นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1330

เฟิ่งชิงเฉินแสดงความไม่พอใจและความโกรธของนางออกมาเช่นนี้ เสด็จอาเก้าจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ได้อย่างไร แต่เส้นทางที่เขาเลือก มันบ่งบอกว่าชีวิตของเขาไม่มีวันสงบสุข เขาและเฟิ่งชิงเฉินถูกกำหนดให้ต้องตกน้ำและลุยไฟไปด้วยกัน

เดินมาถึงจุดนี้แล้ว ต่อให้อยากหันกลับไปก็ไม่อาจหันกลับไปได้ หากเขาไม่ได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุด สิ่งที่รอเขาอยู่ก็มีเพียงแค่ความตายเท่านั้น

เขาไม่สามารถสัญญากับเฟิ่งชิงเฉินได้ว่าจะทำให้ชีวิตของนางสงบสุข เวลานี้สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงแค่การชดเชยให้เฟิ่งชิงเฉิน ในช่วงเวลาที่ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น พานางไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ซึมซับกับความสงบที่ยากจะสัมผัสในชีวิต

เมืองน้ำเจียงหนาน มีทิวทัศน์ที่สวยงามและสถานที่ที่มีชื่อเสียงมากมาย แน่นอนว่าเสด็จอาเก้าไม่มีทางปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือ เมื่อถึงดินแดนเจียงหนาน เขาก็ไล่โต้วโต้วและองครักษ์ของเขาออกไปทันใด จากนั้นก็พาเฟิ่งชิงเฉินไปขึ้นเรือเล็กร่องไปตามแม่น้ำเจียงหนาน

วันนี้แตกต่างจากอดีต ในฐานะที่เจียงหนานเป็นดินแดนศักดินาขององค์รัชทายาทและชิงอ๋อง ชิงอ๋องจึงได้สร้างเจียงหนานให้เข้มแข็ง ที่นี่พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องคนของจักรพรรดิ สามารถอยู่ในดินแดนเจียงหนานได้อย่างสุขสบาย

ความงดงามในเรื่องทิวทัศน์ของเจียงหนานนั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึง เหล่าบัณฑิตและนักกวีต่างใช้เวลากว่าครึ่งชีวิตในการบรรยายความงามของสถานที่แห่งนี้ แต่เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินต่างเป็นคนธรรมดาสามัญ พวกเขาไม่อาจทำในสิ่งที่งดงามเฉกเช่นการขับร้องบทกวีอยู่ตรงหัวเรือได้

อากาศในฤดูใบไม้ร่วงนั้นสุขสบาย เป็นอุณหภูมิที่อบอุ่น เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้เข้าไปนั่งในกระท่อมในเรือ แต่นั่งอยู่บนดาดฟ้า ชื่นชมทิวทัศน์ของความงามทั้งสองฝั่งแม่น้ำ

ระหว่างทั้งสองมีโต๊ะชาเล็ก ๆ อยู่หนึ่งตัว บนโต๊ะเต็มไปด้วยถั่วนานาชนิด เฟิ่งชิงเฉินรับประทานสิ่งของเหล่านั้นด้วยใบหน้าอันอ่อนหวาน ต่อว่าเสด็จอาเก้าในบางครั้งเรื่องที่ปอกเปลือกให้นางไม่ดี จึงทำให้ส่งผลต่อความอยากอาหารของนาง

เสด็จอาเก้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าผู้หญิงนั้นจะน่ากลัวถึงเพียงนี้ ทันทีที่เสด็จอาเก้าได้ยินเสียงบ่นของเฟิ่งชิงเฉิน การเคลื่อนไหวที่มือของเขาก็รวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่า เพราะหากถ้าไม่เร็วพอก็จะไม่ทันความเร็วการกินของเฟิ่งชิงเฉิน

“คุณชายและฮูหยินช่างมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันจริง ๆ ทั้งสองท่านเพิ่งจะแต่งงานกันใช่หรือไหม” ชายชราที่โยกไม้พายกล่าวออกมา ด้วยใบหน้าที่เยือกเย็นของเสด็จอาเก้า ทำให้เขารู้สึกกลัวเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นเสด็จอาเก้าเชื่อฟังเฟิ่งชิงเฉินถึงเพียงนี้ เขาก็ไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไป

ชายที่รักและเอาใจใส่ภรรยา ต่อให้ดุร้ายแค่ไหนมันก็เท่านั้น ทุกอย่างล้วนต้องดับสลายไปโดยปริยาย

เฟิ่งชิงเฉินยิ้มโดยไม่พูดอะไร แต่เสด็จอาเก้าส่งเสียงตอบรับกลับมา จึงทำให้ชายชราผู้นั้นยิ่งเชื่อในการตัดสินของตนเอง ยิ้มและกล่าวออกมาอีกว่า “ตอนที่ข้าเพิ่งจะแต่งงานกับภรรยาของข้าใหม่ ๆ ก็เป็นเหมือนกับพวกท่าน นางชอบทานปลา ข้าก็จะเลือกปลาที่ดีที่สุดให้กับนาง ออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อไปหาปลาให้นาง ทำเช่นนั้นถึงจะได้ปลาที่สมบูรณ์แบบ และปลาที่นำมากินก็เป็นปลาที่มีน้ำหนักเพียงสองจินเท่านั้น ใหญ่ไปเนื้อจะไม่อร่อย และหากเล็กเกินไปก็จะมีแต่กระดูก”

เมื่อชายชราพูดถึงความเอาแต่ใจของภรรยาตนเอง เขาไม่รู้สึกรังเกียจเลย ตรงกันข้าม เขากำลังรำลึกถึงความหลังอันน่าคิดถึง

เฟิ่งชิงเฉินมองไปที่ชายชราด้วยความอิจฉา จากนั้นถามออกมาว่า “เช่นนั้นตอนนี้ท่านยังจับปลาให้นางกินอยู่หรือไม่? และยังเป็นปลาที่มีน้ำหนักสองจินอยู่หรือเปล่า?” ทำเช่นนั้นวันสองวันไม่ใช่เรื่องยาก แต่จะยากหากทำเช่นนั้นตลอดชีวิต

แม้จะเป็นเพียงแค่เรื่องเล็ก แต่หากต้องทำมันทั้งชีวิต เช่นนั้นก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่โดยปริยาย คงเป็นไปไม่ได้ที่เสด็จอาเก้าจะปลอกเมล็ดถั่วในนางกินไปทั้งชีวิต

“จับสิ เหตุใดถึงไม่จับ ขอแค่ไม่ได้ออกเรือ ข้าก็จะจับให้นางทุกวัน แต่นางก็รู้ว่าอายุของข้ามาแล้ว ดวงตาไม่ดีเหมือนแต่ก่อน นางก็เลิกเอาแต่ใจ ขอแค่ได้ปลานางก็ดีใจแล้ว” ชายชรากล่าวออกมาพร้อมกับเสียงหัวเรา ราวกับเมื่อคิดถึงภรรยาที่อยู่บ้าน เขาก็อยากจะจับปลากลับไปให้นาง......

“ช่างเป็นความสัมพันธ์ที่งดงามยิ่งนัก ภรรยาของท่านช่างโชคดีเหลือเกิน” สำหรับผู้หญิงแล้ว ต่อให้มีเงินทองมากองอยู่ตรงหน้า มันก็เทียบค่าไม่ได้กับผู้ชายที่ตามใจพวกนางอย่างไม่มีเงื่อนไข

“ฮ่าฮ่า ฮูหยินชอบพูดตลกจริง ๆ พวกเขาจะโชคดีได้อย่างไร ข้าเป็นเพียงคนพายเรือ มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ แม้ว่าจะไม่อดตาย แต่ก็ไม่มีเงินทองไปซื้อเสื้อผ้าดี ๆ ให้นางได้สวมใส่ ไม่เหมือนกับฮูหยิน แบบฮูหยินถึงจะเรียกว่าดี สามีของท่านรูปโฉมงดงาม และยังปฏิบัติต่อท่านดีถึงเพียงนี้” ชายชราพูดได้ดีมาก ชมเสด็จอาเก้าออกมาทุกประโยค ทำให้เสด็จอาเก้ารู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก

“ถ้าเป็นเวลานี้ก็ถือว่าดีกับข้าพอสมควร” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวออกมาพร้อมกับยิ้มเพื่อตอบรับคำพูดของชายชรา แต่รอยยิ้มนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว

นางกับเสด็จอาเก้านั้นจะใช้ชีวิตด้วยกันไปจนแก่ชราได้หรือไม่ เรื่องนี้ก็ไม่มีใครรู้

“หลังจากนี้ข้าก็จะดีกับเจ้าอย่างดีเช่นเคย” เสด็จอาเก้ายื่นเมล็ดถั่วที่ปอกเปลือกเรียบร้อยแล้วให้กับเฟิ่งชิงเฉิน พร้อมกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่จริงจัง

“ข้าเชื่อเจ้า” เฟิ่งชิงเฉินใช้รอยยิ้มปกปิดความลังเลในหัวใจ หยิบเมล็ดถั่วเข้ามายัดใส่ปาก จากนั้นก็พึมพำออกมา “อร่อย เอาอีก”

เมื่อเห็นว่าเมล็ดถั่วนานาชนิดที่ตนเองปอกออกมาหมดไปในพริบตา เสด็จอาเก้าก็เริ่มรู้สึกไม่ดีจึงกล่าวออกมาว่า “ข้าปอกให้เจ้ามาตั้งนาน เจ้าค่อย ๆ กินมันเข้าไปทีละคำไม่ได้หรือ?”

“ไม่ได้ กินด้วยกันมันอร่อยกว่า เจ้ารีบปอกเร็ว ๆ เข้า ข้ารอกินอยู่” เฟิ่งชิงเฉินเทเมล็ดถั่วซึ่งวางอยู่ด้านข้างลงบนโต๊ะทั้งหมด และบอกให้เสด็จอาเก้ารีบปอกมันให้กับนาง

“เจ้านี่มันกินเก่งจริง ๆ” แม้ปากของเสด็จอาเก้าจะพูดออกไปเช่นนั้น แต่มือของเขายังคงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ปอกเมล็ดถั่วให้กับเฟิ่งชิงเฉินอย่างสุดชีวิต จากนั้นวางมันลงบนจาน เมื่อเมล็ดถั่วเต็มจานแล้ว เขาก็เลื่อนมันไปด้านหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน

ทิวทัศน์ของทั้งสองฝั่งนั้นงดงามเป็นอย่างมาก แต่เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินกลับไม่มีเวลาที่จะชื่นชมมัน เสด็จอาเก้าเอาแต่มุ่งมั่นอยู่กับการปอกเปลือกเมล็ดถั่ว ส่วนเฟิ่งชิงเฉินก็เอาแต่จ้องมองเสด็จอาเก้าโดยไม่กะพริบตา......

เนื่องจากนางรู้ว่าฉากพวกนี้สำหรับพวกเขาแล้วมันหายากเป็นอย่างมาก และไม่รู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหนถึงจะมีโอกาสได้ทำเช่นนี้อีก

พวกเขาสองคนไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับตัวตนของพวกเขาบนเรือ และพวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับแผนการต่าง ๆ ที่ผ่านมา ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถทำทุกอย่างได้ตามที่ใจต้องการ

พวกเขาทั้งสองหยอกล้อกันตลอดทาง เสียงหัวเราะของเฟิ่งชิงเฉินดังขึ้นมาเป็นครั้งคราว เสด็จอาเก้าจ้องมองนิ้วหัวแม่มือที่เปิดออกของเขา เขาก็แอบรู้สึกว่ามันคุ้มค่า!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ