และการต่อสู้ดังกล่าวก็มีข้อดีของมันเช่นกัน
ทำร้ายให้พวกเขาเจ็บปวดได้ แต่อย่าทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บ ต้องเอาชนะพวกเขา อย่าถูกพวกเขาทำร้ายเป็นอันขาด หยุดความอับอายไว้เพียงเท่านี้ และสร้างความอับอายให้กับพวกเขาแทน แต่ก็อย่าทำร้ายอีกฝ่ายจนไม่สามารถออกจากเมืองและพักฟื้นอยู่ที่นี่ต่อไปได้
หลังจากตกลงกันเช่นนี้ เหล่าองครักษ์ก็ไปซื้อผ้าเนื้อหยาบในเมือง พันอาวุธของตนเองเอาไว้เป็นอย่างดี จากนั้นก็ลองทดสอบมันกับเพื่อน เพื่อให้แน่ใจว่าอาวุธของพวกเขาไม่สามารถพรากชีวิตของอีกฝ่ายได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...