นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1339

เหล่าบัณฑิตตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง องครักษ์ของเสด็จอาเก้าไม่ส่งเสียง ค่อย ๆ พันผ้าลงบนดาบของพวกเขาอย่างประณีต เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายบาดเจ็บมากเกินไปตอนที่ปะทะกัน และจะได้ไม่ต้องถึงเลือดถึงเนื้อ

ทั้งสองฝ่ายอยู่ด้านนอกประตูเมืองโดยไม่เคลื่อนไหว เหล่าบัณฑิตตะโกนอยู่นานก็ไม่มีใครสนใจ จึงเริ่มทนไม่ไหว เสียงของพวกเขาค่อย ๆ ลดลง เห็นว่าจนถึงตอนนี้เสด็จอาเก้าก็ยังไม่ยอมปรากฏตัวออกมา หลายคนมีความกล้าที่จะบุกเข้าไปด้านหน้า ต้องการที่เผชิญหน้ากับเสด็จอาเก้า แต่องครักษ์ก็สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของพวกเขา จึงชักหอกออกมา ยื่นออกไปขวางหน้าของคนเหล่านั้นไว้ “หากก้าวเข้ามาอีกแม้แต่ก้าวเดียว เช่นนั้นก็อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือน”

“พวกข้าคือบัณฑิตแห่งสำนักบัณฑิต ต้องการเข้าพบเสด็จอาเก้า” ไม่มีใครไม่กลัวความตาย จริงอยู่ว่าบัณฑิตเหล่านี้ค่อนข้างเลือดร้อน แต่พวกเขาก็ไม่ได้แสดงความกล้าที่ฮึกเหิม หรือแสดงออกมาว่าพวกเขาไม่เกรงกลัวต่อความตาย

พวกเขาแค่อยากสร้างชื่อเสียง อยากทิ้งประวัติศาสตร์ของตัวเองไว้ และอยากที่จะใช้โอกาสนี้ในการเข้าร่วมกับการเมือง

“พวกเจ้าเป็นใคร? คนอย่าพวกเจ้าคิดจะเข้าเฝ้าเสด็จอาเก้าอย่างนั้นหรือ?” องครักษ์ไม่ปกปิดความเย้ยหยันในดวงตาเอาไว้เลยแม้แต่น้อย อย่าว่าแต่บัณฑิตของสำนักบัณฑิตเลย ต่อให้เป็นอาจารย์ของสำนักบัณฑิตเองก็ไม่กล้าพูดออกมาเช่นนี้

“พวกข้า......” บัณฑิตที่เอ่ยปากออกมาผู้นั้นมีสีหน้าแดงก่ำ กัดฟันและพูดออกมาว่า “ชีวิตของทุกคนนั้นเท่าเทียมกัน เสด็จอาเก้าเองก็เป็นคน บัณฑิตขอเข้าพบจากใจจริง เหตุใดเสด็จอาเก้าจึงไม่ยอมให้พบ? หรือว่ากลัวอย่างนั้นหรือ?”

“เหลวไหล ในเมื่อชีวิตของทุกคนเท่าเทียมกัน เหตุใดเมื่อพบเจอกับขอทาน พวกเจ้าถึงไม่พูดคำพูดเช่นนี้ ไม่บอกว่าตนเองเท่าเทียมกับขอทาน แต่กลับมาบอกว่าตนเองเท่าเทียมกับเสด็จอาเก้า มันเป็นเพียงการส่งเสริมตนเอง ช่างหน้าซื่อใจคดยิ่งนัก” เสียงของเฟิ่งชิงเฉินดังผ่านหน้าต่างของรถม้า บัณฑิตผู้นั้นถูกพูดแทงใจดำ เขารู้สึกโกรธและอับอาย จึงสาปแช่งออกมาว่า “คำพูดของพวกข้า ใช่สิ่งที่สตรีผู้ไร้สติปัญญาอย่างเจ้าจะแทรกแซงได้อย่างนั้นหรือ”

“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าทุกคนต่างเท่าเทียมไม่ใช่หรือ? เหตุใดข้าถึงได้กลายเป็นสตรีผู้ไร้สติปัญญาไปเสียแล้ว” เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนที่ไม่ยอมคน และบัณฑิตผู้นี้เองก็เช่นกัน ใบหน้าของเขาน่าเกลียดขึ้นเรื่อย ๆ โกรธจนตัวสั่น น่าเสียดายที่เฟิ่งชิงเฉินมองไม่เห็น

“ท่านอ๋อง ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว” มู่เหลียวรายงานเสด็จอาเก้าผ่านม่านของรถม้า

เสด็จอาเก้าส่งเสียงตอบรับ หันไปพยักหน้าให้กับเฟิ่งชิงเฉิน ทันทีที่เสด็จอาเก้าเปิดผ้าม่านของรถม้าออก องครักษ์ก็เข้ามาด้านหน้าทันที เชิญเสด็จอาเก้าลงมาจากรถม้าด้วยความเคารพ

ในวินาทีที่เสด็จอาเก้าปรากฏตัวออกมา ทุกอย่างเต็มไปด้วยความเงียบงัน เหล่าบัณฑิตที่เอาแต่ส่งเสียงไม่หยุดเหล่านั้น แต่ละคนก็เอาแต่อ้าปากค้าง ราวกับไม่กล้าเชื่อว่าคนที่ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาก็คือเสด็จอาเก้า

มีข่าวลือจากเมืองหลวงมากมาย เล่ากันว่าความสง่างามของเสด็จอาเก้านั้นไม่มีใครอาจเทียบเคียง แต่มีประชาชนคนธรรมดาจำนวนน้อยมากที่ได้เห็นตัวจริงของเสด็จอาเก้า และบัณฑิตเหล่านี้เองก็ไม่เคยเห็นเสด็จอาเก้ามาก่อน

เมื่อเสด็จอาเก้าผู้สูงศักดิ์ก้าวลงมาจากรถม้าอย่างสง่างาม ด้วยรัศมีและความน่าเกรงขาม บัณฑิตเหล่านี้ได้แต่ตกตะลึง ก้มหน้าลงต่ำโดยไม่รู้ตัว

เสด็จอาเก้ากวาดสายตามองไปที่ทุกคนด้วยสายตาอันเยือกเย็น จากนั้นก็ไปหยุดอยู่บนร่างของบัณฑิตที่หุนหันพลันแล่นมาหาตนเอง เอ่ยปากขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา “พวกเจ้าอยากพบข้า?”

“พวก พวกข้า......” ภายใต้แรงกดดันของเสด็จอาเก้า แม้แต่คำพูดปกติทั่วไปก็ไม่อาจเอ่ยขึ้นมาได้ เมื่อเผชิญหน้ากับดวงตาอันดำมืดของเสด็จอาเก้า ในหมู่ของพวกเขาไม่มีใครกล้าสบตากับเสด็จอาเก้าแม้แต่คนเดียว

“ได้เข้าเฝ้าข้าแล้วยังไม่คุกเข่า บัณฑิตอย่างพวกเจ้าไม่มีมารยาทกันแล้วอย่างนั้นหรือ? อาจารย์ในสำนักบัณฑิตไม่สั่งสองพวกเจ้าเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวเมื่อได้พบคนของราชวงศ์งั้นหรือ?” น้ำเสียงของเสด็จอาเก้าไม่ได้รุนแรง เขาพูดออกมาอย่างเชื่องช้าและเยือกเย็น แต่กลับสร้างแรงกดดันอันยิ่งใหญ่ ขาของบัณฑิตเหล่านั้นอ่อนระทวย ในตอนที่พวกเขาได้สติกลับคืนมา เวลานี้พวกเขาก็ได้คุกเข่าลงไปแล้ว

“ถวายบังคมเสด็จอาเก้า ขอเสด็จอาเก้าทรงอายุยืนนาน พันปี พัน พันปี”

พลังของการเป็นแบบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หลังจากหัวโจกพวกนี้คุกเข่าลง บัณฑิตที่อยู่ด้านหลังก็เริ่มขี้ขลาด แต่ละคนคุกเข่าลงมาพร้อมกับถวายบังคม แม่ทัพที่เฝ้าประตูเมืองอยู่ เมื่อเห็นฉากที่เกิดขึ้น ดวงตาของเขาก็แทบหลุดออกมาจากเบ้า

อะไรกัน ทันทีที่เสด็จอาเก้าปรากฏตัวออกมา เขาก็สามารถสยบทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างนั้นหรือ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ