นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1343

สรุปบท บทที่ 1343 จิตใจ, ผู้ชนะคือคนเขียนประวัติศาสตร์: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สรุปตอน บทที่ 1343 จิตใจ, ผู้ชนะคือคนเขียนประวัติศาสตร์ – จากเรื่อง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

ตอน บทที่ 1343 จิตใจ, ผู้ชนะคือคนเขียนประวัติศาสตร์ ของนิยายInternetเรื่องดัง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดยนักเขียน อาช้าย เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

การทำให้ฝู่หลินเชื่อฟังนั้นราบรื่นจนน่าแปลกใจ หลังจากที่เอ่ยถึงเรื่องดวงดาวจักรพรรดิ ฟางเส้นสุดท้ายก็ได้ขาดลง ฝู่หลินเชื่อใจและยอมรับเสด็จอาเก้าจากใจจริง

คนข้างกายของเสด็จอาเก้า สามารถมองดวงดาวแห่งจักรพรรดิออก แน่นอนว่าต้องรู้ว่าชีวิตของเสด็จอาเก้านั้นมีดวงดาวจือเว่ยเป็นดวงดาวประจำกาย ซึ่งบ่งบอกถึงอำนาจและรูปลักษณ์ของจักรพรรดิ

หลังจากฝู่หลินจากไป เสด็จอาเก้าก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่เคลื่อนไหว ในสมองของเขานึกถึงภาพที่ตนเองดูดาวกับเฟิ่งชิงเฉินขึ้นมา เขารู้สึกว่าตอนนั้นเองเฟิ่งชิงเฉินก็น่าจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ไม่เช่นนั้นนางจะชี้ให้เขาเห็นถึงดวงดาวแห่งจักรพรรดิได้อย่างไร

เฟิ่งชิงเฉินคือดวงดาวแห่งความโชคดีที่แท้จริงของเขา

เมื่อนึกถึงเฟิ่งชิงเฉิน มุมปากของเสด็จอาเก้าก็ยกขึ้นโดยไม่ตั้งใจ ความอ่อนโยนที่ปรากฏออกมาจากดวงตาของเขา เกรงว่าแม้แต่ตัวเองก็คงไม่รู้ตัว

นั่งเงียบอยู่ในห้องหนังสือพักหนึ่ง เสด็จอาเก้าลุกขึ้นและเดินออกมา ในห้องนอน เฟิ่งชิงเฉินกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง

ไม่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินมีนิสัยเสียเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ชอบอ่านหนังสือในห้องหนังสือ แต่กลับชอบอ่านหนังสือบนเตียงนอน บางครั้งมองไปมองมา อีกฝ่ายก็เบือนหน้าหนี

“กลับมาแล้ว” ได้ยินเสียงเปิดประตู เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าขึ้น จากนั้นก็วางหนังสือในมือลงด้านข้าง ลุกขึ้นตามธรรมชาติ เดินมาด้านหน้าของเสด็จอาเก้า

เสด็จอาเก้าเห็นดวงตาที่เปล่งประกายของเฟิ่งชิงเฉิน ทำให้เขาไม่อาจระงับอารมณ์ได้ครู่หนึ่ง ก้มหน้าลงและจูบไปบนขอบตาของเฟิ่งชิงเฉิน “ข้ากลับมาแล้ว”

เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมา ยื่นมือออกเพื่อถอดเสื้อคลุมให้กับเสด็จอาเก้า จากนั้นก็นำผ้าสะอาดให้เขา ทำตัวเหมือนภรรยาที่ดีทั่วไปคนหนึ่ง

“เจ้าไม่อยากรู้อย่างนั้นหรือ ว่าฝู่หลินมาหาข้าด้วยเรื่องอันใด?” เสด็จอาเก้าเช็ดมือพร้อมกับถามออกมา

เฟิ่งชิงเฉินยิ้ม ตอบกลับไปโดยไม่คิด “เรื่องนี้ยังต้องถามอีกงั้นหรือ ฝู่หลินมาหาเจ้าดึกดื่นป่านนี้ เกรงว่าจะมาร้องขออะไรบางอย่าง องค์ชายทั้งสองในตงหลิงกำลังต่อสู้กัน ร่างกายของจักรพรรดิก็ค่อย ๆ แย่ลงเรื่อย ๆ แน่นอนว่าฝู่หลินต้องหาเจ้านายใหม่ หากเวลานี้ฝู่หลินยังไม่ยอมเข้ากับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ในอนาคตก็ไม่มีที่ยืนสำหรับเขาอีกต่อไป”

ฝู่หลินไม่เหมือนกับตระกูลใหญ่ในตงหลิง ตระกูลเหล่านั้นมีรากฐานมานานหลายปี แต่อำนาจของฝู่หลินนั้นขึ้นอยู่กับจักรพรรดิ หากจักรพรรดิรับสั่งออกมา หรือเกิดอะไรขึ้นกับจักรพรรดิในภายภาคหน้า เมื่อจักรพรรดิองค์ใหม่ปรากฏขึ้น ฝู่หลินก็ไม่มีที่พึ่ง ดังนั้นฝู่หลินต้องเลือกที่จะอยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

“คาดเดาได้แม่นยำมาก ฝู่หลินเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล สายตาของเขาไม่ได้มองแค่ตงหลิงเท่านั้น” เสด็จอาเก้าไม่ได้ปกปิดความชื่นชมของตนเองเลยแม้แต่น้อย เขาเดินจูงมือเฟิ่งชิงเฉินไปข้างเตียง

แม้เขาคิดว่าการพูดคุยกันตอนที่อยู่บนเตียงจะไม่ใช่การกระทำที่สมควรรัก แต่เพื่อรั้งให้เฟิ่งชิงเฉินอยู่ที่นี่ ต่อให้ไม่สมควรมันก็ไม่เห็นจะเป็นไร

เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจในความคิดของเสด็จอาเก้าดี นางแค่ไม่อยากทำลายน้ำใจของชายผู้นี้ บางครั้งตามใจอีกฝ่ายบ้างก็ไม่ได้เสียงหาย เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ มันก็อาจสร้างความรู้สึกดี ๆ ให้กับอีกฝ่ายได้เช่นกัน

อยู่บนเตียงเดียวกับเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินโน้มตัวเข้าไปแนบชิดในอ้อมแขนของเสด็จอาเก้า จากนั้นถามออกมาอย่างเกียจคร้าน “ทำไม? ฝู่หลินต้องการครอบครองใต้หล้างั้นหรือ? ต้องการฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ของตระกูลฝู่?”

“อ่า” เสด็จอาเก้าก้มลง หน้าผากของเขาแนบชิดกับหน้าผากของเฟิ่งชิงเฉิน เขาคิด อุณหภูมิร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินในเวลานี้ เป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบ เขาชอบความรู้สึกที่ได้แนบชิดและกอดเฟิ่งชิงเฉิน มันช่างอบอุ่นยิ่งนัก

สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าใครถูกหรือผิด ทั้งหมดเป็นเรื่องของการแย่งชิงผลประโยชน์ ทุกคนล้วนแต่อยากอยู่เหนือผู้อื่น ไม่เคยคิดให้โลกนี้อยู่อย่างสงบ ไม่เคยคิดถึงสมดุลของโลก และหากสมดุลถูกทำลายลง เรื่องราวทั้งหมดก็จะต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

“แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของเขา ไม่ได้เป็นความจริงทางประวัติศาสตร์ ข้าแค่พูดออกมาเล่น ๆ เท่านั้น” หลังจากเฟิ่งชิงเฉินพูดจบ นางก็ไม่ลืมที่จะกล่าวเสริมออกมา ไม่ได้มีความสนใจอำนาจเหล่านี้แต่อย่างใด

เสด็จอาเก้ากะพริบตาเบา ๆ ซ่อนความตกใจในดวงตาของเขาและพูดอย่างใจเย็น “ความแค้นระหว่างตระกูลหลานกับเฟิ่งหลี ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการแย่งชิงอำนาจ แต่เป็นเพราะลูกสาวที่ชอบธรรมของตระกูลเฟิ่งหลี จักรพรรดิในราชวงศ์ก่อนเอ็นดูลูกสาวของตระกูลเฟิ่งหลี จึงต้องการครอบครองลูกสาวผู้นั้นของตระกูลเฟิ่งหลี ทำให้ต้องเผชิญหน้ากับความแค้นอันยิ่งใหญ่ของตระกูลเฟิ่งหลี” อย่างน้อยประวัติศาสตร์ก็เขียนเอาไว้อย่างนั้น

“เอ็นดู? ข้าไม่เชื่อในคำพูดดังกล่าว เจ้าพูดเรื่องนี้ข้าให้ฟังเพื่ออะไร จักรพรรดิจะมีความรู้สึกเช่นนั้นได้อย่างไร มันก็แค่เอาความรักมาเป็นข้ออ้าง เพื่อยึดครองอำนาจและกดดันอีกฝ่าย และตระกูลเฟิ่งหลีเองก็แค่ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการโจมตีตระกูลหลาน ทั้งสองฝ่ายต่างคิดว่าตนเองจะเป็นฝ่ายชนะ คิดไม่ถึงว่าจะต้องมาพบกับความพ่ายแพ้เช่นนี้” คนในโลกต่างบอกว่า ที่ราชวงศ์ก่อนต้องล่มสลายก็เพราะจักรพรรดินั้นรักลูกสาวของตระกูลเฟิ่งหลี แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับดูถูกคำพูดดังกล่าว

“เชื่อในประวัติศาสตร์ ดีกว่าไม่มีประวัติศาสตร์ให้เชื่อ นี่คือสิ่งที่เขียนไว้ในประวัติศาสตร์ และเป็นบทสรุปในการล่มสลายของราชวงศ์ก่อน” น้ำเสียงของเสด็จอาเก้าดูเศร้าหมอง ราวกับแบกรับความโศกเศร้าอันหนักหน่วง

น้ำเสียงเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกไม่ชอบใจยิ่งนัก เฟิ่งชิงเฉินขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป นางเพียงกล่าวออกมาว่า “ผู้ชนะคือคนเขียนประวัติศาสตร์ เพียงแค่เขียนให้ดูเหมือนว่าจักรพรรดิองค์ก่อนนั้นชั่วร้าย ไร้ความสามารถ จักรพรรดิของสี่ประเทศถึงดูเป็นที่น่านับถือ บอกว่าตนเองนั้นไม่ได้แย่งชิงประเทศพวกนี้มา แค่กำจัดจักรพรรดิที่ไร้ความสามารถ และทำเพื่อสร้างความรุ่งโรจน์และความสุขให้กับเหล่าราษฎร”

“ที่เจ้าพูด......มันก็มีเหตุผล” เสด็จอาเก้าไม่ได้แสดงออกมา แต่ในใจของเขาปั่นป่วนยิ่งนัก ไม่ต้องพูดถึงคนนอก แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน

เขาเพียงคิดว่านี่เป็นเพียงสถานการณ์ที่เปิดเผยออกมาให้เห็นในเวลานั้น ผู้เขียนประวัติศาสตร์ไม่ได้รู้ลึกลงไป คนพวกนี้เพียงแค่เขียนลงไปตามที่ตนเองเห็น แต่เวลานี้เขาก็คิดว่าคงเป็นเพราะจักรพรรดิของทั้งสี่ประเทศ ที่เข้ามาแก้ไขประวัติศาสตร์หลังจากที่ตนเองได้ขึ้นครองราชย์บัลลังก์......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ