นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1333

สรุปบท บทที่ 1333 ปีศาจภายใน, เสด็จอาเก้าไม่มีทางเดินทางมาโดยเปล่าประโยชน์: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอน บทที่ 1333 ปีศาจภายใน, เสด็จอาเก้าไม่มีทางเดินทางมาโดยเปล่าประโยชน์ จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1333 ปีศาจภายใน, เสด็จอาเก้าไม่มีทางเดินทางมาโดยเปล่าประโยชน์ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่เขียนโดย อาช้าย เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เสด็จอาเก้าใช้โอกาสนี้ในการโจมตี แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงเพื่อเอาชนะราชาเจียงหนานและชิงอ๋องเท่านั้น แต่ยังเป็นการแก้แค้นที่ทั้งสองคนแอบดูชีวิตอันมีความสุขระหว่างเขากับเฟิ่งชิงเฉินในช่วงเวลาที่ผ่านมาด้วย และการกระทำทั้งหมดของเสด็จอาเก้า ก็เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในเจียงหนาน

เรื่องนี้ชิงอ๋องและเสด็จอาเก้าเข้าใจดี ไม่นานเฟิ่งชิงเฉินเองก็ดูเหมือนจะเข้าใจ แต่นางรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของเสด็จอาเก้าเป็นอย่างมาก

ขมวดคิ้วเล็กน้อย เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ขัดจังหวะหรือขัดคำพูดของเสด็จอาเก้าแต่อย่างใด นางแค่ก้มหน้าลงไปมองแก้วที่อยู่ในมือ คิดบางอย่างอยู่ในใจ และไม่มีใครรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่

ชื่อเลี่ยนฉุ่ยและกัวเลี่ยนฉุ่ยเห็นเสด็จอาเก้าไม่ได้สร้างปัญหาให้กับพวกเขา พวกเขาแอบถอนหายใจเบา ๆ ขยิบตาให้กับหยุนเซียวและหวังชี เพื่อส่งสัญญาณบอกให้พวกเขารีบหนีออกไปได้แล้ว

แต่คิดไม่ถึงว่า พวกเขาจะดีใจเร็วเกินไป หลังจากที่เสด็จอาเก้าตำหนิชิงอ๋องเป็นที่เรียบร้อย ก็เริ่มหันมาตำหนิพวกเขา

ในเจียงหนาน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ทำทุกสิ่งทำอย่างด้วยตัวเอง แต่ก็ถือว่าพวกเขาเป็นคนที่ขยันเป็นอย่างมาก แต่ชีวิตในเจียงหนานค่อนข้างสุขสบาย ประกอบกับไม่มีใครมาคอยกดดันพวกเขา เรื่องหลายเรื่องพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป......

แต่ทั้งหมดนั้นไม่ถูกต้อง ความล่าช้าอาจทำให้เกิดหายนะ เมื่อถูกเสด็จอาเก้าตำหนิ พวกเขาก็เข้าใจทันทีว่าสิ่งที่พวกเขาทำลงไปนั้นส่งผลกระทบมากน้อยเพียงใด

“ดูเหมือนว่าจะช้าเกินไป” สุดท้ายแม้แต่ตัวของชื่อเลี่ยนฉุ่ยเองก็ยอมรับว่าเป็นเช่นนั้น เฟิ่งชิงเฉินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เสด็จอาเก้าเองก็มีศักยภาพที่จะเป็นผู้สอน ทันทีที่พูดออกมาก็ทำให้ผู้คนถึงกับตกตะลึง

เนื่องจากเรื่องของสำนักศึกษาหมอเองก็เกี่ยวข้องกับนาง เฟิ่งชิงเฉินเห็นว่ายิ่งพูด คำพูดของเสด็จอาเก้าก็ยิ่งรุนแรงขึ้น นางจึงออกหน้าอธิบายแทนหยุนเซียและหวังชี “การเริ่มต้นนั้นยาก พวกเขาเพิ่งจะมาถึงเจียงหนาน ยังไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์ในที่แห่งนี้ แม้ว่าราชาเจียงหนานจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ แต่เรื่องบางเรื่อง แม้แต่ราชาเจียงหนานเองก็ไม่อาจเข้าถึงได้ ท้ายที่สุดแล้ว ต่อให้ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ไม่อาจเอาชนะผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นได้อย่างรวดเร็ว ข้าคิดว่าพวกเขาทำได้ดีมากแล้ว”

สร้างสำนักศึกษาและศูนย์วิจัยทางการแพทย์ที่ยิ่งใหญ่ในเจียงหนาน แน่นอนว่ามันต้องส่งผลกระทบในเรื่องผลประโยชน์ต่อผู้ที่มีอิทธิพลในท้องถิ่นอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าราชาเจียงหนานจะมีอำนาจในการควบคุมทุกอย่าง แต่บางอย่างที่คนเบื้องล่างทำ ราชาเจียงหนานเองก็ไม่อาจยื่นมือเข้ามายุ่งได้

เมื่อมีเฟิ่งชิงเฉินช่วยออกหน้า ความกดดันของหยุนเซียวและหวังชีลดลงไปไม่น้อย ทั้งสองคนอธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับการสร้างสำนักศึกษาหมอ และบ่งบอกว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาของพวกเขานั้นมันยุ่งยากถึงเพียงใด

เสด็จอาเก้าพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนออกหน้ามาเอง ครั้งนี้เขาจำเป็นต้องไว้หน้านาง

มีเงินและมีคน การที่จะสร้างสำนักศึกษาหมอขึ้นมานั้นไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งที่สำคัญก็คืออุปกรณ์ แรงกดดันของหยุนเซียวและหวังชียิ่งใหญ่จริง ๆ เหล็กชั้นดีที่ถูกหลอมขึ้นมาด้วยช่างที่ชำนาญในเรื่องของการหล่อเหล็กก็ยังไม่ดีพอต่อความต้องการของเฟิ่งชิงเฉิน

เรื่องนี้เฟิ่งชิงเฉินเองก็เข้าใจดี นางจึงไม่ได้ร้องขออะไรให้มากความ เนื่องจากแผ่นดินจิ่วโจวอันยิ่งใหญ่นั้น เน้นแพทย์แผนจีนเป็นหลัก แผนกแพทย์แผนตะวันตกมีเพียงแค่เล็กน้อยก็พอแล้ว

“ปัญหาเรื่องอุปกรณ์ กลับไปแล้วข้าจะให้โจ่วอั้นมาหาพวกเจ้า สิ่งของบางอย่างเจ้าสามารถหามาได้จากโจ่วอั้น เขามีความชำนาญในเรื่องอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นอย่างมาก ซือสิงเองก็พอมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อยู่บ้าง พวกเจ้าลองปรึกษากันดู” เฟิ่งชิงเฉินมองมาที่เสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าต้องการให้ซุนซือสิงเป็นจุดศูนย์กลางแห่งอำนาจในเจียงหนาน แต่นางไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น นางจึงต้องชักนำเขาไปยังสำนักศึกษาหมอก่อน

นางไม่อยากให้ลูกศิษย์ของตนเองต้องกลายเป็นนักการเมือง มือทั้งสองข้างของซือสิงมีไว้เพื่อช่วยเหลือผู้คน มาได้มีไว้เพื่อแย่งชิงอำนาจ

เสด็จอาเก้าเหลือบตามองเฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินก้มหน้าลงต่ำ จึงไม่เห็นสายตาที่เสด็จอาเก้าจ้องมองมา

เสด็จอาเก้ารู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินคิดที่จะทำอะไร เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมามาก หลังจากนั้นไม่นาน ราชาเจียงหนานก็เดินเข้ามา จ้องมองพวกของชิงอ๋องด้วยแววตาอันดุร้าย จากนั้นก็ทำความเคารพเสด็จอาเก้าอย่างสุภาพ “เสด็จอาเก้า”

“ง่วงแล้ว ข้าขอตัวไปนอนก่อน” ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเป็นคนฉลาด รู้ว่าเรื่องใดที่ควรหรือไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้อง เมื่อราชาเจียงหนานเดินเข้ามา เขาจึงเป็นคนแรกที่คิดจะหลบหนี

ทุกคนต่างไม่ใช่คนโง่เขลา เมื่อเห็นเสด็จอาเก้าโจมตีชิงอ๋อง ก็รู้ได้ทันทีว่าเสด็จอาเก้าและราชาเจียงหนานจะต้องพูดคุยถึงเรื่องใด พวกเขาจึงหาเหตุผลในการจากไป แต่เนื่องจากคนเหล่านี้อยู่ในเมืองที่สงบสุขอย่างเจียงหนานมานาน กลอุบายในเรื่องการหาข้ออ้างจึงแย่กว่าแต่ก่อน ทำให้แต่ละเหตุผลจึงฟังไม่ขึ้น

“หากพวกเจ้าคิดจะหาข้ออ้าง พวกเจ้าก็ควรจะหาข้ออ้างที่มันเหมาะสมกว่านี้” เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนสุดท้ายที่เดินออกไป และเหลือเวทีนี้ให้เป็นของเสด็จอาเก้าและองค์รัชทายาท

นางรู้อยู่แล้วว่าที่เสด็จอาเก้าเดินทางมายังเจียงหนาน มันไม่ใช่เพราะต้องการมารักษาอาการป่วยเท่านั้น ผู้ชายคนนี้วางแผนที่จะแย่งชิงผลประโยชน์จากมือของผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา แม้แต่เป่ยหลิงยังไม่เว้น เช่นนั้นเขาจะปล่อยดินแดนที่อุดมสมบูรณ์อย่างเจียงหนานไปได้อย่างไร

เมื่ออ่านจบ ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีไม่ได้พูดออกมาในทันที แต่เขากำลังเข้าไปอยู่ในภวังค์แห่งความคิด

ผลการวินิจฉัย มันไม่ได้ออกมาง่ายดายขนาดนั้น

เฟิ่งชิงเฉินในตอนนี้ เหมือนกับญาติของผู้ป่วยทั่วไป แม้ว่าอยากจะรับรู้ถึงผลการตรวจเป็นอย่างมาก แต่นางก็กลับว่าเมื่อผลการตรวจออกมา นางอาจจะรับมันไม่ไหว

เวลาค่อย ๆ ล่วงเลยไป ผ่านไปนานก็ยังไม่ได้คำตอบจากปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี เฟิ่งชิงเฉินเริ่มไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อย ๆ คิดจะถามออกไปอยู่หลายครั้ง แต่ก็กังวลว่าจะไปรบกวนสมาธิของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี

“ชิงเฉิน......” เฟิ่งชิงเฉินเอ่ยปากออกมา เฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้นยืนตัวตรงและมองไปที่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีด้วยความคาดหวัง

“เจ้าเชื่อเรื่องปีจากภายในจิตใจของมนุษย์หรือไม่?” ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีไม่ได้พูดถึงอาการป่วยของเสด็จอาเก้า แต่ถามกลับมา

เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้า “เจ้าหมายถึงความผิดปกติทางจิตหรือการที่ไม่สามารถควบคุมความคิดและการกระทำของตนเองได้อย่างนั้นหรือ? ข้ารู้จัก”

“ใช่” ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีพยักหน้า “เป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดบาดแผลในจิตใจหรือจิตวิญญาณ คนบางคนเลือกที่จะผนึกมันไว้ในหัวใจ แต่ในบางครั้งมันก็ส่งผลกับการดำเนินชีวิตของพวกเขาเหล่านั้น”

“เจ้าจะบอกว่า เสด็จอาเก้ามีปีศาจอยู่ภายในหัวใจงั้นหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินรู้จักปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีดี เขาไม่มีทางพูดอะไรออกมาโดยไม่มีเหตุผล

เพียงแต่คนที่แข็งแกร่งอย่างเสด็จอาเก้า เขาจะได้รับผลกระทบจากปีศาจภายในได้อย่างไร? 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ