นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1328

สรุปบท บทที่ 1328 สัญญาลับ, สองคนนี้เข้ากันได้เป็นอย่างดี: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอน บทที่ 1328 สัญญาลับ, สองคนนี้เข้ากันได้เป็นอย่างดี จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1328 สัญญาลับ, สองคนนี้เข้ากันได้เป็นอย่างดี คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่เขียนโดย อาช้าย เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

หลังจากทหารของลั่วอ๋องถูกขับไล่ออกไปจากเมือง พวกเขาก็ไม่ได้รีบออกเดินทางในทันที แต่ทำการพักผ่อนอยู่ที่หน้าประตูเมือง เสด็จอาเก้าก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับพวกเขาอีกต่อไป ปล่อยให้พวกเขาเดินทางเข้ามาจัดซื้อเสบียงที่ต้องใช้ระหว่างทางตามที่พวกเขาต้องการ

“ท่านอ๋องเมตตาพวกเขามากเกินไป” มู่เหลียวกล่าวออกมาเป็นการส่วนตัว และเหล่าองครักษ์ของเสด็จอาเก้าเองก็เห็นด้วยอย่างเป็นเอกฉันท์ หวังจิ่นหลิงที่บังเอิญออกมาได้ยินคำพูดนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าตนเองควรหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดี

ทหารของลั่วอ๋องเข้ามาพักผ่อนในโรงเตี๊ยม การเข้าไปในเมืองเพื่อกักเก็บเสบียงก็เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว การที่เสด็จอาเก้าขับไล่พวกเขาออกไป เท่านี้ก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ไร้ซึ่งความปรานีมากเกินพอ เวลานี้อีกฝ่ายแอบเข้ามาในเมืองเพื่อรวบรวมเสบียงสำหรับการเดินทาง แต่กลับบอกว่าเสด็จอาเก้าเป็นคนมีเมตตา

หากเสด็จอาเก้าเป็นคนมีเมตตาจริง ๆ เช่นนั้นก็คงไม่ขับไล่อีกฝ่ายออกไปเช่นนี้

“ตรรกะของโจร คนธรรมดาทั่วไปไม่อาจเข้าใจได้” หวังจิ่นหลิงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ หลังจากนี้จะต้องอยู่ห่างจากองครักษ์ของเสด็จอาเก้าไว้ให้มาก คนกลุ่มนี้มักจะใช้กำลัง ไม่ใช่เหตุผล

คนของลั่วอ๋องคงจะถูกรังแกจนทำให้หวาดกลัวเป็นอย่างมากจริง ๆ พวกเขาพักผ่อนอยู่นอกเมืองเป็นเวลาสองวันถึงจะเริ่มออกเดินทาง และเป็นวันเดียวกับที่ตระกูลจ้านออกเดินทาง ว่ากันว่าองค์หญิงหมิงเว่ยลงมาจากรถม้าระหว่างทาง คุกเข่าเพื่อทำความเคารพในทิศทางที่ตระกูลจ้านจากไป

ทหารของลั่วอ๋องต่างยกย่องในความชอบธรรมอันยิ่งใหญ่ขององค์หญิงหมิงเว่ย แต่หวังจิ่นหลิงกลับกล่าวออกมาด้วยใบหน้าแห่งความเย้ยหยัน “ช่างเป็นผู้หญิงที่หน้าซื่อใจคดอย่างยิ่ง” คนตายไปแล้ว ต่อให้คุกเข่าไปตลอดชีวิตก็ไม่อาจทำให้อีกฝ่ายฟื้นคืนกลับมาได้

“อย่าได้โกรธไปเลย อย่าปล่อยให้เรื่องที่ไม่สำคัญ มาทำลายชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของคุณชายใหญ่” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวปลอบใจออกมา

“ข้าไม่ได้โกรธ ข้าแค่รู้สึกว่าสิ่งที่ท่านอาจารย์ทำลงไปนั้นไม่คุ้มค่า ตอนนั้นหากท่านอาจารย์ไม่เห็นว่านางน่าสงสาร และรับนางมาเป็นศิษย์นอกสาย ชีวิตนี้นางก็คงอยู่ได้แต่ในเรือนหลังของพระราชวัง ใช้ชีวิตอย่างหดหู่ ทำได้เพียงยอมจำนน และกลายเป็นหมากให้หนานหลิงจิ่นฝานใช้งาน และไม่ได้รับความเคารพเฉกเช่นทุกวันนี้ แต่เหตุใดนางถึงตอบแทนกับท่านอาจารย์ด้วยการกระทำเช่นนี้? นางยอมเหยียบย้ำศพของอาจารย์ เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ” หวังจิ่นหลิงจ้องมองดูโลงศพที่กำลังจะจากไปพร้อมกับสีหน้าอันเศร้าโศก

เนื่องจากผลประโยชน์ที่เห็นแก่ตัวของหนานหลิงจิ่นฝานและองค์หญิงหมิงเว่ยที่เป็นพี่ชายและน้องสาว ต้องการเอาชีวิตของท่านอาจารย์ และทำลายชีวิตของหยานเอ๋อร์

“ชีวิตขององค์หญิงหมิงเว่ยไม่มีทางเป็นไปได้สวยเป็นแน่ ฮองเฮาและลั่วอ๋องไม่มีทางต้อนรับนางอย่างเป็นมิตร และหนานหลิงจิ่นสิงเองก็ไม่มีทางปล่อยนางไปเป็นแน่” เฟิ่งชิงเฉินพูดออกมาได้เพียงเท่านี้

ผู้อาวุโสเหวินหยวนจากไปแล้ว ต่อให้สังหารองค์หญิงหมิงเว่ยในตอนนี้ มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงในข้อนี้ได้

หลังจากคนของตระกูลจ้านและจ้านหยานจากไปได้สองวัน เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินก็เตรียมตัวเดินทางกลับไปยังตงหลิง ส่วนหวังจิ่นหลิงต้องรอเพื่อนร่วมชั้นของเขาอยู่ที่นี่อีกสองวัน เพื่อเดินทางไปงานศพของผู้อาวุโสเหวินหยวนด้วยกันที่ดินแดนหนานหลิง

“เรื่องที่เหลือก็ขอปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้า ในตอนที่ข้ากลับไป ข้าไม่อยากให้สิ่งที่รอต้อนรับข้าอยู่นั้นเป็นเหล่าคำสาปแช่งจากเหล่าบัณฑิต” ก่อนที่เสด็จอาเก้าจะจากไป เขาได้พูดออกมาอย่างคลุมเครืออีกครั้ง และต้องการให้หวังจิ่นหลิงจัดการเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังการตายของผู้อาวุโสเหวินหยวน

“เจ้าวางใจ เมื่อเรื่องราวทั้งหมดสิ้นสุดลง ข้าจะให้ม้าเร็วส่งข่าวกลับไปยังตงหลิงทันที” แม้ว่าหวังจิ่นหลิงจะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ไม่มีทางผิดคำมั่นสัญญาที่ตนเองเคยให้ไว้ และทำทุกอย่างตามคำสัญญาของตัวเอง

เสด็จอาเก้าพยักหน้า “ข้าเชื่อในตัวเจ้า”

เจ้ามีสิทธิ์ที่จะไม่เชื่ออย่างนั้นหรือ?

หวังจิ่นหลิงขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ตอบโต้กลับไปแต่อย่างใด

เฟิ่งชิงเฉินยืนอยู่ด้านข้าง มองเห็นการปะทะกันของดวงตาทั้งสองคน เมื่อเห็นว่าไม่มีใครยอมใคร นางทำได้เพียงถอนหายใจและเข้าไปขัดจังหวะ “พวกเจ้าทั้งสองผูกพันกันมาก หากไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เช่นนั้นพวกเราค่อยออกเดินทางพรุ่งนี้ก็ยังไม่สาย”

“ใครกันที่ไม่อยากแยกจากเขา”

“ใครกันที่ไม่อยากแยกจากเขา”

เสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงพูดออกมาในเวลาเดียวกัน จากนั้นก็ก้าวถอยหลังไปพร้อมกัน เมื่อพบว่าการกระทำของอีกฝ่ายนั้นเหมือนกับตนเองทุกประการ ทั้งสองคนก็ทำในสิ่งที่เหมือนกันออกมาอีกครั้ง จ้องเขม็งไปที่อีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ

ทันทีที่สายตาทั้งสองคู่ปะทะกัน ทั้งสองก็เบือนหน้าไปทางอื่น การเคลื่อนไหวที่คล้ายคลึงกันของพวกเขา ราวกับว่าถูกฝึกฝนมาหลายสิบปี และมันทำให้ดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินเบิกกว้าง

ภายใต้เสียงหัวเราะของทุกคน หวังจิ่นหลิงยิ้มออกมาแต่ไม่ได้พูดอะไร ความโศกเศร้าของการพรากจากกันนั้นหนักหนากว่ามาก จากนั้นทุกคนก็เริ่มบอกลากัน และนัดพบกันอีกครั้งที่เหมืองจักรพรรดิตงหลิง

“ขอให้เดินทางปลอดภัย!” หวังจิ่นหลิงโบกมือให้กับเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉิน แสงแดดที่ส่องประกายลงมาบนใบหน้าของเขาทำให้ยากต่อการมองเห็นสีหน้าใบหน้าที่ชัดเจน

“ไว้พวกเราค่อยเจอกันใหม่ที่เมืองจักรพรรดิ!” เฟิ่งชิงเฉินพลิกตัวขึ้นไปบนหลังม้า มุ่งหน้าออกไปโดยไม่หันกลับมา เพียงแค่โบกมือจากทางด้านหลังเท่านั้น

ประตูเมือง เหล่าผู้นำเล็กใหญ่ต่างมารอส่งเสด็จอาเก้าออกจากเมืองกันอย่างพร้อมเพรียง เมื่อเห็นเสด็จอาเก้าปรากฏตัวออกมา ขุนนางจำนวนมากก็ก้าวออกมาเพื่อทักทาย มอบของขวัญจำนวนมากให้กับเสด็จอาเก้า เพื่อแสดงถึงความเคารพและความรู้สึกที่ไม่อยากให้เสด็จอาเก้าต้องจากไป หวังว่าเสด็จอาเก้าจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง เพราะเมื่อเสด็จอาเก้าปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ชายแดนทางเขตนี้ได้รับความสงบสุขอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

เสด็จอาเก้าจ้องมองคนหน้าเนื้อใจเสือเหล่านี้ด้วยสายตาอันเยือกเย็น เมื่อรอจนพวกเขาพูดจบ เสด็จอาเก้าก็ตอบรับอย่างเฉยเมยพร้อมกับรับของขวัญเหล่านั้นไว้

รอยยิ้มบนใบหน้าของเหล่าขุนนางที่อยู่ชายแดนเบ่งบานราวกับดอกเบญจมาศ พวกเขาไม่รู้สึกอึดอัดกับความเย็นชาของเสด็จอาเก้าเลยแม้แต่น้อย ก้มศีรษะลงเพื่อส่งเสด็จอาเก้าเดินทางออกนอกเมือง เมื่อรถม้าของเสด็จอาเก้าจากไป เหล่าขุนนางที่อยู่หน้าประตูก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ดาวร้ายดวงนี้ได้จากไปแล้ว หากยังไม่รีบจากไป เกรงว่าคนที่อยู่ที่นี่คงเอาชีวิตไม่รอด

ไม่มีผู้อาวุโสเหวินหยวน ไม่มีกำหนดวันที่จะกลับ เสด็จอาเก้าไม่ได้รีบร้อนที่จะกลับไปยังตงหลิง เมื่อท้องฟ้ามืดลงก็ไม่จำเป็นต้องรีบเดินทาง พยายามอาศัยอยู่ในที่โล่งแจ้ง เพื่อทำการรักษาบาดแผลของโต้วโต้วอย่างเต็มที่

แต่โต้วโต้วกลับรู้สึกไม่ค่อยพอใจ เนื่องจากตลอดการเดินทางที่ผ่านมา ทุกคนได้นั่งอยู่บนหลังม้า ที่เพียงโต้วโต้วคนเดียวเท่านั้นที่ต้องหดหู่อยู่ในรถม้า เขารู้สึกเบื่อหน่าย ขอร้องเฟิ่งชิงเฉินอยู่นาน แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ยิ้มและส่ายหน้า เหตุใดนางต้องเสนอตัวไปนั่งรถม้าเป็นเพื่อนเขา

โต้วโต้วเปิดหน้าต่างออกมาหลายครั้ง คิดจะหาเพื่อนคุยแก้เหงา แต่กลับไม่มีใครสนใจเขาแม้แต่คนเดียว องครักษ์ของเสด็จอาเก้าทำราวกับว่าโต้วโต้วนั้นไม่มีตัวตน ชายร่างใหญ่ที่ยื่นศีรษะออกมานอกหน้าต่าง แต่เหล่าองครักษ์กลับเพิกเฉยต่อเขาได้อย่างแนบเนียน

ไม่ใช่ความผิดขององครักษ์ที่หยิ่งผยอง แต่เป็นความผิดของโต้วโต้วที่ปากมากเกินไปจนทำให้เสด็จอาเก้าไม่มีความสุข

แม้ว่าเสด็จอาเก้าจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ในฐานะที่เป็นผู้หญิงของเสด็จอาเก้า เป็นองครักษ์ของเสด็จอาเก้า พวกเขาเข้าใจความคิดและความต้องการของเสด็จอาเก้าเป็นอย่างดี หากไม่จำเป็น การเดินทางครั้งนี้ พวกเขาไม่มีทางพูดคุยกับโต้วโต้วแม้แต่ครึ่งคำ และทรมานโต้วโต้วไปจนตาย!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ