นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1327

“ในเมื่อรู้ว่าเป็นการทดสอบของจักรพรรดิ เหตุใดเจ้าถึงยังต่อสู้ เจ้ายังมีวิธีอื่นอีกมากมายในการขับไล่คนของลั่วอ๋องออกไปจากเมืองแห่งนี้”

ด้านนอกเต็มไปด้วยกลิ่นดินปืน ทั้งสองฝ่ายหันเข้าหากัน มีการแบ่งขอบเขตและเส้นตายของกันและกันไว้อย่างชัดเจน คนของเสด็จอาเก้าและลั่วอ๋องกำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่เสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงกลับเล่นหมากรุกกันอยู่ในบ้านอย่างสบายใจ ไม่กังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายนอกเลยแม้แต่น้อย

เสด็จอาเก้ามองไปที่กระดานหมาก จากนั้นก็วางหมากของเขาลงไป “กองทัพของตระกูลซื่อเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจของจักรพรรดิ ข้าไม่อยากให้จักรพรรดิต้องเสียใจ”

“เวลานี้จักรพรรดิได้เสียใจไปแล้ว” แม่ทัพหนุ่มซื่อได้เปิดเผยท่าทีแห่งการก่อกบฏออกมาแล้ว

เสด็จอาเก้ากล่าวอย่างไม่จริงจัง “ข้ารู้สึกเห็นอกเห็นใจอย่างสุดซึ้ง”

หวังจิ่นหลิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา หลังจากจ้องมองกระดานหมากรุกที่ไม่อาจหาผู้ชนะได้แล้ว หวังจิ่นหลิงก็โยนหมากในมือของเขาลง “ข้าไม่เล่นแล้ว!”

“ออกไปดูด้านนอกกันเถอะ” เสด็จอาเก้าวางหมากในมือของเขาลงบนกระดาน จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปด้านนอก

หากยังไม่ยอมออกไป ปัญหาคงไม่ได้มีแค่จะส่งทหารของลั่วอ๋องออกไปจากเมืองได้หรือไม่เพียงอย่างเดียวแล้ว

เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ในตอนที่เสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงเดินออกไป มันเป็นจังหวะที่ทหารของเสด็จอาเก้ากำลังทำร้ายทหารของลั่วอ๋องอยู่เพียงฝ่ายเดียว

ต่อให้ทหารของลั่วอ๋องจะมีความสามารถมากแค่ไหนตอนที่อยู่ในเมืองจักรพรรดิ แต่เมื่อเทียบกับคนของเสด็จอาเก้าแล้ว มันยังห่างชั้นกันอีกไกล คนของเสด็จอาเก้าเหล่านี้ แต่ละคนล้วนเคยความผ่านตายมาหมดแล้ว พวกเขาคือคนที่ลุกขึ้นมาจากสนามรบแห่งความตายนับไม่ถ้วน

และที่สำคัญก็คือ ทหารที่อยู่ข้างกายของเสด็จอาเก้าในเวลานี้ ไม่ใช่ทหารชุดเดียวกับที่ถูกสังหารด้วยเนื้อมือของซื่อเฉิง นี่เป็นทหารที่เสด็จอาเก้าแอบรวบรวมไว้และเรียกออกมาใช้งานอย่างลับ ๆ

ไม่มีร่องรอยของเลือดบนพื้นดิน ทหารของลั่วอ๋องก็ไม่ได้นอนคร่ำครวญอยู่บนพื้น ใบหน้าของพวกเขาไม่ได้มีบาดแผลแต่อย่างใด แต่ทหารของลั่วอ๋องก็ไม่มีอำนาจในการตอบโต้ ได้แต่ถูกทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว

เสด็จอาเก้าพอใจกับการแสดงของเหล่าลูกน้องของเขามาก ได้ระบายความโกรธ และเข้าใจว่าอะไรคือความพอดี รู้จักเหตุผลเป็นอย่างมาก เสด็จอาเก้าเฝ้ามองอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เอ่ยปากออกมา “หยุด!”

เมื่อคำสั่งอันเยือกเย็นของเสด็จอาเก้าดังขึ้นมา แม้คนของลั่วอ๋องจะรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา พวกเขารับรู้ถึงการปรากฏตัวของเสด็จอาเก้าตั้งแต่แรกแล้ว เสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงเป็นบุคคลที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจละเลยได้

“ถวายบังคมท่านอ๋อง ขอท่านอ๋องทรงมีอายุยืน พันปี พัน พันปี” คนของเสด็จอาเก้าหยุดมือในทันใด ความดุร้ายหายไปในเสี้ยววินาที ในตอนนี้แต่ละคนก้มหน้าและคุกเข่าลงด้วยความหวาดกลัว

เห็นลูกน้องของเสด็จอาเก้าไม่ว่าจะแสร้งทำอย่างไรก็ดูไม่เหมือน หวังจิ่นหลิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา มันช่างทำให้อีกฝ่ายอับอายยิ่งนัก

คนของลั่วอ๋องเห็นเช่นนั้น แม้จะไม่เต็มใจที่จะคุกเข่า แต่ด้วยสถานะที่แขวนอยู่ของเสด็จอาเก้า จริงอยู่ว่าพวกเขาอาจจะโวยวายต่อหน้าลูกน้องของเสด็จอาเก้าได้ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะส่งเสียงเมื่ออยู่ต่อหน้าเสด็จอาเก้า พวกเขาทำได้เพียงคุกเข่าลงไป และในตอนนั้นเอง ความเจ็บปวดก็แทรกซึมไปทั่วทั้งร่างกาย

“พวกเจ้าสำนึกผิดแล้วหรือยัง?” เสด็จอาเก้าไม่มีวี่แววว่าจะให้คนพวกนี้ลุกขึ้นมา เขาถามออกมาด้วยอำนาจของผู้เหนือกว่า

คนของลั่วอ๋องปิดปากเงียบ ส่วนคนของเสด็จอาเก้าก็ทำเป็นสำนึกผิด “พวกข้าสำนึกผิดแล้ว”

“ในเมื่อสำนึกผิดแล้ว เช่นนี้ก็จงกลับไปรับโทษคนละยี่สิบโบย” เสด็จอาเก้ากล่าวออกมาอย่างไร้ความรู้สึก เหล่าองครักษ์ก้มหน้ายอมรับ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาสักค่ำ

คนของลั่วอ๋องต่างแสดงสีหน้าของผู้มีความสุขออกมา แต่คิดไม่ถึงว่า วินาทีต่อจากนั้นเสด็จอาเก้าจะกล่าวออกมาอีกว่า “ส่งพวกขององค์หญิงหมิงเว่ยออกไปจากเมืองก่อน แล้วค่อยกลับมารับโทษ”

“ขอรับ” คนของเสด็จอาเก้าตอบรับเสียงดัง ความโกรธปรากฏขึ้นบนใบหน้าทหารของลั่วอ๋อง มีอยู่ผู้หนึ่งที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ยืนขึ้นมาโดยตรง “เสด็จอาเก้า พวกข้าเดินทางมาตลอดคืน ร่างกายเหนื่อยล้า ต้องการพักผ่อนเป็นเวลาสามวันถึงจะสามารถออกเดินทางได้”

“พักผ่อน? พวกเจ้าคือทหารชั้นยอดแห่งตงหลิง ไม่อาจนำมาเทียบเคียงกับทหารผู้ซึ่งไร้ความสามารถเหมือนกับคนเหล่านี้ได้ มีเพียงทหารที่ไร้ความสามารถเท่านั้นที่ต้องการพักผ่อนและฟื้นฟูร่างกาย” เสด็จอาเก้ากล่าวออกไปอย่างเย่อหยิ่ง คำพูดเหล่านี้คือคำพูดจากทหารทางฝั่งของลั่วอ๋อง เสด็จอาเก้าซัดกลับไปอย่างไม่ไว้หน้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ