นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1334

ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเห็นใบหน้าที่สับสนของเฟิ่งชิงเฉิน เขาก็รู้ว่านางไม่อาจยอมรับมันได้ หรือไม่ก็ไม่อยากยอมรับมัน

ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีวางข้อมูลลงบนโต๊ะ กล่าวออกมาด้วยใบหน้าอันจริงจัง “ชิงเฉิน ในฐานะหมอ ในตอนที่พวกเราวิเคราะห์อาการป่วย พวกเราจะต้องทำมันอย่างยุติธรรม เราไม่อาจเอาความรู้สึกเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องได้ แม้ว่าผู้ป่วยเป็นคนสนิทก็ตาม เพราะมันอาจทำให้ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของพวกเรา

ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเข้าใจถึงอดีตที่ผ่านมาของเสด็จอาเก้ามากน้อยเพียงใด แต่ข้าขอบอกเจ้าไว้ก่อน อดีตที่ผ่านมาของเข้า มันเลวร้ายมากกว่าชีวิตคนธรรมดาทั่วไปหลายสิบเท่า เขารับแรงกดดันที่คนทำธรรมไม่อาจยอมรับได้ การที่เข้าจะมีชีวิตเหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป มันคงไม่ใช่เรื่องง่าย” ในตอนที่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีกล่าวออกมา เขาแทบไม่แสดงร่องรอยของความสงสารเลย

เฟิ่งชิงเฉินเปิดปากออกมา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถามอะไร

ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ตบไหล่ของเฟิ่งชิงเฉิน “ชิงเฉิน อย่าถามข้าว่าเสด็จอาเก้าผ่านอะไรมาบ้าง เพราะข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน อย่าถามเรื่องปีศาจภายในหัวใจของเสด็จอาเก้า และอย่าคิดเรื่องที่จะช่วยควบคุมปีศาจภายใน เสด็จอาเก้านั้นเป็นผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็ง เจ้ากับข้าต่างรู้ดี เขาไม่ต้องการความช่วยเหลือจากหมออย่างพวกเรา

แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง แต่ข้าก็รู้เรื่องที่เขาเข้าร่วมการฝึกหนึ่งร้อยคน และมีเพียงเสด็จอาเก้าคนเดียวเท่านั้นที่รอดชีวิตกลับมา และในหนึ่งร้อยคนนั้น ทุกคนล้วนแต่เป็นอัจฉริยะแห่งยุค”

เฟิ่งชิงเฉินเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไม่แตะต้องเรื่องในอดีตที่ผ่านมาของเขา”

เป็นเรื่องจริงที่เฟิ่งชิงเฉินอยากจะตรวจสอบอดีตที่ผ่านมาของเสด็จอาเก้า แต่เมื่อได้ยินปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีพูดเช่นนี้ นางจึงระงับและเก็บความคิดนี้เอาไว้ในใจ

ขุดคุ้ยเรื่องราวในอดีตของเสด็จอาเก้า สำหรับเสด็จอาเก้าแล้วมันคือการเปิดบาดแผลที่รุนแรง นางไม่อยากทำอะไรที่ต้องทำให้เสด็จอาเก้าต้องรู้สึกเจ็บปวดเพียงเพราะความหวังดีที่มีต่อเขา

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าเป็นเด็กดี และรู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร” ความชื่นชมเผยออกมาให้เห็นบนใบหน้าของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี “เรื่องนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจ เสด็จอาเก้าดีกับเจ้า พวกข้าเองก็เห็นด้วยดวงตาคู่นี้”

“เอ๋?” เฟิ่งชิงเฉินมองที่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีด้วยความไม่เข้าใจ “พวกเจ้ามองเห็นอะไรอย่างนั้นหรือ?” ต่อหน้าผู้คน ดูเหมือนว่าเสด็จอาเก้าจะไม่เคยปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดีมาก่อน

“แคก แคก......” ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีพบว่าตัวเองพูดผิดไป เขาจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อในทันใด “ใช่แล้ว ซือสิงยังไม่รู้ว่าเจ้ากลับมา เจ้ารีบไปหาเขาเร็ว ทันทีที่เจ้าเด็กนั่นถึงเจียงหนาน เขาก็เหมือนกับเป็นบ้า เอาแต่ค้นคว้าเกี่ยวกับวัคซีน ทั้งหมดเป็นความจริง เขาไม่รู้จักเป็นห่วงตัวเองเลยแม้แต่น้อย”

“ข้าได้เจอกับซือสิงตั้งแต่เมื่อกลางวันแล้ว” เฟิ่งชิงเฉินจ้องมองไปที่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีโดยไม่กะพริบตา เป็นการบ่งบอกปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีอย่างชัดเจนว่า มันไม่ง่ายที่จะเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา

ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเกาศีรษะและยิ้มอย่างเขินอาย “ข้าลืมไปเลยว่าเจ้าได้พบกับซือสิงมาแล้ว ข้าออกไปด้านนอกมาทั้งวัน วันนี้ข้ายังไม่รู้เลยว่าซือสิงพัฒนาอะไรไปบ้าง ข้าขอตัวไปดูเขาก่อน”

พูดจบแล้วคิดจะวิ่งหนี แต่เฟิ่งชิงเฉินเร็วกว่าเขาอยู่ก้าวหนึ่ง ขวางทางของเขาเอาไว้ “ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี เล่าทุกอย่างออกมาให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยไป เล่ามาว่าพวกเจ้าไปเห็นอะไรมากันแน่? ข้าก็ว่าอยู่ เหตุใดเสด็จอาเก้าจึงไม่ยอมเข้ามาทางประตูเมืองดี ๆ แต่กลับเปลี่ยนเป็นนั่งเรือเล็กเข้ามาแทน ที่แท้ก็เพราะต้องการทรมานพวกเจ้า พวกเจ้าไปทำสิ่งใดร้ายแรงถึงขั้นทำให้เสด็จอาเก้าต้องปฏิบัติกับพวกเจ้าอย่างเหี้ยมโหดเช่นนี้?”

“เรื่องนี้ คือเรื่องนี้......มันไม่ใช่ความผิดของพวกข้าจริง ๆ มันคือความผิดของราชาเจียงหนาน ทั้งหมดเป็นฝีมือของราชาเจียงหนาน” ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีไม่อยากแถต่อไปได้ เขาจึงทำได้เพียงโยนความผิดให้กับผู้อื่นอย่างหน้าไม่อาย

“ราชาเจียงหนาน? พูดเช่นนี้ก็แสดงว่าเสด็จอาเก้าไม่ใช่คนที่ทำให้เรื่องมันยุ่งยากไปเอง แต่เป็นพวกเจ้าที่บังคับให้เขาต้องทำเช่นนี้? ข้าก็ว่าอยู่ เหตุใดจู่ ๆ เสด็จอาเก้าถึงยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องของสำนักศึกษาหมอ ตำหนิหยุนเซียวและหวังชี และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ทั้งสองคนไม่กล้าโต้เถียงเลยแม้แต่น้อย ที่แท้พวกเจ้าก็ไปทำความผิดเอาไว้นี่เอง” ในที่สุดเฟิ่งชิงเฉินก็เข้าใจว่าเหตุใดหลังจากที่เสด็จอาเก้ามาถึงจวนราชาเจียงหนานแล้ว ถึงห้ามไม่ให้ผู้ใดออกไปรายงานต่อราชาเจียงหนาน

“ฮึฮึ......” ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีหัวเราะอย่างโง่เขลา ตัดสินใจที่จะสารภาพออกมา ในเมื่อเสด็จอาเก้ารู้เรื่องนี้แล้ว พวกเขาก็คงไม่สามารถปิดบังได้อีกต่อไป

ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเล่าเรื่อง “องครักษ์” ของราชาเจียงหนานที่ส่งไปป้องกันเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินอย่างลับ ๆ ออกมา แน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะบอกกับเฟิ่งชิงเฉินว่า ทั้งหมดเป็นฝีมือของราชาเจียงหนานและชิงอ๋อง ส่วนเขาเป็นเพียงแค่ผู้ร่วมชมเท่านั้น

“ดี ดีมาก พวกเจ้าว่างมากจนสั่งให้สายลับไปจับตาดูการเคลื่อนไหวของข้ากับเสด็จอาเก้า” เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมาด้วยใบหน้าอันบิดเบี้ยว

ไม่มีใครมีความสุขที่รู้ว่าเรื่องส่วนตัวของตนเองถูกคนอื่นนำมาพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ